บทที่นำ
บทนำ
"เฮงซวยแค่เกิดอยู่ในตระกูลนี้ก็เฮงซวยมากเกินพอแล้วยังจะบังคับทำนู่นทำนี่อีก กูไม่อยากเกิดมาอยู่ในตระกูลนี้เลย!"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เฉิน!...ถ้ามึงกล้าออกไปจากบ้านของกูถือว่าความเป็นพ่อลูกของเราขาดกัน" สายตาของลูกชายนั้นกวาดมองผู้เป็นพ่อด้วยความไม่พอใจ เขาไม่เคยกลัวในคำขู่ชายหนุ่มผู้นั้นคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าและเดินออกจากบ้านไปโดยที่ไม่สนใจใยดีพ่อของตัวเองเลยสักนิด
"อึก! อ๊ะอย่าไปนะเฉินกลับมาหาพ่อเดี๋ยวนี้" ชายชรายกมือจับเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเพียงไม่นาน เขานั้นทรุดเข่าลงกับพื้นร่างบางของหญิงสาวรีบพุ่งตัวเข้ามาพยุงเอาไว้ ใบหน้าน้อยจ้องมองด้วยความเป็นห่วง
"คุณตาคะใจเย็นๆ นะคะ ใครก็ได้ช่วยด้วยฉันจะพาคุณตาไปโรงพยาบาลที"
"ไม่ต้องพาไปหรอกต่อให้พาไปพ่อของฉันก็ตายอยู่ดี!" หญิงสาววัยกลางคนสวมใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงถือพัดเดินตรงมาพร้อมกับใบหน้าที่แจ่มใสเขาไม่ตกใจเลยสักนิด
"แม่เลี้ยงคะทำไมแม่เลี้ยงถึงพูดแบบนี้คุณตากำลังแย่นะคะ" น้ำเสียงสั่นเครือพร้อมกับแววตาที่จ้องมองหน้าคนที่เธอนั้นเรียกว่าแม่เลี้ยง
"ไม่เป็นไร! อึก! ญานิตาตาฝากเฉินด้วยนะลูกอย่าทิ้งอาเฉินนะ เฮือก~"
มือของชายชราที่จับแขนของหญิงสาวอ้อนวอนขอเป็นครั้งสุดท้ายนั้นร่วงหล่นไปพร้อมกับใบหน้าและลมหายใจเฮือกสุดท้าย
"คุณตา! คุณตาคะอย่าเพิ่งเป็นแบบนี้สิคะใครก็ได้ช่วยเอารถออกที แม่เลี้ยงคะจะปล่อยให้คุณปู่เป็นแบบนี้เหรอคะ" แม่เลี้ยงเดินขยับเข้าไปใกล้ๆ มือหนาขวาจับต้นแขนของญานิตากระชากออกจนลำตัวของเธอนั้นลุกขึ้นยืนตามแรงของแม่เลี้ยง
"คนที่ตายไปแล้วยากที่จะเอากลับคืนมา อีกอย่างคุณตาของเธอเขาไม่ได้ใจดีอย่างที่คิดเพิ่งจะมาสำนึกได้ก็ตอนใกล้ตายนี่แหละ เมื่อก่อนนี้เขาเลวกับแม่มากแค่ไหนถ้าแกรู้แกจะไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เลย" มือน้อยทั้งสองข้างยกมือเช็ดน้ำตาตัวเองที่สะอื้นไห้กับเหตุที่อยู่ตรงหน้า
"หยุดนะญานิตา! ถ้าเธอรักแม่แสดงว่าเธอไม่เคารพแม่ เราทั้งสองคนต้องตัดขาดกัน"
ในขณะที่ร่างบางนั้นกำลังจะนั่งลงไปหาคุณปู่ของเธออีกครั้ง...แต่เธอต้องหยุดชะงักเพราะว่าผู้ที่ตนเองนั้นเรียกว่าแม่เลี้ยงได้ใช้คำขู่
เวลาผ่านไป
แม่เลี้ยงไม่แม้แต่จะจัดงานศพให้กับพ่อของตัวเองแต่เธอนั้นให้เอาศพของผู้เป็นพ่อไปไว้ในโลงแก้วซึ่งเธอได้จัดเตรียมเอาไว้แล้วเป็นบ้านหลังเล็กๆ ด้านหลังของบ้านหลังใหญ่ซึ่งเธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าพ่อของเธอนั้นตายแล้ว
ญานิตาได้เพียงแต่นั่งร้องไห้อยู่ในห้องเมื่อประตูห้องเปิดแม่เลี้ยงของเธอเดินเข้ามา ร่างบางคุกเข่าลงตรงหน้าให้แม่เลี้ยงนั้นนั่งบนเตียงส่วนเธอนั่งลงด้านล่าง
"ทำไมเราถึงไม่!"
"เธอกำลังจะพูดว่าทำไมถึงไม่จัดงานศพให้กับตาเธออย่างนั้นเหรอ! อย่าโง่สิญานิตา ถ้าไอ้เฉินมันรู้ว่าคุณตาตายแล้วมันต้องกลับมาเอาสมบัติครึ่งหนึ่งแน่นอน! ฉันยังเสียมันไปไม่ได้เพราะฉันต้องเอาไว้ลงทุนอีกอย่างจะจัดงานศพให้มันวุ่นวายทำไมถึงเวลานั้นค่อยจัดการ! ขอสั่งห้ามนะว่าอย่าไปวุ่นวายกับบ้านหลังนั้นที่เอาศพตาของแกไปไว้ ถ้าไม่เชื่อรู้ใช่ไหมว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น"
"ฮึ๊ก! นิตาอยากกลับบ้าน" ใบหน้าน้อยส่ายไปมาน้ำตาของเธอนั้นไหลพรากรู้สึกกลัวแม่เลี้ยงจนเธออยากกลับบ้านและออกมาจากบ้านหลังนั้น มือหนาจับต้นแขนของญานิตาอีกครั้ง
"เธอก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้แล้ว...คิดเหรอว่าเธอจะออกไปได้ง่ายๆ เธอคือลูกสาวที่แท้จริงของฉัน! เธอจะกลับไปอยู่บ้านที่ล้มละลายพ่อของเธอยังอยู่ในคุกอย่างนั้นเหรอ อีกอย่างถ้าเธอไม่ได้ฉันเธอไม่มีวันหนีไอ้ลูกผู้มีอิทธิพลรอดมาถึงทุกวันนี้หรอก! ลืมไปแล้วเหรอญานิตา" เนื้อตัวของเธอสะดุ้งสั่นเครือยิ่งได้ยินคำพูดพร้อมทั้งคำขู่ของแม่เลี้ยงเธอนั้นยิ่งหวาดกลัว
"ไม่เป็นไรนะลูก...แม่ไม่มีวันทำร้ายลูกที่แท้จริงของแม่อย่างแน่นอน! ขอให้เชื่อใจแม่นะ" หญิงสาววัยกลางคนผู้ที่ขึ้นชื่อว่าแม่เลี้ยงนั้นดึงร่างบางของญานิตาเข้าไปกอด มือหนาลูบหัวของลูกสาวเบาๆ พร้อมทั้งคำพูดที่แข็งกระด้าง
"แล้วคุณแม่จะให้นิตาทำอะไรเหรอคะ" ใบหน้าน้อยคิ้วขมวดเข้าหากันจ้องมองหน้าของผู้เป็นแม่เห็นเพียงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่บนใบหน้าของแม่เลี้ยงยิ่งดูยิ่งจ้องมองก็ยิ่งน่ากลัวเหมือนเขามีแผนการบางอย่างที่จะให้เธอทำ
"ไม่มีอะไรมากหรอกญานิตา! แม่จะให้ลูกไปเรียนเป็นนักฆ่า"
"ห๊ะฮึ๊ก! หมายความว่ายังไงเหรอคะ"
"คุณตาของลูกมีน้องชายอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ซึ่งเขาได้เรียนวิชาและฝึกสอนยากูซ่าเก่งๆ มาหลาย 10 คน แม่อยากให้ญานิตาเป็นสาวนักฆ่าที่เก่ง"
"ไม่ไปค่ะ! ไม่ไปยังไงก็ไม่ไป ไม่ไป!"
"พรวด!~"
เจ้าของเรือนร่างบางสะดุ้งพรวดตื่นจากฝันร้ายใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อมากมายจนไหลเปื้อนหมอนและที่นอน ญานิตาตื่นจากฝันร้ายพร้อมทั้งมือสองข้างลูบใบหน้าของตัวเอง
"เมื่อไรฉันจะเลิกฝันถึงเหตุการณ์เลวร้ายเมื่อ 5 ปี ก่อนสักที" ญานิตาถอนหายใจเธอเหนื่อยที่จะต้องเจอฝันร้ายแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
"พรึ่บ!"
เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างตรงหน้าต่างญานิตาเธอหยิบมีดคู่กายซ่อนไว้ในมือซึ่งอยู่ช่วงข้อแขนของตนเองโดยที่มีแขนเสื้อปิดไว้ ร่างบางลุกขึ้นโดยที่เธอนั้นไม่เปิดไฟเพราะว่าในความมืดสลัวๆ ทำให้เธอเห็นสิ่งแปลกปลอมง่าย
"พรึ่บ! โอ๊ย" เป็นอย่างที่ญานิตาคิดจริงๆ มีคนเล่นไม่ซื่อลอบเข้ามาทำร้ายเธอทางหน้าต่าง ญานิตาใช้ความเท้านิ่งของตัวเองและมีดคู่กายเดินมาจนถึงเธอใช้มีดนั้นเสียบเข้าต้นแขนของโจรคนนั้นจนมันร่วงหล่นลงไปตั้งแต่ชั้น 2 ลงจนถึงด้านล่างเธอจึงรีบคว้าเปิดไฟ
"พรึ่บๆ"
"เกิดอะไรขึ้นเหรอลูก" ห้าปีผ่านไปนั้นผู้เป็นแม่เลี้ยงยังไม่เคยแก่ลงเลยด้วยศัลยกรรมและโบท็อกที่ฉีดอยู่ทุกเดือนใบหน้าสวยเอ่ยถามลูกสาวเพราะได้ยินเสียงร้องของผู้ชายดังมาจากห้องของลูก
"มีคนเข้ามาทำร้ายค่ะ..,เราไปดูกัน" ญานิตาพาแม่เลี้ยงลงมาที่จุดเกิดเหตุผู้ชายคนนั้นร่วงหล่นลงมาเจ็บไม่พอยังถูกลูกน้องของแม่เลี้ยงกระทืบซ้ำ
"หยุด!"
เพียงคำสั่งประโยคเดียวที่เอ่ยสั่งลูกน้องทุกคนนั้นหยุดชะงักรีบกุมมือเข้าหากันโดยที่ก้มใบหน้าลงส่วนชายผู้ร่วมหล่นลงมาและถูกมีดเสียบนั้นอาการสาหัส
"ใครส่งมึงมา!"
น้ำเสียงเรียบนิ่งของแม่เลี้ยงเอ่ยถามโจรกระจอกที่ถูกจับได้
"อึกๆ กูไม่บอกหรอก"
สายตาของโจรกระจอกกวาดมองแม่เลี้ยงด้วยความเกลียดชังแต่ทำไมในแววตาคู่นั้นแม่เลี้ยงกลับรู้สึกแปลกๆ
"เราทั้งสองคนรู้จักกัน??"
"อีเลว! มึงให้คนฆ่าลูกชายกู กูก็จะฆ่ามึงกับลูกสาวของมึง...ตายซะเถอะ"
แม่เลี้ยงเพียงก้าวถอยหลังหนีแค่ก้าวเดียวคนที่รับมือแทนนั้นคือญานิตาเธอไม่ปล่อยให้แม่ของเธอถูกทำร้าย ด้วยความมือเร็วที่ร่ำเรียนวิชามา 5 ปี เธอคว้าจับมือของคนที่จับมีดเตรียมที่จะแทงแม่เลี้ยงหันกลับเสียบเข้าไปที่ท้องของมันเอง
"โจรกระจอก! เอามันไปจัดการเก็บมันให้เรียบร้อยอย่าให้เห็นแม้แต่เงา" ใบหน้าสวยของแม่เลี้ยงพยักหน้าให้กับลูกน้องจัดการโจรกระจอกนั้น
แม่เลี้ยงหันมองลูกสาวของตัวเองเขายิ้มด้วยความพอใจที่ลูกสาวของเขานั้นเก่งและไหวพริบเร็ว
"ในตอนนี้แก๊งยากูซ่าของเราก็ครบแล้วลูกสาวของแม่เก่งมากที่สุด" มือหนาจับประคองเข้าไปหน้าของญานิตาพร้อมกับคำชมญานิตาเธอไม่เคยมีความสุขเลย แต่ที่เธอทนเรียนมา 5 ปี เพราะรอคอยที่จะได้กลับมาอยู่ที่ประเทศไทย
"คุณแม่ต้องการอะไร"
ญานิตาเปรียบดั่งผู้หญิงไร้หัวใจซึ่งเธอทำร้ายคนมาหลายคนตามคำสั่งของแม่เลี้ยง แต่ถ้าเธอปฏิเสธมีแต่สูญเสียและความเจ็บปวดเกิดขึ้นกับตัวเอง ญานิตาจึงยอมจำนนและทำตามคำสั่งของแม่เลี้ยงทุกอย่าง
"ดีมากลูกสาวของแม่ ในวันพรุ่งนี้ท่านรองจัดงานเลี้ยงต้อนรับลูกสาวที่เพิ่งเรียนจบมาจากต่างประเทศ! แล้วแม่ต้องการให้ลูกจัดการใครบางคนให้ในวันนั้นมันต้องไปร่วมงานแน่นอนเพราะว่ามันเป็นเพื่อนกัน"
ลูกสาวท่านรองหมายถึงปุยฝ้ายหรือเปล่าแม่เลี้ยงนั้นไม่รู้ว่าญานิตาเป็นเพื่อนกับลูกสาวท่านรองด้วย
"ใครเหรอคะ??"
แม่เลี้ยงยื่นรูปคนที่เธอนั้นหมายหัวให้กับญานิตา สายตาคู่น้อยก้มมองเธอนั้นตกใจได้เพียงแต่เก็บอาการเอาไว้
"เขาเป็นใคร?" ญานิตารู้จักคนในรูปดีแต่เธอเพียงแกล้งเอ่ยถามแม่เลี้ยงเท่านั้น
"เป็นใครไม่สำคัญหรอกที่เรารู้มันมียศใหญ่มากกว่าท่านรอง! แล้วมันก็เคยทำให้แม่เจ็บแสบมาก! จัดการมันให้ได้ฆ่ามันซะ" ญานิตาได้เพียงจะกลืนน้ำลายลงคอ เธอยังตกใจไม่หายหลังจากที่ขึ้นมาในห้องร่างบางได้เพียงแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไงดี
"นี่มันอะไรกัน! ทำไมต้องเป็นเขาด้วย"