บทนำ
Demon's Love รักอันตราย... คุณชายมาเฟีย!
Writer : Aile'N
บทนำ
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
"ซีเตอร์ ฟิลเลอร์.. ลูกชายคนเล็กของมาเฟียตระกูลฟิลเลอร์ อีก 1 ปีจะขึ้นรับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งแทนนายปีเตอร์ผู้เป็นพ่อ.." น้ำเสียงหวานใสแอบดุดันเอ่ยออกมาในขณะที่ดวงตาคู่สวยโฉบด้วยอายไลน์เนอร์เส้นดำคมกริบขยับไล่ไปตามตัวอักษรที่อยู่ในเอกสารลับในมือ ก่อนจะปราดไปหยุดอยู่ที่ภาพถ่ายของคนที่มีชื่ออยู่ในหน้าเอกสารเหล่านั้นโดยถูกแนบมาด้วยอย่างพิจารณา
ดวงตาคมกริบเรียบเฉยของคนในรูปนั้นราวกับมีมนต์สะกดให้ดวงตาคู่สวยต้องหยุดมองนิ่งๆ เหมือนกับสมองหยุดการรับรู้ทุกสิ่งรอบกายกะทันหัน คนในรูปที่ถืออยู่สูงถึง 185 เซนติเมตรด้วยสายเลือดลูกครึ่งจากประวัติคร่าวๆ ที่อ่านมา รูปร่างกำยำมีกล้ามเนื้อพอประมาณ ไหล่กว้างผ่าเผย ช่างเป็นร่างกายที่ไร้ที่ติ ใบหน้าหล่อคมที่มองเห็นสันกรามเสน่ห์เด่นชัดนั้นเรียบนิ่งราวกับรูปปั้นแกะสลัก ไร้อารมณ์ แต่กลับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้คนมองไม่สามารถละสายตาจากไปได้
ดวงตาคู่สวยไล้มองคนในรูปถ่ายตั้งแต่เรือนผมสีดำสนิทที่ถูกเซ็ทให้ดูยุ่งหน่อยๆ เป็นสไตล์ ลงมาที่คิ้วเรียวเข้มได้รูปรับกับสันจมูกโด่งและริมฝีปากหยักรูปกระจับสีซีด นัยน์ดำขลับคมเข้มดูเฉื่อยๆ เย็นชาแต่กลับทำให้คนมองใจสั่นได้อย่างน่าประหลาด ทั้งที่แค่มองผ่านรูปก็เหมือนกับจะมีชีวิตขึ้นมายังไงยังงั้น!
"ค่ะบอส.. ทางนั้นว่าจ้างคนของเราจำนวน 20 คน กับอีก 2 คนติดตามที่ฝีมือดีที่สุดเพื่อคอยคุ้มกันเขาเป็นระยะเวลา 1 ปี ในระหว่างที่รอขึ้นรับตำแหน่ง" น้ำเสียงใสๆ จากคนสนิทเอ่ยดึงสติของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง CEO สูงสุดของ 'เทเลอร์กรุ๊ป' องค์กรยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นแห่งเดียวที่ทำหน้าที่ผลิตบุคลากรหญิงให้แข็งแกร่งขึ้นเป็นบอดี้การ์ดสาวที่สมบูรณ์แบบ อาจจะฟังดูแปลกแต่ก็มีอยู่จริงที่นี่ใจกลางเมืองหลวงของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ 'เฟียร์ หรือ เนมากิ ลี เทเลอร์' ประธานสาวสวยในวัยเพียง 25 ปี!
"เป็นลูกมาเฟีย.. แต่เรียนหมอเนี่ยนะ คิดอะไรอยู่" มือบางวางเอกสารประวัติของลูกค้ารายใหญ่คนล่าสุดที่ติดต่อมาลงบนโต๊ะ ก่อนเอนหลังพิงพนักเก้าอี้นั่งไขว่ห้างกอดอกมองหน้าคนสนิทอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจและหวังว่า 'จิสึ ซาโอริ' จะรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมบ้าง
"ดูเหมือนว่ามันจำเป็นน่ะค่ะ.. คุณปีเตอร์สืบทอดตำแหน่งจากพ่อของเขาและไปพบรักกับสาวชาวฝรั่งเศสทายาทโรงพยาบาลชื่อดังจนมีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นผู้หญิงและคนเล็กก็คุณซีเตอร์ แต่ด้วยเส้นทางชีวิตที่ต่างกันจนเกินไป.. มาเฟียกับคุณหมอ.. ไม่สามารถเดินร่วมทางกันต่อไปได้เลยทำให้ทั้งคู่หย่าร้างกันไป โดยลูกชายเพียงคนเดียวจะต้องอยู่กับพ่อเพื่อสืบทอดตำแหน่งอย่างไม่มีทางเลือกในขณะที่ความฝันของเขาเองคืออยากเป็นหมอเหมือนกับแม่” คนตรงหน้าบอกรายละเอียดเพิ่มเติมที่ได้ไปสืบมาให้เจ้านายฟังโดยไม่หลบสายตา สมองอันปราดเปรื่องจดจำเรื่องราวของลูกค้าได้ทั้งหมดจากการอ่านผ่านตาแค่ครั้งเดียว เฉียบขาดและแม่นยำสมแล้วที่ได้รับตำแหน่งคนสนิทประจำตัวของท่านประธานคนสวย
"หึหึ.. นี่มันดราม่าหนังชีวิตชัดๆ" เนมากิแค่นเสียงหัวเราะในลำคอก่อนพึมพำเบาๆอดเหลือบตาไปมองรูปถ่ายที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานอีกครั้งไม่ได้ งานนี้ถือเป็นงานใหญ่.. นายปีเตอร์สั่งกำชับอย่างเข้มงวดว่าต้องเป็นบอดี้การ์ดฝีมือดีเท่านั้น เรื่องค่าตอบแทนยอมจ่ายให้ไม่อั้น ยิ่งอยู่นานและทำงานดีเม็ดเงินมากมายจะไปไหนเสีย
"ฉันสงสัย.. เป็นถึงมาเฟียตระกูลใหญ่ ไม่มีปัญญาหาคนของตัวเองมาคุ้มกันลูกได้เลยงั้นหรอ? ถึงต้องมาเสียเงินมากมายจ้างองค์กรอื่นมาช่วยแบบนี้ แล้วไว้ใจได้แค่ไหนว่าคนนอกจะไม่ไปรู้เรื่องราวส่วนตัวในตระกูล?" ร่างผอมสูงในชุดสูทแขนยาวติดกระดุมเพียงเม็ดเดียวตรงใต้หน้าอก ด้านในใส่เพียงเกาะอกสีดำตัวเดียวกับกระโปรงทรงเอแหวกเรียวขารัดรูปสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย เรียวขายาวสวยภายใต้ถุงน่องสีดำบางๆ หยัดยืนอยู่บนส้นสูงแหลมปรี๊ดเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากำแพงกระจกใสมองชมวิวภูเขาไฟฟูจิและตึกรามบ้านช่องอย่างไม่เดือดร้อนใจกับงานที่ถูกทุ่มเงินจ้างมาเท่าไรนัก เรือนผมยาวสลวยดำขลับตกถึงกลางหลังยามปล่อยสยายถูกรวบมัดเปิดดวงหน้าสวยขึ้นไปทำให้ลุคท่านประธานดูสวยเฉี่ยวมีเสน่ห์จนใครที่ได้พบเห็นต่างก็ละสายตาไปไหนไม่ได้
"อย่าถามในสิ่งที่รู้อยู่แล้วสิคะบอส.. บอสเป็นคนฝึกพวกเราเรื่องจรรยาบรรณทุกวัน เรื่องห้ามไปก้าวก่ายหรือปริปากเรื่องส่วนตัวของลูกค้าอย่างเด็ดขาดไม่ว่าพูดไปแล้วจะได้ผลประโยชน์มากแค่ไหนก็ตาม หน้าที่ของเราคือปกป้องนายจ้างให้อยู่รอดปลอดภัยเพียงเท่านั้นที่ต้องทำให้ดีที่สุด แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต ในเมื่อเลือกจะทำงานแบบนี้แล้วก็ต้องกล้าได้กล้าเสีย เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ บอสทำให้บริษัทเราประสบความสำเร็จจนเป็นที่รู้จักไปทั่วแล้วยังจะสงสัยอีกหรอคะว่าทำไมพวกเขาถึงมาจ้างเรา" ซาโอริย้อนถามเจ้านายกลับไม่วายแอบเหน็บเบาๆ เรื่องคำถามที่ไม่น่าจะถามออกมา
"เหมือนจะดี.. และก็เหมือนจะถูกตำหนิไปในตัว" เสียงหวานของนายสาวประชดกลับพร้อมปรายตามองคนสนิทด้วยสายตาเรียบนิ่ง ที่พูดมามันก็จริงนั่นแหละ.. เทเลอร์กรุ๊ปมาไกลจนไม่สามารถหยุดได้แล้วในเวลานี้ จากผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่แค่หลงใหลในศิลปะป้องกันตัวทุกรูปแบบและใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนตั้งหลายปี กว่าจะได้มีโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวสำหรับผู้หญิงเป็นของตัวเองตามความฝันในตอนอายุเพียงแค่ 21 ปี ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี สุภาพสตรีหลายคนต่างให้ความสนใจเข้ามาเรียนกันอย่างไม่ขาดสายและเธอก็มีความสุขมากที่ได้ถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นที่เธอรักเผื่อแผ่ให้คนอื่นด้วย
จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนเพื่อนของเธอที่จากบ้านไปเรียนอยู่รัสเซียกลับมาเยี่ยมบ้านแล้วเสนอความคิดนี้มา เนื่องจากองค์กรบอดี้การ์ดหญิงในรัสเซียกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างมาก แม้มันจะเป็นงานที่เสี่ยงแต่เราไม่ได้บังคับใครรับสมัครเฉพาะคนที่เต็มใจจะทำและกล้าได้กล้าเสียเท่านั้น โดยผู้หญิงส่วนใหญ่ที่อยู่ในเทเลอร์กรุ๊ปล้วนโสด ไม่มีครอบครัวหรือเครือญาติให้คอยห่วงใย เรียกง่ายๆ ว่าตัวคนเดียวเกือบ 80% เลยทีเดียว!
ผ่านไป 3-4 ปีด้วยความมานะบากบั่นพากเพียรสอนอย่างดีเยี่ยมจากประธานสาว เทเลอร์กรุ๊ปก็โด่งดังมีชื่อเสียงขึ้นมาอย่างท้วมท้น วันๆ มีนายจ้างติดต่อมาไม่รู้กี่รายแต่ก็ใช่ว่าจะรับทุกงาน ไม่ว่างานเล็กหรืองานใหญ่ก็ต้องผ่านประธานบริษัทก่อนทุกครั้งเพื่อพิจารณาถึงผลดีผลเสียที่จะตามมาทีหลัง งานไหนเสี่ยงต่อชีวิตเหล่าประชากรในเทเลอร์กรุ๊ปมากเกินไปประธานสาวก็จะไม่รับไม่ว่าจะค่าตอบแทนจะสูงแค่ไหนก็ตาม
"บอสจะรับมั้ยคะ?" ซาโอริถามขึ้นเมื่อเห็นร่างสูงของประธานคนสวยยืนมองวิวข้างนอกอย่างเงียบๆ เหมือนกำลังใช้ความคิด
"รับ! เดี๋ยวลิสต์รายชื่อทั้ง 20 คนให้.. ส่วนอีก 2 คน.."
"ถ้าเก่งที่สุดในเทเลอร์ที่ยังว่างอยู่ตอนนี้ก็จะมี อายูมิ โยโกะ กับ มิลเลอร์ คิม ค่ะ" คนสนิทรีบเสนอรายชื่อขึ้นมาทั้งที่คนตรงหน้ายังพูดไม่ทันจบดีเพียงแค่เว้นช่วงไปนานหน่อยเท่านั้น สิ้นคำมุมปากบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดของร่างสูงก็ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก่อนก้าวย่างสุขุมโยกย้ายบั้นท้ายกลมกลึงอวบอัดได้สัดส่วนงดงามเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าลูกน้องคนเก่งของตัวเองแล้วมองใบหน้าสวยใสที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเพียงบางเบานั้นนิ่งๆ
"ฉัน...กับเธอ!" ประธานคนสวยบอกยิ้มๆ ในขณะที่คนฟังเหวอไปกับคำตอบที่คาดไม่ถึงว่าจะได้ยิน
"วะ ว่าไงนะคะ? บอสจะไปเองเลยหรอคะ!?" เพียงไม่นานที่ใบหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ซาโอริก็กลับมานิ่งอย่างเดิมตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาแต่ความสงสัยยังคงเดิมจนต้องเอ่ยถามออกไป
"ใช่.." กลีบปากสวยขยับตอบอย่างไม่เดือดร้อนใจในสิ่งที่พูดออกไป แต่คนฟังกลับแสดงท่าทางกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด
"แต่บอสไม่ได้ไปด้วยตัวเองนานแล้วนะคะ เวลาตั้ง 1 ปี น้องเฟย่าก็ยังไม่โตเท่าไรเลย จิสึคิดว่าบอสอาจจะคิดผิด" สรรพนามที่ใช้แทนตัวเองด้วยชื่อจะเอ่ยกับคนเป็นเจ้านายเพียงคนเดียวเท่านั้นในเทเลอร์กรุ๊ป แสดงออกถึงความสนิทและไว้ใจมากกว่าใครๆ แม้อีกคนจะไม่เห็นด้วยแต่ท่านประธานก็ยังคงยิ้มอ่อนอย่างเดิม ไม่ได้มีท่าทางเดือดร้อนตามแต่อย่างใด
"เฟย่าโตพอที่จะอยู่กับพ่อแม่ฉันได้โดยไม่งอแงแล้วล่ะ ฉันรู้น่าว่ากำลังจะทำอะไร อย่าห่วงเลย.. ไปสนุกกัน!" แววตาสีดำขลับกลมโตเปล่งประกายวิบวับอย่างนึกสนุก แต่คนสนิทกลับไม่สนุกด้วยเพราะห่วงอะไรหลายๆ อย่างทั้งเรื่องเทเลอร์กรุ๊ปที่จะขาดผู้นำไปตั้งเป็นปี ไหนจะ 'เฟย่า' เด็กหญิงวัย 7 ขวบที่เป็นลูกของพี่สาวเนมากิซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อตอนเฟย่าอายุได้ 3 ขวบและเสียชีวิตไปทั้งพ่อทั้งแม่ เนมากิจึงรับเลี้ยงเด็กตัวน้อยมาเป็นลูกของตัวเองทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานหรือมีคนรักเลยด้วยซ้ำ
"แล้วที่นี่ล่ะคะ? จะปล่อยไว้โดยไม่มีผู้นำงั้นหรอคะ?" ซาโอริพยายามแย้งให้เจ้านายเปลี่ยนใจเพราะงานคุ้มกันมาเฟียนั้นไม่ใช่งานเล็กๆ อาจจะถึงขั้นแลกด้วยชีวิตถ้าเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา ลำพังเธอไม่ห่วงตัวเองหรอกเพราะพ่อกับแม่เสียไปหมดแล้ว ญาติๆ ก็กลายเป็นคนแปลกหน้าตั้งแต่พวกท่านเสีย ตายไปก็คงจะไม่มีใครเสียใจ แต่ท่านประธานมีลูกสาวตัวน้อยๆ กำลังโตและพ่อแม่คอยห่วงใยอยู่ข้างหลัง ถึงจะเก่งก็ใช่ว่าจะพลาดกันไม่ได้นี่นา
"ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม.. งานทุกอย่างต้องผ่านฉันแต่แค่ตัวไม่อยู่ก็เท่านั้น คิดว่าคนที่นี่จะทำอะไรงั้นหรอ? พวกเขาคือครอบครัวของเรา อย่าลืมสิ" ร่างสูงตอบกลับอย่างไม่หวั่นกลัวอะไร ทำเอาซาโอริเริ่มจะหนักใจถ้าจะค้านอะไรออกมาอีกเพราะรู้นิสัยของเจ้านายดีกว่าใคร
"จะไปให้ได้จริงๆ ใช่มั้ยคะ?"
"หึ.. ใช่ :)"
..
..
"กลับมาแล้วจ้า"
"คุณแม่เฟียร์! ^0^" เด็กน้อยหน้าตาลูกครึ่งในชุดนักเรียนชั้นประถมลายสก็อตฟ้าสลับดำร้องเรียกชื่อคนที่เปรียบเสมือนแม่แท้ๆ ด้วยความดีใจพร้อมโผร่างเล็กๆ เข้ากอดไว้เต็มรักตั้งแต่ร่างสูงนั้นยังยืนอยู่หน้าประตู เนมากินั่งคุกเข่าลงกอดเจ้าตัวน้อยอย่างเช่นทุกวันหลังจากเลิกงานมาในช่วงเย็น เฟย่ามักจะมานั่งทำการบ้านรออยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากที่พี่เลี้ยงไปรับกลับมาจากโรงเรียนและพอได้ยินเสียงเธอก็จะวางทุกอย่างลงแล้วรีบวิ่งมารับที่หน้าประตู ก่อนถือกระเป๋าสะพายของเธอไปเก็บไว้บนโต๊ะให้อย่างรู้งาน
"ไงเรา.. เป็นเด็กดีหรือเปล่าหื้ม?" ริมฝีปากบางจมหายลงบนผิวแก้มนิ่มๆ สูดดมกลิ่นหอมอ่อนจากแป้งเด็กและเอ่ยถามอย่างเช่นทุกวันก่อนพากันเดินเข้าบ้านมาหย่อนตัวลงนั่งพักเหนื่อยที่โซฟาในห้องนั่งเล่น
"ย่าเป็นเด็กดีทุกวันค่ะ คุณแม่เฟียร์จะได้ไม่เหนื่อย" เสียงใสตอบกลับเหมือนเคย ทำเอาคนที่ทำงานมาเหนื่อยๆ ยิ้มออกและหายเหนื่อยไปได้ในระดับหนึ่ง
เฟย่าเป็นเด็กดีมากอย่างที่เจ้าตัวบอกจริงๆ เชื่อฟังทุกอย่างไม่ดื้อไม่ซน เธอจึงรักเด็กคนนี้มากถึงจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เป็นสายเลือดเดียวกัน แม้เธอจะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับลูกหรือพาลูกไปเที่ยวเลยก็ตามแต่เฟย่าก็ไม่เคยร้องขออะไรเหมือนเด็กๆ ทั่วไปเลยสักอย่าง นอกจากพ่อกับแม่ที่อยู่อีกจังหวัดหนึ่งไม่ไกลจากที่นี่แล้วเฟย่าก็เป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่เธอมี เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตที่จะต้องดูแลให้ดีที่สุดแม้ตอนนี้จะยังไม่ถึงที่สุดเลยก็ตาม
"เฟย่า.. รักแม่เฟียร์มั้ยคะ?" ร่างสูงอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมานั่งตักและโอบกอดไว้เต็มรักก่อนเอ่ยถามเสียงอ่อน
"รักค่ะ.. ย่ารักคุณแม่เฟียร์ที่สุดในโลกเลย" เด็กน้อยตอบพร้อมฉีกยิ้มแป้นจนตากลมโตแทบจะปิดสนิท ก่อนดันตัวขึ้นคล้องแขนป้อมๆ กับต้นคอแม่แล้วหอมแก้มร่างสูงซ้ายขวา
"อาทิตย์หน้าแม่เฟียร์ต้องไปทำงานในที่ๆ ไกลแสนไกล เฟย่ารอแม่เฟียร์อยู่กับคุณตาคุณยายได้มั้ยคะ? แม่เฟียร์ไปไม่นานแม่เฟียร์ก็จะกลับมา.." เนมากิตัดสินใจพูดออกมาในที่สุด ดวงตากลมสวยจ้องมองสบตาคนในอ้อมแขนด้วยความรักและความหวงแหนยิ่งกว่าชีวิต ในเทเลอร์กรุ๊ปมีเพียงซาโอริเท่านั้นที่เคยเห็นเฟย่าและรู้ว่าจุดอ่อนสำคัญของผู้หญิงแกร่งคนนี้ที่ภายนอกออกจะดูดุดันเจ้าระเบียบแต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนอ่อนโยนโดยเฉพาะเวลาอยู่กับลูก
"ย่าจะรอแม่เฟียร์กลับมา ย่าจะอยู่กับคุณตาคุณยาย จะไม่ดื้อไม่ซนค่ะ ย่าไม่อยากให้คุณแม่เฟียร์เหนื่อย" เด็กน้อยรับปากอย่างง่ายดายและน่ารักที่สุด ดวงตากลมโตนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนได้จากพ่อที่เป็นคนอังกฤษนั้นมองตอบคนเป็นแม่ด้วยความไร้เดียงสา แม้จะไม่รู้ว่าที่ๆ ไกลแสนไกลที่แม่บอกนั้นมันไกลแค่ไหน และนานเท่าใดแม่ถึงจะกลับมาแต่ยังไงก็จะรอ
"เก่งมากจ้ะ ถ้าเฟย่าไม่ดื้อแม่เฟียร์สัญญาว่าจะซื้อตุ๊กตามาฝากเยอะๆ เลย" ร่างสูงพูดเอาใจด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พลอยทำให้คนฟังตื่นเต้นไปด้วย
"จริงหรอคะ? เยอะๆ เลยน้า ย่าไม่ดื้อแน่นอนค่ะ" คนตัวเล็กย้ำชัดด้วยความมั่นใจ รอยยิ้มสดใสทำคนเป็นแม่คลายความกังวลลงไปมาก จะเรียกว่าคิดมากไปเองก็คงไม่ผิดนักเพราะเด็กคนนี้ฉลาดและมีนิสัยค่อนข้างโตเกินวัย บอกอะไรก็เชื่อฟัง ไม่งอแงให้ต้องหนักใจเลยสักครั้ง
"โอเคเล้ย! งั้นวันนี้เราไปทานข้าวข้างนอกกันนะ แม่เฟียร์จะซื้อให้ก่อนตัวนึง ตัวใหญ่ๆ เลย ดีมั้ยคะ?" ร่างสูงแสดงอาการดีใจร่วมไปกับเจ้าตัวน้อย มือบางลูบศีรษะเล็กไปมาด้วยความเอ็นดู พอได้ยินดังนั้นร่างน้อยๆ ก็เด้งตัวขึ้นลงอยู่บนตักแม่ด้วยความดีอกดีใจ
"เย้ๆ ดีค่ะ คุณแม่เฟียร์น่ารักที่สุดเล้ย!"
"ป้ะ ไปกันเลย แม่เฟียร์ไปเอากระเป๋าแป๊บนะ" มือบางอุ้มเจ้าตัวน้อยให้ลงไปยืนบนพื้น ก่อนลุกขึ้นเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายที่เฟย่าอาสาเอามาวางไว้ให้ทุกวันบนโต๊ะทำงาน ทันใดตากลมก็เหลือบไปเห็นแฟ้มใส่เอกสารสีใสที่วางอยู่ข้างกัน ก่อนหยุดมองคนในรูปถ่ายใบขนาดกลางๆ ที่เสียบอยู่ด้านหน้าสุดเล็กน้อย นิ้วเรียวแตะไปที่กรอบหน้าหล่อเหลานั้นเบาๆ ก่อนยกยิ้มมุมปากออกมา
"See you soon.."
..
..
..
..