“ร้องออกมา เฮียอยู่ตรงนี้”

1476 Words
หลังจากที่คาริสาแยกตัวออกมาจากปลาวาฬและแม่ของเขา ทั้งสองก็เดินเคียงกันไปตามโถงทางเดินของห้างที่ยังคงเต็มไปด้วยผู้คน เดย์เหลือบมองหญิงสาวข้าง ๆ ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่แฝงแววขำในน้ำเสียง “ไหนบอกว่าหิว… ไม่หิวแล้วเหรอ?” คาริสาหันมามองหน้าเขา ยกมุมปากขึ้นน้อย ๆ “ไม่แล้วอ่ะ เมื่อกี้กินไอติมกับปลาวาฬไป ไม่ค่อยหิวละ” เดย์เลิกคิ้ว “ไอติมแค่โคนเดียวเนี่ยนะ?” คาริสาหันมามองเขา ยกยิ้มบาง ๆ ขึ้นตรงมุมปาก ดวงตาเป็นประกายเหมือนคนที่ยังมีรอยยิ้มของเด็กคนนั้นอยู่ในหัว “อืม… อิ่มแล้ว” เธอพูดเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปทางข้างหน้า “อิ่มใจนะ” เดย์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังเล็กที่ค่อย ๆ เดินนำหน้าไป เสียงฝีเท้าเบา ๆ ของเธอก้องอยู่ในโถงห้างที่เริ่มเงียบลง มุมปากของเขาเผลอยกขึ้นจาง ๆ ไม่รู้ว่ากำลังยิ้มเพราะคำพูดนั้น หรือเพราะคนพูดกันแน่ อิ่มใจ… หรอ? เขาพึมพำในใจ พร้อมก้าวเดินตามเธอไปเงียบ ๆ —— คฤหาสน์อัครเวทย์… ทันทีที่รถคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดในลานกว้าง เสียงเครื่องดับลงพร้อมกับรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของคาริสาที่ยังไม่จางหายไปจากช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอก้าวลงจากรถอย่างอารมณ์ดี ขณะเดย์ปิดประตูฝั่งคนขับแล้วเดินอ้อมไปเปิดท้ายรถ มือใหญ่ถือถุงของทั้งหมดที่เธอซื้อมาอย่างเหนื่อยแต่ก็ยังอดแอบยิ้มมุมปากไม่ได้ เพราะภาพหญิงสาวที่ยิ้มแย้มในแสงเย็นนั้นดู “สบายใจ” กว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็น แต่… ความเงียบสงบกลับถูกทำลายลงทันที เสียงฝีเท้าและน้ำเสียงเข้มของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจากห้องโถง “กลับมาแล้วเหรอ… มานี่เลย ริสา!” คุณพัชรีก้าวเร็วเข้ามา มือข้างหนึ่งคว้าแขนลูกสาวไว้แน่นจนคาริสาสะดุ้ง “โอ๊ย… แม่! ริสาเจ็บนะ!” เธอพยายามแกะมือออกแต่ไม่สำเร็จ ใบหน้าที่เมื่อครู่ยังมีรอยยิ้มตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความตกใจ “ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่!” เสียงของคุณพัชรีดังลั่นสะท้อนทั่วโถง “รู้ไหมว่าแม่อายเขาแค่ไหน! ทำไมถึงเป็นเด็กแบบนี้ห๊ะ ริสา!” คาริสาขบกรามแน่น พยายามกลั้นน้ำตา “ก็ริสาไม่ชอบไงแม่! ริสาบอกแล้วว่าริสาไม่แต่ง! แม่ไม่ฟังริสาเลยสักคำ!” “อย่าดื้อกับแม่นะริสา!” “ถ้าแม่ยังจะบังคับให้ริสาแต่งงานอยู่แบบนี้…” เธอตะโกนสวนกลับ เสียงเริ่มสั่น “ริสาก็จะทำตัวแบบนี้แหละ!!” เพียะ! เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังชัดเจนไปทั่วห้อง ใบหน้าของคาริสาหันไปตามแรงตบ ดวงตาเบิกกว้าง แก้มขึ้นสีแดงจัดในทันที ของทั้งหมดในมือของเดย์หล่นกระแทกพื้น ดังพลั่ก! เขาพุ่งเข้ามาทันที ดวงตาคมแข็งกร้าว “คุณหญิงครับ!” “ออกไป!” เสียงของคุณพัชรีตวาดดังลั่น “ฉันไม่ได้ใช้ให้แกเข้ามา!” เดย์ทำได้เพียงมองคาริสาอยู่นิ่ง ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่กล้าแสดงออก เขาก้มหัวเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลังออกมาตามคำสั่งของผู้เป็นนาย คาริสายังคงยืนอยู่ที่เดิม แก้มแดงช้ำเล็กน้อยจากแรงตบ ดวงตาเริ่มแดงขึ้นเมื่อเอ่ยเสียงสั่น “นี่แม่… แม่ตบหน้าริสาเหรอ?” คุณพัชรีสูดหายใจแรง “ใช่สิ รู้ไหมทำไมฉันถึงตบแก… เพราะฉันตบเรียกสติ! เรียกให้มันกลับมาสักที!” “เรียกสติเหรอคะ…” คาริสาหัวเราะทั้งน้ำตา “แม่รู้ไหมว่าทำไมริสาถึงขอพ่อย้ายไปอยู่ต่างประเทศ…” เสียงในห้องเงียบลงชั่วขณะ “ก็เพราะแม่ไง… เพราะแม่เป็นแบบนี้ไง” เธอพูดทั้งน้ำตาที่เริ่มไหลออกมา “แม่เอาแต่บังคับทุกคน แม่ไม่เคยถามเลยด้วยซ้ำ ว่าริสาโอเคไหม แม่คิดเองเออเองทุกอย่างตลอด!” คุณพัชรีชะงัก ดวงตาเริ่มสั่นไหว “ก็เพราะริสาไม่ใช่เฮียคิริวใช่ไหม… แม่ถึงเอาแต่บังคับริสา ทีตอนแม่จะให้เฮียคิริวแต่งงานยังไงล่ะ? งานยังไม่ทันจัด เฮียหาหลักฐานมาได้ แม่ก็ยอมเฮียทันที” เสียงของคาริสาเริ่มสั่นแรงขึ้น แต่เต็มไปด้วยความเจ็บที่กดไว้มานาน “แล้วพอริสากลับมา แม่ก็ให้ริสาเป็นคนรับไม้ต่อจากเฮีย ทั้งที่ริสาไม่เคยขอเลย!” “คาริสา—!” คุณพัชรีพยายามพูดแทรก แต่ลูกสาวกลับพูดต่อ น้ำตาไหลอาบแก้ม “ถ้าคุณพ่อไม่โทรบอกให้ริสากลับมา… ริสาคงไม่กลับมาเหยียบที่นี่เลยด้วยซ้ำ!” เพียะ! เพียะ! เสียงฝ่ามือกระทบแก้มดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แรงกว่าเดิม ร่างของคาริสาเซไปข้างหลังเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและความปวดใจที่มากกว่าความเจ็บ เดย์ที่ยืนอยู่นอกห้องรับแขกได้ยินทุกคำ ทุกเสียง เขากำหมัดแน่น จนเส้นเลือดขึ้นที่ข้อมือ แววตาเริ่มเปลี่ยนจากความสงบ… กลายเป็นความเป็นห่วง “คิดดีแล้วเหรอ ถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้” น้ำเสียงของคุณพัชรีเย็นเยียบจนบรรยากาศในห้องแทบหยุดนิ่ง คาริสาไม่ตอบ ใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เธอแค่ยืนเงียบ ปล่อยให้ความผิดหวังและความเจ็บปวดบีบคั้นอยู่ในทรวง “งั้นฟังให้ดีนะ คาริสา อัครเวทย์” เสียงของมารดาดังขึ้นอีกครั้ง หนักแน่นและเฉียบคม “งานแต่งที่จะจัดขึ้นอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า… แกต้องเข้าพิธีแต่งงานให้เรียบร้อย” คุณพัชรีหยุดไปชั่วครู่ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบเย็นยิ่งกว่าเดิม “ถ้าครั้งนี้แกยังคิดจะหนีงานแต่งอีก… ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดก แล้วก็เลิกเรียกฉันว่า ‘แม่’ ได้เลย” “ถ้าคิดจะลองดี ก็ลองหนีดู ริสาก็รู้ว่าแม่ทำอะไรได้บ้าง” จบประโยคสุดท้ายของคุณพัชรี เธอก็หันหลังเดินออกจากห้องรับแขกไปทันที เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นหินอ่อนดังสะท้อนทั่วโถง เหมือนเสียงที่บาดลงกลางหัวใจของคาริสา เดย์ที่ยืนอยู่หน้าห้องรีบก้มศีรษะให้เมื่อคุณหญิงพัชรีเดินผ่าน อีกฝ่ายเพียงเหลือบตามองนิดเดียว ก่อนจะเมินเฉยและก้าวหายไปตามทางเดินยาวของคฤหาสน์ เมื่อมั่นใจว่าผู้เป็นนายพ้นสายตาแล้ว เดย์ก็ไม่รอช้า เขาก้าวเข้ามาในห้องรับแขกทันที ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น หญิงสาวที่มักเชิดหน้าไว้ตลอดเวลาตอนนี้กลับยืนสั่นเทาอยู่กลางห้อง ดวงตาแดงช้ำ น้ำตาไหลไม่ขาดสาย คาริสาเงยหน้าขึ้น พอเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า น้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ก็ไหลพรากออกมาทันที เธอไม่พูดอะไรทั้งนั้น แค่พุ่งตัวเข้าหาเขา กอดแน่นเหมือนกำลังหาที่พักพิงสุดท้ายในโลก เดย์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดตอบอย่างช้า ๆ มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางเบา ๆ เหมือนกำลังปลอบเด็กน้อยที่ร้องไห้จนหมดแรง “ไม่เป็นไรนะ…” เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาอยู่ข้างหูเธอ “เฮียอยู่ตรงนี้แล้ว” “เฮียเดย์…” เสียงของคาริสาสั่นจนแทบขาดใจ “ริสา… ริสาไม่อยากแต่งงาน” ทันทีที่พูดจบ เสียงสะอื้นก็พรั่งพรูออกมา น้ำตาที่กลั้นไว้ทั้งวันไหลไม่หยุด เธอฝังหน้าลงกับอกของเขา ร้องไห้ออกมาราวกับเด็กที่แบกทุกอย่างไว้จนหมดแรง เดย์ไม่ได้พูดปลอบด้วยคำหวาน เขาเพียงยกมือขึ้นโอบกอดเธอไว้แน่น ปล่อยให้ไหล่ของเธอสั่นไหวอยู่ในอ้อมแขน เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นช้า ๆ ใกล้หูของเธอ อบอุ่น หนักแน่น และอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ร้องออกมา… ร้องออกมาเลย” เขากล่าวเบา ๆ พลางลูบหลังเธออย่างแผ่วเบา “ร้องจนกว่าจะสบายใจ ไม่ต้องกลั้นไว้แล้ว” คาริสากัดริมฝีปากแน่น แต่สุดท้ายก็ปล่อยเสียงสะอื้นออกมาจนตัวโยน เดย์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงยืนนิ่ง รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สั่นสะเทือนผ่านการกอดนั้น เสียงร้องไห้ของเธอดังสะท้อนก้องไปทั่วห้องโถง แต่สำหรับเดย์ มันคือเสียงของ “ความจริง” ที่เธอเพิ่งกล้าปล่อยออกมาครั้งแรกในชีวิต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD