ประเทศญี่ปุ่น
กว่าสิบวันแล้วที่ทายาทลำดับที่สองของตระกูล ซากุระ หายตัวไป โชเร่งทุกคนให้ตามหาลูกสาวคนเดียวของเขาหากใครหาเจอจะตบรางวัลให้อย่างงาม และถึงแม้จะมีรางวัลมาล่อตาล่อใจหากแต่ยังไร้ร่องรอยของลูกสาวเช่นเดิม
เรื่องนี้น่าสงสัย
โชคิดวิเคราะห์ ลำพังมากิมันจะไปไหนได้ไกล เพื่อนก็มีเท่าหยิบมือเพราะน้อยนักที่พ่อแม่จะยอมให้ลูกตัวเองเป็นเพื่อนกับลูกยากูซ่า
ในระหว่างที่กำลังนั่งคิดสายตาก็พลันไปเห็นชายร่างสูงกล้ามเนื้อสมส่วนพอดีตัวหน้าตาเหมือนผู้หญิงในความทรงจำเขาไปแล้วสี่ส่วน สองส่วนเหมือนยูมากิ และอีกสี่ส่วน...เหมือนเขาตอนยังหนุ่ม
“ยามาโมโตะ” เสียงเข้มเอ่ยเรียกลูกชาย
ขาแกร่งในชุดยูกาตะสีดำหยุดนิ่งก่อนที่เส้นทางจะเปลี่ยนเป็นเดินกลับมาหาคนเรียก ยามาโมโตะก้าวเดินอย่างมั่นคงใบหน้าเฉยฉาไม่เกรงกลัวต่ออะไรหากแต่ใครจะรู้ว่าข้างในอกเขา ก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจมันกำลังเต้นไม่เป็นส่ำ หากโอโต้ซังสามารถมองทะลุเนื้อหนังมังสาแล้วละก็ คงเห็นได้ว่าลูกชายคนโตมีพิรุธที่สุดในคฤหาสน์
เขารอให้สาวใช้ชงชาเสร็จเรียบร้อยแล้วออกไปแล้วเสร็จเขาจึงมานั่งแทนที่ของเธอ
“โอโต้ซังเรียกผม” เขาเอ่ย
โชพยักหน้า ยกชาขึ้นดื่มก่อนจะมองหน้าลูกชาย
“มากิมันไปไหน”
ยามาโมโตะเงียบ พ่อถามคำถามนี้กับเขาทำไม หรือแผนแตกแล้ว ชายหนุ่มกลอกตาไปขวาและซ้ายอย่างช้า ๆ ก่อนจะตอบคนพ่อกลับ “ผมไม่รู้ ทำไมโอโต้ซังมาถามผม”
โชถอนหายใจ หยิบบุหรี่มาคาบ ยามาโมโตะรู้หน้าที่เขาจุดไฟก่อนจะใช้อีกมือประคองแล้วยื่นไปจุดบุหรี่ให้บิดา
โชสูดควันพิษเข้าปอดก่อนจะพ่นมันออกมาใส่หน้าลูกชาย ยามาโมโตะแม้จะโดนพ่อกระทำสิ่งที่เขาไม่ชอบใจ แต่สถานการณ์ตอนนี้ เขาไม่ควรโวยวายอะไร ควรนิ่งเงียบให้ได้มากที่สุดเพื่อรักษาชีวิต
“ไม่รู้เหรอ” เขาย้ำ
“ผมไม่รู้” เขายังยืนยันคำเดิม
โชพยักหน้าก่อนจะอัดควันเข้าปอดอีกระลอกใหญ่
“แล้วเอาเงินไปทำอะไร”
ชายหนุ่มตัวเกร็ง เขารู้ว่าพ่อต้องรู้เรื่องนี้แต่เขาไม่คิดว่าพ่อจะรู้เรื่องไวอย่างนี้ เซลล์สมองของเขาทำงานอย่างหนักในการหาคำตอบ เขาควรเอาเงินไปทำอะไรเพื่อให้มันสมเหตุสมผลที่สุด...
“เอาเงินไปตัดชุดรอวันแต่งมากิครับ”
เขาอยากจะกัดลิ้นตัวเอง มากิหายไปหนึ่งวัน วันต่อมาเขาจะไปร้านตัดเสื้อเพื่อตัดชุดไปวันแต่งของน้องเพื่ออะไร โอ้ยย เขาน่าจะบอกว่าอัดฉีดให้คนในแกงค์จะได้ขยันตามหาน้อง
“อืม...ตัดกี่ตัวล่ะ” โชถาม
“เอ่อ...สองครับ” เขาบอก ไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะเชื่อเรื่องที่เขาโกหกมดเท็จไปเมื่อครู่
สองพ่อลูกเงียบกันไปพักใหญ่ ยามาโมโตะก้มหน้านิ่งอยู่อย่างนั้น ในเมื่อพ่อไม่ถามเขาก็ไม่ตอบ ส่วนโชเองก็มองลูกชายพลางสูบบุหรี่ไปจนหมดมวล
“พวกอาซุมะจัดงานเอาไว้แล้ว”
ชายหนุ่มเงยหน้ามองบิดา “แต่มากิ...”
“ก็นั้นน่ะสิ”โชบี้ก้นบุหรี่กับจานรองถ้วยชาก่อนจะพูดต่อ
“ทางนั้นไม่ยอมยกเลิกงาน”
ตั้งแต่มากิหายไป ตระกูลอาซุมะก็กดดันตระกูลซากุระทุกวันเนื่องจากยิ่งใกล้วันแต่งเท่าไหร่ ข่าวคราวของเจ้าสาวยิ่งจะหาได้ยากขึ้นทุกวัน...เหมือนมีคนคอยช่วยเหลือมากิตลอดเวลา
“แต่ถ้ายังฝืนให้มีงานแต่ง จะให้คายาโตะแต่งกับใคร”
“กับแกละมั้ง” โชว่าอย่างไม่ใส่ใจนัก
แต่คนฟังถึงกับเสียอาการก่อนจะสำรวมกริยา ยามาโมโตะกระแอ้มไอเล็กน้อย ธรรมเนียมของสองตระกูลก็แน่ชัดอยู่แล้วว่าต้องเป็นทายาทเพศต่างกัน คายาโตะเป็นผู้ชายจะมาแต่งกับเขาได้อย่างไร พ่อเขาก็เล่นมุกได้หน้าตายแถม...ไม่ตลก
ทั้งห้องกลับสู่ความเงียบอีกครั้ง เป็นโชที่เอ่ยก่อน
“แกไปเถอะ”
ยามาโมโตะถอนใจเขาก้มคำนับพ่อก่อนจะค่อย ๆ ลุกออกมาจากห้องนั้น แต่ก่อนที่ขาเขาจะได้ก้าวออกไปจากตรงนี้พ่อเขาก็เรียกไว้เสียก่อน
“ยามาโมโตะ”
“ครับ” เขาขานรับแทนจะทัที ตอนนี้มือเขาเริ่มชื้นจากเหงื่อที่ไหลออกมาเพราะความกดดัน
“แกว่าชุดแบบชิโระมุกุ กับ อิโระ อุจิคาเกะ อันไหนสวยกว่ากัน”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำถาม ชิโระมุกุ คือชุดยูกาตะที่ใช้สำหรับแต่งงานเช่นเดียวกับ อิโระ อุจิคาเกะ หากต่างกันเพียงคือชิโระมุกุจะเป็นสีขาวล้วนและ อิโระ อุจิคาเกะ จะมีสีสัน แล้วพ่อจะมาถามเขาให้มันได้อะไร แต่จะไม่ตอบก็ไม่ได้เขาจึงบอกไปตามที่ใจคิด
“ผมชอบแบบ อิโระ อุจิคาเกะ”
“ทำไม”
“ก็...ชอบอะไรที่มันมีสีสันหน่อย”
โชพยักหน้า “อืม...ไปได้”
ยามาโมโตะเดินออกจากห้องรับรองมาได้เขาก็สาวเท้าถี่ ๆ แล้วแอบมาหลบมุมชายหนุ่มกุมน่าอกตัวแล้วสูดอากาศเข้าปอดเหมือนคนขาดอากาศนาน ถ้าให้เขาอยู่คุยกับพ่อต่อในสถานการณ์แบบนี้ เขารับประกันได้เลยว่าเขาต้องปล่อยพิรุธมากกว่าการบอกเขาเงินแสนกว่าไปตัดชุดงานแต่งแน่นอน