หลังจากหนีชีวิตจากประเทศไทยที่ตัวเองล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อสามปีก่อนเพราะถูกกระทำและถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ตัวเองใช้ความสามารถที่มี จนตอนนี้ได้ยกระดับชีวิตตัวเองขึ้นมาได้สักที กว่าจะมีอำนาจในแผ่นดินใหญ่ที่ประเทศจีนได้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ถ้าไม่ได้คุณตา กูคงไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้
"มะลิอยู่ไหน" กูถามเสี่ยวหลงทันทีที่มาถึงบ้าน
มะลิหรือจัสมินหยางคือภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย เราสองคนแต่งงานกันเมื่อสองปีที่แล้ว มีแค่คุณตาเท่านั้นที่รับรู้เรื่องการแต่งงานของเรา
เมื่อก้าวขาเข้าบ้านกลับไม่เจอกับภรรยาตามปกติ ทุกๆ วันจะเจอกับมะลิคอยรับเข้าบ้านมาตลอด แต่ทำไมวันนี้แปลกไป
"เธออยู่ด้านบน บ่นว่าเพลียๆ " เสี่ยวหลงตอบพร้อมกับก้มหน้าตามปกติที่ชอบทำ
เสี่ยวหลงและมะลิเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็กๆ สองคนนี้สนิทกันมาก เมื่อประมาณเกือบสามปีก่อนเกิดเหตุบางอย่างขึ้นทำให้ทั้งสองหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้านั่น
กูจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี วันที่เจอกับมะลิวันแรกและเป็นรักแรกของกูเช่นกัน
วันนั้นเมื่อเกือบสามปีก่อนกูย้ายมาจีนได้ประมาณสองเดือนกว่าๆ กูมีอำนาจของคุณตาอยู่ในมือเลยมีอิทธิพลมาเล็กน้อยและลูกน้องของคุณตาก็ยังเคารพกูด้วยเช่นกัน
กลางดึกของวันนั้นหลังจากเลิกงานและกำลังจะกลับบ้านในเส้นทางเปลี่ยวที่คนทั่วไปมักไม่สัญจร ไม่รู้ว่าเอะใจอะไรถึงมาเส้นทางนี้
ระยะทางเกือบจะถึงบ้านกูอีกไม่กี่กิโลเมตร อยู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาขวางทางรถด้วยระยะประชิด จากความเร็วไม่มากนักแต่ในระยะประชิดทำให้เกิดการชนขึ้น
กูลงจากรถพร้อมกับลูกน้องอย่างหัวเสีย เหตุการณ์วิ่งให้รถชนมักเจอประจำกับแผ่นดินนี้
เสียเวลากูฉิบหาย!
"ชะ...ช่วยด้วย! ช่วยหนูด้วย ฮือๆ " หญิงสาวเลือดท่วมตัววิ่งมากอดขากูแน่นพร้อมกับร้องห่มร้องไห้แทบขาดสติ "ช่วยเพื่อนหนูด้วย ฮือๆ เสี่ยวหลง ตรงนั้น! " เธอชี้ไปยังข้างทางซึ่งมีป่ารกทึบบริเวณนั่น
"ปล่อย! " กูสะบัดขาจนเธอกระเด็นออกไป
นกต่อหรือเปล่ากูก็ยังไม่รู้เลย ถ้าเกิดเข้าไปด้านในนั้นมันฆ่ากูขึ้นมาทำยังไง เพราะกูยังไม่รู้จักแผ่นดินนี้ดีเท่าไรนัก
"ชะ...ช่วยหนูด้วย ฮือๆ ไม่งั้นเสี่ยวหลงตายแน่ ช่วยหนูด้วย! " เธอกราบแทบเท้ากูนับครั้งไม่ถ้วนพร้อมกับน้ำตาไหลตลอดเวลา
"ผมว่าอย่าเลยนะครับ…" ลูกน้องคอยห้ามเตือนและกูก็คิดแบบเดียวกับมัน
การใช้ผู้หญิงเป็นตัวล่อมักได้เสมอ และคนอย่างกูคงไม่หลงกลอะไรง่ายๆ หรอก
"อย่ามาจับตัวกู! " กูสะบัดขาอีกครั้งจนเธอกระเด็นออกไปไกลด้วยสภาพสะบักสะบอม
กูย่อตัวลงเทียบเธอก่อนจะพิจารณาหน้าตาที่บวมช้ำและมีเลือดท่วมทั้งใบหน้าและลำตัว ถ้าใช้การแต่งหน้าช่วยมันคงเป็นมืออาชีพมากแน่ๆ
"โอ๊ย! " น้ำเสียงแหบพร่าร้องเสียงหลงเมื่อกูลองแตะบริเวณแผ่นหลังเบาๆ "ขอร้อง...ช่วยหนูด้วยนะคะ"
"..."
"ช่วยชีวิตหนูกับเพื่อนหนูด้วยนะ" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือก่อนจะช้อนตามอง เล่นเอาใจกูกระตุกอย่างหนักหน่วง
แววตาที่ถูกกระทำแล้ววิ่งมาฟ้องเหมือนน้องสาวกูไม่มีผิด
กูฉีกกระชากเสื้อผ้าของเธอจนขาดวิ่น การดิ้นรนยื้อแย่งแรงยังไม่มีหรือแม้กระทั่งเสียงกรีดร้องยังดังแทบไม่ได้ยิน แผ่นหลังบางช้ำเลือดน่ากลัวเหมือนถูกฟาดด้วยไม้เรียวหลายสิบแผล
กูมองด้วยความโกรธแค้นทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักเธอด้วยซ้ำ ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นน้องสาวกู กูไม่ปล่อยให้คนที่มารังแกน้องกูรอดไปได้หรอก
ฝ่ามือหนาวางบนศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะสั่งให้ลูกน้องไปหยิบปืนและเสื้อคลุมจากรถมาด้วย
กูพยุงตัวเธอขึ้นจากพื้นก่อนจะโยนเสื้อคลุมเรือนร่างของเธอ
"มะ...มาแล้ว" คนตัวเล็กรีบหลบหลังกูเมื่อมองไปยังป่าบริเวณนั่น
ร่างชายฉกรรจ์สามคนเดินออกมาพร้อมกับแบกร่างชายอีกหนึ่งคนอันแน่นิ่งอยู่บนบ่า
"ปล่อยตัวผู้หญิงคนนั้นมาให้เราซะ! " ชายคนหนึ่งกล่าว
กูก้มมองไปทางผู้หญิงคนนั้นที่สั่นไปทั้งตัวพร้อมกับน้ำตาไหลอาบน้ำ ริมฝีปากซีดเอ่ยชื่อเสี่ยวหลงไม่หยุด กูมองกลับไปที่ชายทั้งสามอีกครั้งก่อนจะเห็นว่าทุกคนมีเสื้อคลุมและมีการปักสัญลักษณ์บนหน้าอกด้วย
บ้านเด็กกำพร้า**
กูพยักหน้าอย่างเข้าใจ ในอีกไม่กี่วันกูต้องไปยังสถานที่แห่งนี้เพื่อรับคนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาเป็นลูกน้อง เพราะกูได้ยินมาว่าสถานที่แห่งนี้มักจะฝึกเด็กผู้ชายให้รู้จักการต่อสู้เพื่อเอามาใช้แสดงหากินกับคนบริจาค
"เท่าไร" กูเอ่ยถามก่อนจะล้วงกระเป๋าตังค์ออกมา "สองคนหนึ่งแสน พอไหม! "
"หึ! ได้! "
กูโยนทั้งกระเป๋าตังค์ให้พวกมันเช็กจำนวนเงิน พร้อมชายคนนั้นตอบตกลงก่อนจะโยนร่างที่ไม่ได้สติลงพื้น และทั้งสามค่อยๆ เดินกลับไปในความมืด
ผู้หญิงรีบเข้าไปประคองร่างชายคนนั้นด้วยความดีใจ ก่อนจะขอบคุณทั้งน้ำตา กูส่งสัญญาณให้ลูกน้องทำบางอย่างกับเธอ ก่อนจะอุ้มร่างไร้สติเธอเข้าไปในรถพร้อมกับผู้ชายอีกคนทันที
กูเสียเงินไปแล้วจะปล่อยไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เอามาเก็บไว้ข้างตัวดีกว่า
สุดท้ายกูรักผู้หญิงคนนี้จนได้
ตัดมาปัจจุบัน
"เป็นอะไรมากหรือเปล่า" กูถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
เพราะตอนนี้มะลิตั้งครรภ์ย่างเข้าเดือนที่หกแล้วนะสิ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกูไม่รอให้เธอบอกหรอก เพราะกูรู้นิสัยเมียกูดี ขี้เกรงใจที่หนึ่ง
"เปล่าครับ"
กูรีบไปยังด้านบนทันทีด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไปก็พบกับร่างเล็กๆ นอนบนเตียงแน่นิ่ง
"มะลิ! " กูเขย่าตัวเบาๆ เล็กน้อยด้วยความร้อนใจ
"อะ..หื้อ กลับมาแล้วเหรอคะ? " มะลิขยับตัวก่อนจะค่อยๆ นั่งบนเตียงในสภาพงัวเงีย
กูหลุดยิ้มด้วยความเอ็นดูกับท่าทางน่ารักของเมียรัก ก่อนจะหอมแก้มเบาๆ
"เป็นอะไรหรือเปล่า เสี่ยวหลงบอกเฮียว่าหนูไม่สบาย" ฝ่ามือสากลูบไล้แก้มอมชมพูด้วยความรักใคร่
"เปล่าค่ะ" คนตัวเล็กส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะจับมือกูไปแนบแก้มตัวเอง
อ้อนเก่งนักนะ!
"งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์เตรียมตัวให้พร้อมนะ"
"เฮียจะไปไหนเหรอคะ? " แววตาออดอ้อนถามขึ้นเบาๆ
"ไปหาครอบครัวเฮียไงครับ"
เรื่องนี้สำคัญสำหรับคนอย่างกูมาก ถึงจะแต่งงานกับมะลิแล้วก็จริงแต่ครอบครัวไม่รู้จักจัสมินสักคนและมันคงจะถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องรู้เรื่องนี้ กูตัดสินใจมาระยะหนึ่งแล้ว
คงจะถึงเวลาแล้วล่ะ
"จะดีเหรอคะ? " คนตัวเล็กก้มหน้าลง "หนูมัน.."
"เฮียรักใครครอบครัวก็ต้องรักคนนั้นเช่นกัน เฮียมั่นใจว่าทุกคนรักหนูแน่นอนครับ"
"ค่ะ"
หลายวันผ่านไป
"ทำไมดื้อ! " กูดุปลายสายด้วยความหงุดหงิด
เมื่อมะลิออกไปข้างนอกเพื่อซื้อข้าวของจะนำกลับไปฝากครอบครัวกูที่ประเทศไทย แต่กูห้ามเอาไว้และเธอไม่ฟังยังแอบพาเสี่ยวหลงออกไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
"แต่มันดึกแล้วนะ! ทำไมไม่ฟังเฮียล่ะ! รู้ไหมว่าเฮียเป็นห่วง"
"เฮียคะ...อย่าดุหนูสิ หนูกำลังกลับอยู่นี่ไง" น้ำเสียงหวานออดอ้อนทางปลายสาย
ถ้ากลับมาถึงบ้านละก็จะจับตีก้นให้เข็ด!
"รีบๆ กลับมานะครับ พรุ่งนี้ต้องเดินทาง"
"ค่ะ มะลิรักเฮียสายนทีนะคะ คิๆ " มะลิหัวเราะคิกคักอย่างขบขัน
ปกติเธอมักจะเรียกผมว่าหลิวซุ่ยเสมอ สายนทีคือชื่อเก่าที่พ่อตั้งให้ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นชลธีเมื่อสามปีก่อนนี่เอง
"ครับๆ เฮียก็รักหนูนะ"
รู้สึกแปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ ปกติมะลิไม่เคยเรียกชื่อเก่าผมเลยสักครั้ง แต่ทำไมครั้งนี้ถึงเรียกออกมา
23.55 นาที
กูสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากโต๊ะทำงานที่เผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนจะมองซ้ายขวาเพื่อมองหาเมียรักแต่ก็ไม่พบคนที่อยากเจอ
นี่มันกี่โมงแล้วทำไมยังไม่กลับ!
"อะไรวะ! " กูตอบกลับปลายสายด้วยความหงุดหงิดกว่าเดิม "มึงพูดใหม่อีกครั้งซิ! "
กูกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่นเมื่อปลายสายบอกข่าวร้ายกลับมา กูทรงตัวแทบไม่ได้ก่อนจะค้ำโต๊ะทำงานเอาไว้
ไม่จริง! มันไม่ใช่เรื่องจริง!
"อาโต้ว! ขับรถให้กูเดี๋ยวนี้! "
กูตะเบ็งเสียงจนแสบคอแต่ไม่สามารถลดความเจ็บที่หัวใจไปได้ มันกำลังบีบรัดอย่างหนักหน่วงจนกูแทบกระอักเลือดออกมา
รถหรูวิ่งทะยานบนท้องถนนด้วยความเร็วสูงเพื่อจะไปหาเมียรักให้เร็วที่สุด จิตใจกูไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อได้ยินข่าวร้าย
"จะ...จอด! " กูสั่งลูกน้องจอดรถทันทีเมื่อเห็นอุบัติเหตุข้างหน้า มีเพียงไฟสัญญาณเท่านั้นที่กะพริบบ่งบอกอุบัติเหตุ
รถหรูที่คุ้นเคยในสภาพพังยับแต่หัวใจกูย่อยยับกว่า กูรีบกระโจนออกจากรถด้วยความเร็ว
โครมมม!
ร่างแกร่งกระเด็นออกไปไกลก่อนจะกระแทกพื้นและกลิ้งหลายตลบเมื่อมีรถขับมาชน กูสะบัดมือใครต่อมือใครออกห่างก่อนจะพยุงตัวที่สะบักสะบอมไปหาเมียรัก
"มะ...มะลิ! " กูตะโกนเรียกชื่อเมียรักทั้งน้ำตา "หนูจะไม่เป็นอะไรนะ เฮียจะช่วยหนูเต็มที่" ก่อนจะช่วยซับเลือดที่เลอะใบหน้าด้วยมือสั่นเทา พร้อมกับดึงเข็มขัดนิรภัยที่ติดขัดจนไม่สามารถขยับได้
ทั้งตัวกูสั่นยิ่งกว่าอะไรเมื่อเห็นต้นขามีเลือดไหลออกมาไม่หยุด
กูมองไปยังเสี่ยวหลงที่สภาพไม่ต่างกัน ทั้งสองติดอยู่ในรถและไม่สามารถขยับตัวได้ แต่ฝ่ามือของเสี่ยวหลงคอยจับมือมะลิเอาไว้เพื่อให้เธอลดความกังวล
"นะ...หนูรักเฮียนะ อั่ก! " เลือดจำนวนหนึ่งกระอักออกจากปาก "ขะ...ขอโทษนะ" ร่างบางหายใจโรยริน
"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น..สัญญาได้ไหมว่าเราจะอยู่ด้วยกัน มะลิ...ฮึก! มะลิ ขอร้องล่ะ อยู่กับเฮียก่อน ฮึกๆ จัสมิน! " กูร้องไห้ต่อหน้าผู้หญิงอันเป็นที่รักก่อนจะจูบลงบนหน้าผาก หอมแก้ม และริมฝีปาก โดยไม่รังเกียจ ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น ขอให้เธอไม่เป็นอะไรได้ไหม...
ร่างบางส่งยิ้มให้กูเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับเปลือกตาค่อยๆ ปิดลงจนร่างกายไม่ตอบสนอง
"จัสมิน!!!! "
กูกอดร่างไร้วิญญาณเหมือนคนบ้าขาดสติ ก่อนจะร่ำไห้พร่ำเพ้อแทบขาดใจ ต่อให้ทำยังไงเธอก็ไม่กลับคืนมาแล้ว
กูรีบผละจากร่างบางก่อนจะมองไปยังต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด รถหรูอีกหนึ่งคันพังยับไม่แพ้กันแต่เจ้าของรถกลับไม่เป็นอะไรเลย แต่มันอยู่ในสภาพเมามายไม่ได้สติ
"ไอ้เหี้ย!!!! "
กูคว้าตัวมันได้ก่อนจะกระหน่ำต่อยไม่ยั้งทั้งมือและเท้า แต่ก็ไม่สามารถลบความเจ็บปวดนี้ไปได้เลย จนกระทั่งเสียงไซเรนดังขึ้น ก่อนที่ตัวกูจะถูกกดหน้าลงพื้นด้วยฝีมือตำรวจ
"ปล่อยกู!! กูจะฆ่ามัน!! "