“จินเมี่ยว เจ้าว่าพี่เซี่ยยี่จะคิดถึงข้าเหมือนข้าคิดถึงเขาหรือไม่” ฟางซินเอ่ยถามสาวใช้ด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน โดยที่มิได้รู้ตัวสักนิดว่า ‘ตู้ฟางอิน’ แอบลอบมองอยู่ตลอดเวลามิเคยเว้นในยามที่พี่ใหญ่อยู่กับคุณชายฝู่เซี่ยยี่!!
--------------๑----------------
ยามอุ้ย(13.30)หน้าบ้านสกุลตู้
“คุณหนูตู้ออกไปดูงานที่ท่าเรือรึ? เหตุใดเมื่อวานนางมิแจ้งเรื่องนี้กับข้า” ฝู่เซี่ยยี่เริ่มออกอาการโมโห
“คุณหนูเองนางก็เพิ่งทราบขอรับว่าวันนี้จะมีสินค้าใหม่เข้ามา นายท่านอยากจะสอนคุณหนูให้รู้เรื่องกิจการทุกสิ่งอย่างจึงฝากบ่าวให้มาแจ้งกับคุณชายฝู่” บ่าวชายหน้าประตูบ้านสกุลตู้บอกกล่าวด้วยสีหน้านอบน้อม
“ช่างเถอะ ข้าจะกลับแล้ว” ฝู่เซี่ยยี่เดินขึ้นรถม้าและสั่งให้บ่าวคนขับรถม้าให้เดินทางไปร้านผ้าสกุลฝู่ข้างๆ ตลาด
ร้านผ้าสกุลฝู่
“เหตุใดแม่สามจะต้องให้ข้าเป็นผู้มาเอาไหมปักผ้าแทนบ่าวด้วยเล่าข้าไม่เข้าใจ” ตู้ฟางอินบ่นเสียงดังอยู่ในร้านผ้าฝู่ลี่
“ก็คุณหนูเป็นผู้ทำชุดของคุณหนูใหญ่เสียหายนี่เจ้าคะ คราวก่อนเราก็เป็นผู้มาเอาผ้าพับคุณหนูคงจะลืม” ลี่เอ๋อสาวใช้คนสนิทรีบบอก
“ข้าเลยอดแอบตามพี่ใหญ่ไปที่ท่าเรือ น่าเบื่อจริงๆ” ฟางอินนั่งบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย จนไปสะดุดตาเข้ากับเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนางแต่แต่งหน้าทาปากสีแดงสดเดินพูดคุยกับบ่าวชายคนหนึ่งจึงเงี่ยหูฟัง
“เมื่อวานคุณชายฝู่ก็มิยอมปล่อยข้าลงจากรถม้าทั้งๆ ที่ข้าร้องขอแล้ว ยามนี้ข้าระบมไปหมดทั้งตัววันนี้ก็ยังจะเรียกข้ามาที่นี่อีกหากยังมิไปสู่ขอข้ากับมารดาข้าจะมิยอมแล้วเป็นแน่” เสียงเด็กสาวผู้นั้นว่ากล่าวเสียงดังจนบ่าวชายต้องรีบบอกว่าให้พูดเบาๆ มิเช่นนั้นนางจะเสียหาย จากนั้นก็เชิญเด็กสาวผู้นั้นเดินไปด้านหลังของร้านผ้า
ฟางอินกับสาวใช้หันมองหน้ากัน “ข้าลืมได้อย่างไรว่านี่เป็นร้านผ้าสกุลฝู่ ไปกันเถอะลี่เอ๋อ” สาวใช้ตกใจ
“ไปที่ใดเจ้าคะ?”
“ก็ตามเด็กสาวกับบ่าวชายผู้นั้นไปอย่างไรเล่า” ฟางอินดึงแขนสาวใช้แอบตามคนทั้งคู่นั้นไปอย่างเงียบๆ จนไปถึงห้องๆ หนึ่งที่บ่าวผู้นั้นพาเด็กสาวเข้าไปเพียงครู่บ่าวชายก็เดินออกมาเพียงลำพัง ฟางอินกับลี่เอ๋อที่แอบอยู่ไม่ไกลรีบเดินเข้าไปแอบใกล้ๆ ห้องๆ นั้นโชคยังดีที่มีพุ่มไม้ใกล้บานหน้าต่างที่เปิดอ้าอยู่เป็นที่ให้พอหลบซ่อน แล้วเสียงพูดคุยก็ดังออกมา
“มี่หลิวไม่ยอมแล้วนะเจ้าคะ พี่เซี่ยยี่ ท่านร่วมรักกับข้ามาตั้งหลายครั้งแล้วท่านต้องไปสู่ขอทาบทามข้าสิเจ้าคะถึงจะถูกเหตุใดท่านต้องให้ข้ารอกันเล่า ไหนจะเรื่องคุณหนูตู้นั่นอีก” เซี่ยยี่เริ่มจะอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อมี่หลิวเริ่มจะโวยวาย
“เจ้าก็รู้มิใช่รึ ว่าวันข้างหน้าข้าจะต้องแต่งคุณหนูตู้มาเป็นฮูหยินเอก” ดึงแขนมี่หลิวเข้ามาและกอดรัดลูบไล้ “ข้าจะให้เจ้าเป็นฮูหยินรองอย่างไรเล่า แต่ยามนี้เรามาร่วมกันกระทำเรื่องดีงามกันเถิดพี่จะไม่ไหวแล้วนะมี่หลิว” เซี่ยยี่จับมือเด็กสาวมาลูบคลำกลางกายที่แข็งขืนใต้ร่มผ้า มี่หลิวหน้าแดงก่ำแต่มือก็ขยำกลางกายบุรุษอย่างไร้ความเขินอาย “อืม..มือเจ้าช่างอบอุ่นยิ่งนักเร็วเข้าเถิด..อ่าา”
“พี่เซี่ยยี่อ่ะ…อื้มมม” กายสาวน้อยถูกบดเบียดจนเปียกชื้น “อย่ารุนแรงดังเช่นเมื่อวานนะเจ้าคะมี่หลิวเจ็บไปหมดเลย” เซี่ยยี่ผลักนางลงบนเตียงนอนถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วขึ้นคร่อมกายเล็กของเด็กสาว เขาตอบรับคำเสียงดังฟังชัด
“พี่จะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีเลย..ซี้ดดด” กายแกร่งบดเบียดเข้าไป แล้วเสียงร่วมรักกันอย่างร้อนแรงดังขึ้นไม่ขาดสาย
ฟางอินกับลี่เอ๋อแอบมองคนทั้งคู่ร่วมรักกันผ่านช่องหน้าต่างที่เปิดอ้ากว้าง สองมือคนที่แอบมองทั้งคู่ปิดริมฝีปากแน่นอย่างกลัวที่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมา เพียงครู่ลี่เอ๋อก็สะกิดคุณหนูให้เดินออกไปใจจากที่ตรงนั้นและแอบเข้ามาด้านในส่วนของร้านผ้า
“อ่อ..คุณหนูตู้ข้าก็นึกว่าท่านกลับไปแล้ว ไปที่ใดมาเจ้าคะ” คนเฝ้าร้านผ้าที่ไปเอาไหมมาให้นางเอ่ยถาม มองฟางอินที่นั่งสงบนิ่งใบหน้าไร้สีเลือด
“คุณหนูของข้าปวดท้องน่ะเจ้าค่ะ จึงไปหาที่ปลดหนัก ได้แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะไหมสีฟ้า..นี่ค่ะเบี้ย” ลี่เอ๋อมีสติมากกว่าจึงรีบจัดการทุกอย่างแล้วจูงแขนฟางอินขึ้นรถม้าไป
บนรถม้าสกุลตู้
“เหตุใดคุณชายฝู่ถึงเป็นบุรุษที่เลวร้ายเช่นนี้ เด็กสาวมี่หลิวดูกี่ทีก็มิพ้นวัยปักปิ่นช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ข้าจะทำเช่นใดดีลี่เอ๋อ” ฟางอินมีสีหน้าขยะแขยงอยากจะอาเจียน ภาพร่วมรักของสองคนนั่นยังติดตาทำเช่นไรก็มิหายออกไปจากหัวของนาง
“คุณหนูจะบอกคุณหนูใหญ่หรือไม่เจ้าคะ” ลี่เอ๋อถามอย่างกังวล
“นั่นสิข้าควรจะบอกนางใช่หรือไม่?” ฟางอินนั่งคิด “นางเป็นพี่สาวข้าถึงข้าจะอยากเป็นแบบนางอยากได้ทุกอย่างของนางแต่ก็ไม่เคยคิดไม่ดีกับนางหรอกนะ”
“เช่นนั้น?”
“ข้าจะบอกนาง คอยดูเถอะเจ้าบ้าฝู่เซี่ยยี่จะไม่มีวันได้อยู่ร่วมกับสกุลข้า บุรุษวิปริตกระทำได้แม้แต่สตรีที่ยังมิพ้นวัยปักปิ่น!!!” ฟางอินมุ่งมั่นไว้ในใจ
ยามซวี (19.00) เรือนเล็กหลังบ้านใหญ่สกุลตู้
“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรองมาขอพบเจ้าค่ะ” จินเมี่ยวเดินเข้ามาบอกฟางซินในห้องหนังสือ
“เฮ้อ!! น้องสาวข้าคนนี้คงจะรักข้ามากสินะนางมาหาเรื่องอันใดอีก” ปิดหนังสือคำนวณรายได้เล่มหนาแล้วเดินออกมาหน้าเรือนเจอฟางอินกับสาวใช้ยืนรออยู่ เมื่อเห็นนางฟางอินก็ร้องเสียงดังทันที
“พี่ใหญ่ๆๆ ข้ามีเรื่องใหญ่หลวงจะบอกกล่าวกับพี่!!!” ฟางซินขมวดคิ้ว ‘เรื่องใหญ่รึ’
“เจ้าก็มีเรื่องใหญ่หลวงทุกครั้งนั่นแหละฟางอิน คราวนี้จะเอาอะไรจากข้าอีก” ฟางซินทำหน้าหน่ายใจ
“มิใช่ๆๆ ข้ามีเรื่องมาบอก” ฟางซินรีบขึ้นเรือนมา “ถึงข้าจะอยากเป็นพี่แต่พอข้ารู้เรื่องนี้ข้าก็ไม่อยากเป็นแล้ว มาเถอะๆ ข้าจะพูดให้ฟัง” ฟางซินเดินตามแรงดึงของน้องสาวเข้ามาด้านใน
“เรื่องใด” ฟางซินนั่งจิบชารอฟัง
“วันนี้ข้าไปเอาไหมที่ร้านผ้าสกุลฝู่ พี่รู้หรือไม่ว่าข้าพบผู้ใด”
“ร้านผ้าสกุลฝู่ เช่นนั้นก็เจอคุณชายฝู่เซี่ยยี่?” ฟางซินหันมองฟางอินแล้วหรี่ตา “เจ้ามิเคยพบคุณชายแล้วเหตุใดจึงรู้ว่าเป็นเขา” ฟางซินเริ่มโมโห
“เออะ!! ..แหะๆๆ ข้าแอบมองพวกท่านบ่อยๆ น่ะเจ้าค่ะจึงรู้ว่าเป็นเขา 555” ฟางอินลอบหันหน้าไปทางอื่น แต่เมื่อนึกขึ้นได้ก็หันกลับมา “ช่างเถอะๆ เรื่องข้าแอบมองไม่ได้สำคัญอะไร แต่ข้ามีเรื่องใหญ่จะเล่าให้ฟัง” หลังจากนั้นฟางอินก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟางซินจนหมดโดยมีสาวใช้ลี่เอ๋อเป็นผู้ยืนยันทุกคำพูด
ฟางซินมือไม้สั่นอ่อนแรง แม้นางจะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็ไม่มีเหตุผลใดที่ฟางอินจะโกหกนาง อย่างที่ทุกคนในบ้านรู้กันว่าฟางอินเพียงแค่เลียนแบบ เพียงแค่อยากเก่งแบบพี่สาวนอกจากเรื่องแย่งข้าวของ นางก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไร
“บุรุษผู้นั้นเป็นคนวิปริต เขาร่วมรักกับเด็กสาว ภาพนั้นยังคงติดตาข้าอยู่เลยพี่ใหญ่ ท่านรู้เช่นนี้ท่านจะทำอย่างไร? “ ฟางอินถามสีหน้าจริงจัง
“ข้าต้องไปถามความจากเด็กสาวที่ชื่อมี่หลิวก่อนว่ามันเป็นความจริงหรือไม่?”
“นี่ท่านไม่เชื่อข้า!!” ฟางอินตะคอกเสียงดัง
“ข้าเชื่อเจ้า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างข้ามิได้เห็นด้วยตาตนเองจึงต้องไปถามหาคนที่ถูกกระทำ หากเรื่องที่เจ้าพูดเป็นความจริงเด็กสาวคนนั้นคงมิยินดีเท่าใดนักหากจะต้องถูกกระทำเช่นนี้” ฟางอินพยักหน้าเข้าใจ ก็ใช่ เรื่องใหญ่เช่นนี้จะฟังความจากนางเพียงคนเดียวมิได้ ถ้าเช่นนั้นน..
“พรุ่งนี้เราไปสอบถามนางที่บ้านเลยดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าจะไปด้วย”
“นางเป็นบุตรสาวสกุลใดเล่าเจ้ารู้จักรึ?”
“ลี่เอ๋อรู้ว่านางเป็นบุตรสาวของแม่ค้าขายปลาในตลาดเพราะลี่เอ๋อเคยพบเจอบ่อยๆ” หันไปหาสาวใช้ “ใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะมี่หลิวเป็นบุตรสาวของป้ากวน กวนมี่หลิว” ลี่เอ๋อเป็นคนพูด
“ตกลง!! พรุ่งนี้ยามซื่อ (09.00) เราจะไปพบนางกัน” ฟางซินตัดสินใจแน่วแน่
“เจ้าค่ะ!! เช่นนั้นข้าขอกลับไปนอนพักแล้วนะเจ้าคะ” ฟางอินลุกขึ้นยืน นางดีใจที่พี่ใหญ่ยอมออกไปตามหาความจริงพร้อมกับนางถึงแม้จะยังไม่เชื่อทั้งหมดก็เถอะ
“อืม..ไปเถอะ”
คล้อยหลังตู้ฟางอิน ฟางซินถึงกับหมดแรง จินเมี่ยวมองคุณหนูของนางอย่างเห็นใจ
“ดีเท่าใดแล้วที่ข้าฟังคำแม่ใหญ่มิยอมให้ชายใดแตะต้อง..ขนาดพี่เซี่ย..อึ่ก!! ฮึ” น้ำตาคลออยู่เต็มหน่วยจนเกือบจะร่วงริน “ข้ามันมิเคยรู้จักบุรุษสินะถึงได้ถูกเขาหลอกลวงเช่นนี้ บุรุษมักมาก วิปริต ข้าอยากจะสาปส่งพวกเขาให้ตายตกไปเสีย”
“โธ่..คุณหนูของบ่าว อย่าเสียใจเลยเจ้าค่ะวันพรุ่งนี้เหตุการณ์อาจจะมิเป็นเช่นนี้ก็ได้นะเจ้าคะ คุณหนูรองอาจจะ..”
“นางมิโกหกกรอก เรื่องใหญ่เช่นนี้มิใช่เรื่องล้อเล่นอย่างน้อยยามนี้ข้าก็ควรทำใจไปกว่าครึ่ง” ฟางซินลุกขึ้นเดินไปที่เตียงนอน “เจ้าออกไปเถอะข้าขอนอนพักสักครู่”
จินเมี่ยวมองคุณหนูของนางอย่างเห็นใจแต่ก็มิพูดอันใด ก้าวเดินไปหน้าห้องและปิดประตูลง ความเงียบมาถึงชั่วอึดใจเสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้น
“ฮึ่ก..ฮืออ..ฮืออ เหตุใดข้าต้องมาเจอบุรุษเช่นนี้”