จุดเริ่มต้น #2

2003 Words
บรรยากาศบนโต๊ะกว้างในห้องรับรองชั้นเยี่ยมที่สุดในคลับกึ่งกาสิโนแห่งนี้เป็นไปอย่างอึมครึม เมฆาที่มานั่งรออยู่พักใหญ่แล้วกำลังเอนหลังพิงโซฟาพร้อมยกแก้วไวน์แดงขึ้นจิบ สูทสามชิ้นสีเทาเข้มทำให้เขาดูดีได้ไม่ยาก ทันทีที่เคลย์ตันและองศาเดินมาถึงโต๊ะ เด็กแสบจอมกวนผู้เป็นน้องเล็กของกลุ่มอย่างเคลย์ตันก็รีบคว้าเอาขวดไวน์แดงขึ้นกรอกปากตนเองโดยไม่รอเทใส่แก้ว ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างซ้ายของเมฆา “อร่อยจัง อะไรที่ได้ดื่มฟรีนี่มันชื่นใจสุด ๆ ไปเลยแฮะ” “ดื่มได้ไร้อารยะมาก...อยากจะถ่ายคลิปนายส่งไปให้คุณลุงคุณป้าดูจริง ๆ ทายาทธุรกิจส่งออกอาหารทะเลอันดับหนึ่งของประเทศ กำลังยกขวดไวน์กรอกปาก สภาพยิ่งกว่าพวกขี้เมา” คุณหมอสุดปากจัดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่นั่งลงบนโซฟาฝั่งขวา พร้อมหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาคิดจะตั้งกล้องจริง ๆ “เฮ้ย ๆ หยุดเลยนะครับ ไอ้พี่หมอฉลาม ขี้ฟ้องเป็นบ้าเลย พี่เมฆช่วยผมด้วยสิครับ หรือจะปล่อยให้ผมโดนแบล็กเมล” เมฆาถอนหายใจเบา ๆ ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม ทั้งองศาและเคลย์ตันนั้นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยแล้ว เพราะเคยเป็นเดือนคณะเหมือนกัน ทั้งสามคนจึงมีโอกาสได้พูดกันอย่างถูกคอ รวมถึงชวนกันไปสถานบันเทิงบ่อยครั้ง ในที่สุดก็ตกลงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันนับตั้งแต่วันนั้น พอมาคิด ๆ ดูอีกทีแล้ว พี่ใหญ่คณะบริหารอย่างเมฆาก็อยากถอนตัวหนีสงครามน้ำลายของหนึ่งหมอหนึ่งสินกำออกไปเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด “ไม่ต้องไปหาพวกเลยนะเคลย์ตัน วันนี้เราจะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาชีวิตกัน ไม่ใช่มาให้เด็กขี้ฟ้องแบบนายงอแง” องศากอดอกพิงหลังไปกับพนักโซฟา “พอได้แล้วมั้งทั้งสองคน ไม่งั้นพี่จะออกไปข้างนอก เถียงกันเสร็จเมื่อไหร่ก็ค่อยไปตาม ดีไหม” เมฆาขู่ ทำเอาน้องชายคนสนิททั้งสองพากันรูดซิปปากแทบไม่ทัน พอบรรยากาศในโต๊ะเริ่มเงียบลง ชายหนุ่มก็เริ่มเปิดประเด็น “เคลย์ตัน ว่ามาก่อนเลย ที่พิมพ์เอาไว้ในแชตว่ามีเรื่องหนักใจจะคุยน่ะ นั่นมันเรื่องอะไร” “แพมเพิสเต็มก้นรึไง” องศาอดไม่ได้ที่จะพูดขัดขึ้นมาอีกด้วยใบหน้านิ่ง ๆ นั้น “ไอ้พี่หมอฉลามนี่ เดี๋ยวเหอะ” เคลย์ตันแยกเขี้ยวใส่ “ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรมากหรอกครับ แค่เบื่อ ๆ อยากออกมาดื่มเหล้าฟรี เงินในกระเป๋าสตางค์แห้งหมดแล้วครับ ได้พี่ ๆ ทั้งสองคนช่วยอนุเคราะห์ถือว่าเป็นเรื่องดี ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคร้าบ” เมฆากับองศาถึงกับยกมือขึ้นกุมหัว เมื่อเห็นว่าน้องเล็กในกลุ่มนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรจริง ๆ เพียงอยากกวนบาทาเพื่อให้ได้ออกมาดื่มฟรีก็เท่านั้น “ไอ้เด็กเลี้ยงแกะเอ๊ย กวนประสาทฉิบ ไม่น่าเสียเวลาออกมาเลย ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดอันล้ำค่าแท้ ๆ” คุณหมอองศาบ่นอุบ เคลย์ตันจึงย้ายที่ไปนั่งข้าง ๆ แล้วตบบ่าพี่รองเบา ๆ “ถ้าอยากให้ผมมีปัญหามากละก็ ผมมีให้ก็ได้ อืม…เรื่องอะไรดีล่ะ ขอข้ามไปที่พี่ก่อนได้ไหมครับเนี่ย พี่หมอฉลาม” องศาอึกอักไปเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ก็โดนโยนมาให้แบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมฆาเองก็พยักหน้ารับคำของเคลย์ตันไปด้วย “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าฉลาม พวกเราไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยเพราะนายงานยุ่งมากที่สุด วันนี้มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ” “ผมรอซ้ำ เอ้ย รอช่วยอยู่ครับ” เคลย์ตันกวนทิ้งท้าย องศาที่ป่วยการจะไปปะทะฝีปากกับไอ้น้องเล็กจึงหันไปคุยกับเมฆาแทน “คือว่า…ผมมีปัญหาเรื่อง...” มือหนายกขึ้นเกาแก้มของตัวเองเบา ๆ แก้เก้อ สีหน้าที่เคยเรียบนิ่งนั้นเริ่มเจือไปด้วยความกังวล “เฮ้อ ผมเลิกคุยกับแอนนี่แล้วครับ” เคลย์ตันเลิกคิ้วขึ้นสูง “หา นี่พี่เทเพื่อนผมได้ไงเนี่ย คนนี้สวย เซ็กซี่ นิสัยดี น่ารัก ขี้อ้อน ไม่มีที่ติที่สุดแล้วนะครับ!” “นั่นสิ มีอะไรที่เข้ากันไม่ได้ เมื่อสองสามวันก่อนพี่เห็นในโซเชียลเราก็ยังลงรูปไปเดตกับน้องเขาหวานแหววอยู่เลยนี่” เมฆาถามขึ้น องศาที่ได้ยินทั้งพี่และน้องคนสนิทพูดแบบนั้นก็ยิ่งหน้าเสียเข้าไปใหญ่ “เทเทออะไรกันล่ะครับ เธอน่ะสิเทผม แอนนี่บอกกับผมก่อนจะเก็บข้าวของออกไปว่า ผมก็ดีทุกอย่าง แปลกใจมากว่าทำไมผมยังโสด แต่พอเธอได้ลองคุย ๆ กับผมแล้วก็ได้รู้ซึ้ง แถมยังบอกอีกนะครับว่าให้ผมอยู่กินกับหนังสือไปเลย...” ทันทีที่คุณหมอหน้าเจื่อนพูดจบ เคลย์ตันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “ฮ่า ๆ อยู่กินกับหนังสือ ให้ตายเถอะ พี่บอกผมที ว่าตอนมีอะไรกับเธอพี่ไม่ได้อ่านหนังสือไปด้วย” องศาสับมือลงบนหลังเคลย์ตันอย่างแรง “ยังไม่เคยมีอะไรกันต่างหาก…จริง ๆ ก็แค่เกือบ ๆ เราสองคนกำลังจะจูบกัน แต่พี่ตั้งใจฟังเสียงบันทึกจากในห้องเลกเชอร์อยู่ ก็เลย…” “นี่มันยิ่งกว่าล่มปากอ่าวอีก โคตรตลกเลยว่ะพี่” เคลย์ตันแม้จะระบมเพราะถูกสับมือเข้ากลางหลัง แต่ก็ยังหัวเราะร่วนได้อยู่ “เรื่องแบบนี้ดูเหมือนจะขำ แต่ไม่เลยนะเนี่ย…เรากำลังเรียนต่อเฉพาะทางอยู่ไม่ใช่หรือไงไอ้คุณหมอ” พี่ใหญ่ของกลุ่มอย่างเมฆาพูดสิ่งที่มีสาระออกมาจนเคลย์ตันต้องรีบหุบปากไป “ถ้าบอกแอนนี่ตรง ๆ ก็น่าจะเข้าใจสิ” “ผมเคยบอกเธอไปแล้วตั้งแต่ช่วงแรกที่เคลย์ตันแนะนำให้รู้จัก แอนนี่เธอก็รับปากกับผมดิบดีนะว่าเธอจะไม่งี่เง่า ให้ผมเอาเวลาไปตั้งใจอ่านหนังสือให้เต็มที่ เธอเข้าใจว่าคนเรียนหมอไม่ค่อยมีเวลา ขอแค่เจียดเวลาไปทานข้าว ดูหนังกับเธอบ้าง แค่นั้นก็พอแล้ว นี่ผมก็พยายามไปกินข้าวด้วยบ่อย ๆ แล้วนะครับ …ไม่รู้ว่าทำไมแอนนี่ถึงบอกว่าผมไม่มีเวลาให้” องศาพรั่งพรูทุกความอึดอัดใจออกมา “แต่จะว่าไปพี่หมอฉลามก็ไม่ค่อยมีเวลาให้จริง ๆ นั่นแหละน้า วัน ๆ ก็เห็นอยู่แต่กับหนังสือ ผู้หญิงที่ไหนจะทนพี่ไหว ผมไม่แนะนำเพื่อนให้แล้วนะ” เคลย์ตันที่เลิกขำล้อแล้วใช้มือลูบคางตนเองอย่างใช้ความคิด เมฆาตบไหล่น้องชายต่างสายเลือดเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะ แอนนี่ก็คงอยากได้คนรักที่มีเวลาให้ นายไม่ผิดอะไรหรอก ตอนนี้ก็ตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองโฟกัสอยู่ให้ดี เรื่องหัวใจก็พัก ๆ ไป” องศาพยักหน้ารับแล้วเอ่ยคำขอบคุณ “ขอบคุณพี่เมฆมากครับ ผมก็คิด ๆ อยู่ว่า ช่วงนี้คงต้องเพลา ๆ เรื่องหัวใจไปก่อน ไม่อยากคบแล้วต้องเลิกไวแบบนี้ครับ” “เอาเวลาคบสาวมาเลี้ยงเหล้าผมดีกว่าเนอะ” เคลย์ตันสอดขึ้นมากลางปล้อง จึงถูกโบกหัวไปที บทสนทนาของทั้งสามคนไหลลื่นไปต่อได้อีกครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เอริคครับ” ผู้ที่อยู่หลังประตูเอ่ยบอก เมฆาจึงอนุญาตให้เข้ามา “เข้ามาได้” “ขอโทษที่ขัดจังหวะครับเจ้านาย” เอริคเดินปรี่เข้ามาพร้อมกับก้มหัวในผู้ที่ศักดิ์สูงกว่าตนทั้งหมด ถึงจะเป็นเพียงน้องชายร่วมสาบานของเมฆา แต่เขาก็ให้ความเคารพองศาและเคลย์ตันเหมือนเป็นเจ้านายตน เมื่อได้เห็นสายตาของเอริค เมฆาก็รู้ทันทีว่าคงเป็นเรื่องลับ ๆ ที่ไม่ควรพูดตรงนี้ เมฆาพยักหน้ารับเป็นเชิงให้คนของตนออกไปก่อน เอริคจึงค้อมศีรษะแล้วเดินนำออกไป “พี่มีธุระ คงต้องขอตัวก่อน จะคุยกันต่อหรือจะกลับเลยก็ตามใจพวกนาย อย่าฆ่ากันตายในห้องนี้ก็พอ” “ไปทำงานอีกแล้วเหรอครับพี่เมฆ ผมยังดื่มเหล้าฟรีจากพี่ไม่จุใจเลยนะ” เคลย์ตันพูดกวน เมฆาไม่คิดจะสนใจท่าทีกวนประสาทนั้น เขารีบเดินตามเอริคออกไปเพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ทางเดินลงไปยังชั้นใต้ดินซึ่งเป็นห้องลับของคลับกึ่งกาสิโนแห่งนี้ ตลอดเส้นทางล้วนแล้วแต่มีคนของเมฆายืนเฝ้าอยู่ บ่งบอกถึงอิทธิพลที่มากล้นของชายหนุ่มได้เป็นอย่างดี เมื่อประตูบานใหญ่เปิดผางออก ภาพแรกที่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองเห็น คือร่างของชายผู้หนึ่งที่นอนจมกองเลือดอยู่ บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำที่แยกไม่ออกว่าเกิดจากหมัดหรือส้นเท้า “ไอ้พัชร์…” “หมอนี่เล่นพนันในกาสิโนเสียไปหลายล้านบาท เข้ามากู้เงินกับทางเราหลายต่อหลายหน แล้วมันก็ยังขอกู้เพิ่มอีกครับ” เอริครายงานต่อผู้เป็นนาย ร่างที่นอนบอบช้ำอยู่ เมื่อเห็นว่าผู้มาใหม่เป็นใครก็รีบพยุงตัวเองนั่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงกระด้างใส่ “มึงเอาเงินมาเพิ่มเดี๋ยวนี้!...โอ๊ย...เอาเงินมา” “แล้วมันยังบอกผมอีกด้วยว่า…ของที่เจ้านายได้ไปมีมูลค่ามากกว่าเงินที่เจ้านายเคยให้มันครับ ถ้าไม่ให้เงินมันเพิ่ม มันจะเอาของของมันกลับ และเอาไปขายให้กับคนที่มีกำลังทรัพย์มากกว่าเจ้านายต่ออีกทอด พอได้เงินจากผู้ซื้อคนใหม่แล้ว มันจะเอาเงินมาคืนทางเราครับ” ดวงตาของเมฆาคล้ายว่าจะมีหมอกแห่งโทสะเคลือบขึ้นมาทันควัน สองเท้าย่างสามขุมเข้าไปกระชากคอเสื้อของคนเจ็บขึ้นมาแล้วชกซ้ำลงไปบนโหนกแก้มอย่างรุนแรง ไม่รอให้เสียงโอดโอยได้เล็ดลอด เมฆาย้ำหมัดลงไปที่เดิมราวกับจะทุบให้กระดูกบริเวณนั้นแตกร้าวจนมือตนเริ่มแดงเถือก ก่อนใช้เท้าเตะเข้าที่ซี่โครงของร่างที่กองอยู่กับพื้นอย่างแรงหลายต่อหลายครั้ง แรงกระทืบสุดท้ายหยุดลงที่กลางอก พร้อมกับสติสัมปชัญญะของสวะบนพื้นที่ดับวูบ เมฆาหอบหายใจเพื่อคลายความตึงเครียดจากอารมณ์โกรธขึ้งของตนให้ลดลง “เจ้านาย…หวงของรักที่มันทวงเหรอครับ” เอริคถามเสียงเบา ด้วยรู้หัวใจของผู้เป็นนายตนดี ทว่าสิ่งที่ตอบกลับมากลายเป็นสายตาที่แข็งกร้าว ราวกับว่ารายต่อไปที่ต้องนอนกองกับพื้นจะต้องเป็นเขาเสียเอง “ของรักอะไรของมึง…กูก็แค่เกลียดพวกที่มันเหิมเกริม คิดว่ามีข้อต่อรองในมือแล้วจะมาหยามอะไรกูก็ได้ ให้คนของเราจัดการมันต่อด้วย ไม่ต้องให้ถึงขั้นพิการ แต่เอาให้มันหลาบจำจนไม่กล้ายื่นข้อต่อรองเวรตะไลนี่กับกูอีกก็พอ…”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD