Chapter 12

1153 Words
โดยไม่รอให้เขาเปิดปาก ฉันลงจากรถ เอี้ยวตัวมาโบกมือให้นิดหน่อย ก่อนจะก้าวอย่างมั่นใจเข้าคอนโด ไม่หันกลับไปมองอีก นั่นเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันอ่อยเขามากเกินไป แต่ได้ยั่วหนุ่มหล่อหน้านิ่งเล่นก็สนุกดีพิลึก ป่านนี้เขาคงนึกหมั่นไส้ฉันไปไม่น้อยแล้วล่ะ Guy Part “ท่าจะดื้อน่าดู” ผมส่ายหน้าขณะทอดสายตามองตามร่างอรชรเดินเข้าไปในคอนโดหรูสูงหกสิบชั้น เห็นเธอเข้าไปในตึกแล้วก็กะจะถอยรถออก ใครคนหนึ่งกลับเข้ามาเคาะกระจกรถก่อน ทำให้ผมต้องลดกระจกลง “มึงมาทำไรที่นี่” “ไม่เห็น?” ผมย้อนถามกลับ คนถามเผยยิ้มร้าย ผินหน้ามองไปทางด้านหน้าตึกอีกรอบ เห็นไหม ผมเดาผิดที่ไหน ไอ้พี่ชายของผมมันร้าย “ขึ้นไปดื่มกับกูก่อนมั้ยล่ะ” “เกียร์ มึงอย่ามาลูกไม้ ถ้าไม่มีอะไรก็ถอย กูจะกลับ” “ถามแค่นี้ทำมีอารมณ์ หรือเธอคนเมื่อกี้ไม่ชวนมึงขึ้นห้อง” “มึงกลับไปสวีตกับเด็กมึงเหอะ อย่ามายุ่งเรื่องกู” “นั่นพี่สะใภ้มึงนะ เรียกที่รักดี ๆ หน่อย” ‘เกียร์’ เป็นพี่ชายผม พี่ชายท้องแม่เดียวกันนี่แหละ มันเกิดก่อนผมหนึ่งปี ตอนนี้เรียนวิศวกรรมการบินปีสี่ ‘ที่รัก’ คือคนรักของมัน เธอกำลังเรียนอยู่ปีสอง “เออ เจอมึงก็ดี มีงานหนึ่งอยากให้มึงไปแทนหน่อยอาทิตย์หน้า” “กูไม่ไป” “สัสกาย มึงต้องไปบ้าง งานมันชนกัน กูแยกร่างไม่ได้เว้ย” ผมไม่ชอบงานเลี้ยง ไม่ชอบที่ต้องไปนั่งปั้นหน้า แต่เห็นทีงานนี้จะปฏิเสธยากถ้าไอ้เกียร์มันด่าผมมาขนาดนี้ ที่ผ่าน ๆ มา ผมยกหน้าที่ออกงานให้มันมาตลอด “งานอะไร” “งานเลี้ยงวันเกิด ได้ยินว่าเขาจัดงานที่บ้านแถวนน เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดให้ แค่เอาของขวัญไป นั่งอยู่ในงานนิดหน่อย มึงก็ปลีกตัวได้” “วันเกิดใคร” “เจ้าสัวจรูญ” “ได้ มึงส่งรายละเอียดมาก็แล้วกัน” เหมือนว่าไอ้เกียร์มันหมดเรื่องจะคุย หรืออีกทีคงเพราะถูกใครตาม เพราะมันพลิกหน้าจอมือถือในมือขึ้นดูก่อนตบไหล่ผมสองสามทีแล้วผละเข้าตึกไป ผมมองตามมันนิดหน่อยแล้วขับรถกลับที่พักบ้าง ซึ่งก็คืออู่นั่นแหละ ด้านหลังอู่เป็นห้องพักของผมเอง พอสมองว่างเปล่า ผมกลับนึกถึงคนตัวบางอีกครั้ง แล้วอดส่ายหัวไม่ได้ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งคงได้ฟาดตั้งแต่เรื่องชุดที่เธอใส่คืนนี้แล้ว แม้ตัวเสื้อจะเป็นแขนยาวสีเข้ม แต่รัดรูปอวดส่วนโค้งนูน ซ้ำตัวเสื้อเกือบทั้งหมดเป็นผ้าซีทรูยกเว้นตรงบริเวณทรวงอก กระโปรงสั้นอวดเรียวขาขาวเนียน ทุกครั้งที่เธอขยับยกไขว่ห้างคงทำให้ผู้ชายหลายคนในผับหัวใจกระตุก พวกผู้ชายหลายคนจึงแวะเวียนมาชนแก้วกับเธอไม่ได้ขาดกระทั่งตอนผมเข้าไปที่โต๊ะ ซึ่งอันที่จริงมาก่อนพวกไอ้สองสักพักแล้ว ถึงเห็นเหตุการณ์พวกนั้นทั้งหมด เธอยังขยันยิ้มหวานอีกด้วย นาเนียร์ในความรู้สึกผมคือ เธอดื้อ ดื้อมาก ช่างยั่ว ขี้แกล้ง กับผม เธอก็แกล้งยั่วแกล้งหยอกเล่น ไม่รู้หรือไงไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน ทำให้ใครต่อใครใจเต้นจนยากจะละสายตา ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง “ไงมึง ส่งน้องถึงไหนวะครับ” กลับมาถึงที่พัก ผมกลับได้พบไอ้เพื่อนทั้งสองคนที่ตอนแรกผมคิดว่าพวกมันคงโดนสาวหิ้วไปแล้ว ที่ไหนได้ พากันมาดื่มอยู่บ้านผมนี่เอง บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวีมีทั้งเหล้าและกับแกล้มพวกขนมขบเคี้ยว “ทำไมพวกมึงมาอยู่นี่” “ปกติ พวกกูก็มาไหม” ไอ้สองทำมองค้อน แต่แววตามันวิบวับมาก ผมแกล้งทำไม่สนใจด้วยการผสมเหล้าให้ตัวเอง “มันคิดว่ามึงอาจจะพาน้องมาที่นี่ เลยอยากมาเสือกด้วย” “โห ไอ้ธีม มึงก็แล่นตามกูมาไหม แสดงว่าอยากเสือกเหมือนกันหรือเปล่า” ฟังพวกมันเถียงกันแล้ว ผมเลยถีบให้คนละที “ทำไมคิดว่าน้องมันจะมาที่นี่กับกู” “ใครจะรู้ กูก็แค่อยากพิสูจน์ข่าวลือต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับน้องแค่นั้นเอง” จริงที่ว่ามีเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับนาเนียร์แพร่สะพัดในมหา’ลัย มีตัวผู้หลายตัวคุยกันสนุกปากว่าเคยได้เธอแล้ว ผมได้ยินแล้วนึกอยากตะบันปากพวกมันให้กินข้าวไม่ได้สักหลาย ๆ วัน เรื่องพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เป็นผู้ชายไม่ควรทำตัวหน้าตัวเมีย กินที่ลับไขที่แจ้ง “ถามจริงว่ะกาย มึงสนใจน้องใช่ไหม” “นั่นดิ กูเห็นนะ วันนั้นตอนเธอหลับที่อู่ มึงเล่นนั่งจ้องน้องไม่วางตาเลย” ผมยกแก้วขึ้นสาดเครื่องดื่มลงคอ ไอ้เพื่อนสองตัวพากันวางมือถือที่กำลังเล่นเกมหันมาคาดคั้นผมแทน นึกถึงวันที่เธอเอารถมาเปลี่ยนยาง หลังตรวจเช็กเสร็จตั้งใจจะไปบอกเธอถึงปัญหาบางอย่างของรถ แต่ขึ้นไปนาเนียร์กำลังหลับ หน้าตาตอนนอนก็เหมือนเด็กน้อย ทำให้ผมเผลอนั่งจ้องอยู่พักใหญ่ จนช่างในร้านโทรขึ้นมาตาม “มึงสนใจตั้งแต่คืนที่น้องแข่งรถแล้วใช่ไหม” “อืม” “จริงดิ” สองร้อง ทำตาโต “ขนลุกว่ะ” ธีมทำท่าขนพองได้อย่างน่าถีบอีกรอบ ผมยักไหล่ ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะผมไม่เคยแสดงท่าทางสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษมาก่อน “เธอน่าสนใจดี” เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเธอจริงเท็จแค่ไหนผมไม่สนใจ ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการอย่างอิสระบ้าง ไม่ใช่เรื่องผิด ผู้ชายยังทำได้เลย แล้วทำไมผู้หญิงจะทำไม่ได้ ที่ผมสนใจคือความเป็นเธอ ตอนแข่งรถ เธอบ้าบิ่นได้สุดดี ตอนทำตัวขี้อ่อยปากดีก็ทำได้น่ารักดี ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าไปข้องแวะไม่ใช่เพราะคิดว่าเธอเป็นเด็กไอ้ศิลป์ เพียงแต่บางเรื่อง มันมีจังหวะของมัน ความรีบร้อนไม่ใช่จะเป็นผลดีเสมอไป ตอนนี้ผมคิดว่าจังหวะของผมมาถึงแล้ว “ถ้าจะร้ายไม่เบานะ” สองเปรยยิ้ม ๆ ผมเลยหัวเราะในลำคอเบา ๆ “ร้ายก็ดี” “...” “กูชอบผู้หญิงสู้มือ” End Talk.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD