โดยไม่รอให้เขาเปิดปาก ฉันลงจากรถ เอี้ยวตัวมาโบกมือให้นิดหน่อย ก่อนจะก้าวอย่างมั่นใจเข้าคอนโด ไม่หันกลับไปมองอีก นั่นเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าฉันอ่อยเขามากเกินไป
แต่ได้ยั่วหนุ่มหล่อหน้านิ่งเล่นก็สนุกดีพิลึก ป่านนี้เขาคงนึกหมั่นไส้ฉันไปไม่น้อยแล้วล่ะ
Guy Part
“ท่าจะดื้อน่าดู”
ผมส่ายหน้าขณะทอดสายตามองตามร่างอรชรเดินเข้าไปในคอนโดหรูสูงหกสิบชั้น เห็นเธอเข้าไปในตึกแล้วก็กะจะถอยรถออก ใครคนหนึ่งกลับเข้ามาเคาะกระจกรถก่อน ทำให้ผมต้องลดกระจกลง
“มึงมาทำไรที่นี่”
“ไม่เห็น?” ผมย้อนถามกลับ
คนถามเผยยิ้มร้าย ผินหน้ามองไปทางด้านหน้าตึกอีกรอบ เห็นไหม ผมเดาผิดที่ไหน ไอ้พี่ชายของผมมันร้าย
“ขึ้นไปดื่มกับกูก่อนมั้ยล่ะ”
“เกียร์ มึงอย่ามาลูกไม้ ถ้าไม่มีอะไรก็ถอย กูจะกลับ”
“ถามแค่นี้ทำมีอารมณ์ หรือเธอคนเมื่อกี้ไม่ชวนมึงขึ้นห้อง”
“มึงกลับไปสวีตกับเด็กมึงเหอะ อย่ามายุ่งเรื่องกู”
“นั่นพี่สะใภ้มึงนะ เรียกที่รักดี ๆ หน่อย”
‘เกียร์’ เป็นพี่ชายผม พี่ชายท้องแม่เดียวกันนี่แหละ มันเกิดก่อนผมหนึ่งปี ตอนนี้เรียนวิศวกรรมการบินปีสี่ ‘ที่รัก’ คือคนรักของมัน เธอกำลังเรียนอยู่ปีสอง
“เออ เจอมึงก็ดี มีงานหนึ่งอยากให้มึงไปแทนหน่อยอาทิตย์หน้า”
“กูไม่ไป”
“สัสกาย มึงต้องไปบ้าง งานมันชนกัน กูแยกร่างไม่ได้เว้ย”
ผมไม่ชอบงานเลี้ยง ไม่ชอบที่ต้องไปนั่งปั้นหน้า แต่เห็นทีงานนี้จะปฏิเสธยากถ้าไอ้เกียร์มันด่าผมมาขนาดนี้ ที่ผ่าน ๆ มา ผมยกหน้าที่ออกงานให้มันมาตลอด
“งานอะไร”
“งานเลี้ยงวันเกิด ได้ยินว่าเขาจัดงานที่บ้านแถวนน เดี๋ยวกูส่งรายละเอียดให้ แค่เอาของขวัญไป นั่งอยู่ในงานนิดหน่อย มึงก็ปลีกตัวได้”
“วันเกิดใคร”
“เจ้าสัวจรูญ”
“ได้ มึงส่งรายละเอียดมาก็แล้วกัน”
เหมือนว่าไอ้เกียร์มันหมดเรื่องจะคุย หรืออีกทีคงเพราะถูกใครตาม เพราะมันพลิกหน้าจอมือถือในมือขึ้นดูก่อนตบไหล่ผมสองสามทีแล้วผละเข้าตึกไป
ผมมองตามมันนิดหน่อยแล้วขับรถกลับที่พักบ้าง ซึ่งก็คืออู่นั่นแหละ ด้านหลังอู่เป็นห้องพักของผมเอง
พอสมองว่างเปล่า ผมกลับนึกถึงคนตัวบางอีกครั้ง แล้วอดส่ายหัวไม่ได้ ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่งคงได้ฟาดตั้งแต่เรื่องชุดที่เธอใส่คืนนี้แล้ว แม้ตัวเสื้อจะเป็นแขนยาวสีเข้ม แต่รัดรูปอวดส่วนโค้งนูน ซ้ำตัวเสื้อเกือบทั้งหมดเป็นผ้าซีทรูยกเว้นตรงบริเวณทรวงอก กระโปรงสั้นอวดเรียวขาขาวเนียน ทุกครั้งที่เธอขยับยกไขว่ห้างคงทำให้ผู้ชายหลายคนในผับหัวใจกระตุก พวกผู้ชายหลายคนจึงแวะเวียนมาชนแก้วกับเธอไม่ได้ขาดกระทั่งตอนผมเข้าไปที่โต๊ะ ซึ่งอันที่จริงมาก่อนพวกไอ้สองสักพักแล้ว ถึงเห็นเหตุการณ์พวกนั้นทั้งหมด เธอยังขยันยิ้มหวานอีกด้วย
นาเนียร์ในความรู้สึกผมคือ เธอดื้อ ดื้อมาก ช่างยั่ว ขี้แกล้ง กับผม เธอก็แกล้งยั่วแกล้งหยอกเล่น ไม่รู้หรือไงไม่รู้ว่าตัวเองมีเสน่ห์มากแค่ไหน ทำให้ใครต่อใครใจเต้นจนยากจะละสายตา ไม่เว้นแม้แต่ตัวผมเอง
“ไงมึง ส่งน้องถึงไหนวะครับ”
กลับมาถึงที่พัก ผมกลับได้พบไอ้เพื่อนทั้งสองคนที่ตอนแรกผมคิดว่าพวกมันคงโดนสาวหิ้วไปแล้ว ที่ไหนได้ พากันมาดื่มอยู่บ้านผมนี่เอง บนโต๊ะเตี้ย ๆ หน้าทีวีมีทั้งเหล้าและกับแกล้มพวกขนมขบเคี้ยว
“ทำไมพวกมึงมาอยู่นี่”
“ปกติ พวกกูก็มาไหม” ไอ้สองทำมองค้อน แต่แววตามันวิบวับมาก
ผมแกล้งทำไม่สนใจด้วยการผสมเหล้าให้ตัวเอง
“มันคิดว่ามึงอาจจะพาน้องมาที่นี่ เลยอยากมาเสือกด้วย”
“โห ไอ้ธีม มึงก็แล่นตามกูมาไหม แสดงว่าอยากเสือกเหมือนกันหรือเปล่า”
ฟังพวกมันเถียงกันแล้ว ผมเลยถีบให้คนละที
“ทำไมคิดว่าน้องมันจะมาที่นี่กับกู”
“ใครจะรู้ กูก็แค่อยากพิสูจน์ข่าวลือต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับน้องแค่นั้นเอง”
จริงที่ว่ามีเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับนาเนียร์แพร่สะพัดในมหา’ลัย มีตัวผู้หลายตัวคุยกันสนุกปากว่าเคยได้เธอแล้ว ผมได้ยินแล้วนึกอยากตะบันปากพวกมันให้กินข้าวไม่ได้สักหลาย ๆ วัน เรื่องพวกนั้นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เป็นผู้ชายไม่ควรทำตัวหน้าตัวเมีย กินที่ลับไขที่แจ้ง
“ถามจริงว่ะกาย มึงสนใจน้องใช่ไหม”
“นั่นดิ กูเห็นนะ วันนั้นตอนเธอหลับที่อู่ มึงเล่นนั่งจ้องน้องไม่วางตาเลย”
ผมยกแก้วขึ้นสาดเครื่องดื่มลงคอ ไอ้เพื่อนสองตัวพากันวางมือถือที่กำลังเล่นเกมหันมาคาดคั้นผมแทน
นึกถึงวันที่เธอเอารถมาเปลี่ยนยาง หลังตรวจเช็กเสร็จตั้งใจจะไปบอกเธอถึงปัญหาบางอย่างของรถ แต่ขึ้นไปนาเนียร์กำลังหลับ หน้าตาตอนนอนก็เหมือนเด็กน้อย ทำให้ผมเผลอนั่งจ้องอยู่พักใหญ่ จนช่างในร้านโทรขึ้นมาตาม
“มึงสนใจตั้งแต่คืนที่น้องแข่งรถแล้วใช่ไหม”
“อืม”
“จริงดิ” สองร้อง ทำตาโต
“ขนลุกว่ะ” ธีมทำท่าขนพองได้อย่างน่าถีบอีกรอบ
ผมยักไหล่ ที่มันเป็นแบบนั้นเพราะผมไม่เคยแสดงท่าทางสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษมาก่อน
“เธอน่าสนใจดี”
เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับเธอจริงเท็จแค่ไหนผมไม่สนใจ ถ้าผู้หญิงคนหนึ่งจะใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการอย่างอิสระบ้าง ไม่ใช่เรื่องผิด ผู้ชายยังทำได้เลย แล้วทำไมผู้หญิงจะทำไม่ได้
ที่ผมสนใจคือความเป็นเธอ ตอนแข่งรถ เธอบ้าบิ่นได้สุดดี ตอนทำตัวขี้อ่อยปากดีก็ทำได้น่ารักดี
ตอนแรกที่ไม่ได้เข้าไปข้องแวะไม่ใช่เพราะคิดว่าเธอเป็นเด็กไอ้ศิลป์ เพียงแต่บางเรื่อง มันมีจังหวะของมัน ความรีบร้อนไม่ใช่จะเป็นผลดีเสมอไป ตอนนี้ผมคิดว่าจังหวะของผมมาถึงแล้ว
“ถ้าจะร้ายไม่เบานะ” สองเปรยยิ้ม ๆ
ผมเลยหัวเราะในลำคอเบา ๆ
“ร้ายก็ดี”
“...”
“กูชอบผู้หญิงสู้มือ”
End Talk.