คาริสายังคงยืนกอดเดย์ ร้องไห้อยู่นาน น้ำเสียงสะอื้นสั่นเบาจนแทบขาดใจ
จนกระทั่ง…
เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากทางเดินก่อนจะหยุดลงตรงหน้าประตู
“คาริสา… เป็นอะไร!” เสียงเข้มของคิริวเอ่ยถามอย่างตกใจ
คาริสาที่เหมือนจะเริ่มสงบลงไปแล้ว พอได้ยินเสียงของพี่ชาย น้ำตาที่เพิ่งหยุดก็พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เธอผละจากอ้อมแขนของเดย์ก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดคิริวแน่น
“ฮึก… เฮีย…” เสียงของเธอสั่นเครือ “แม่… แม่บังคับให้ริสาแต่งงานอ่ะ”
คิริวขมวดคิ้วแน่น มือใหญ่โอบกอดน้องสาวไว้แน่น พลางเอ่ยเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้แม่ก็เคยบังคับเหมือนกันนี่… แล้วทำไมครั้งนี้ถึงร้องไห้ขนาดนี้?”
คาริสาส่ายหน้า น้ำตาไหลอาบแก้ม “แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน…”
“ยังไง?”
หญิงสาวสะอื้นจนเสียงขาดห้วง ก่อนจะพูดออกมาทั้งน้ำตา “ครั้งนี้… แม่บอกว่า ถ้าริสาไม่แต่ง… แม่จะให้ริสาเลิกเรียกเขาว่าแม่…”
คิริวชะงัก ดวงตาเข้มที่เคยนิ่งแข็งเริ่มสั่นไหว เขากอดน้องสาวแน่นขึ้นโดยไม่พูดอะไรอีก
เดย์ยืนนิ่งอยู่ห่าง ๆ มองภาพนั้นเงียบ ๆ ใบหน้าคมเข้มไม่แสดงอารมณ์ แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความสงสาร และบางอย่างที่เกือบจะกลายเป็น “ความโกรธแทน”
“เฮีย…” เสียงของคาริสาสั่นจนแทบฟังไม่เป็นคำ “ริสาไม่อยากแต่ง… เฮียช่วยพูดกับแม่ให้หน่อยนะ”
น้ำตาเริ่มไหลไม่หยุด มือบางกำชายเสื้อของคิริวแน่นเหมือนกลัวว่าอีกฝ่ายจะหายไป
“หรือไม่ก็…” เธอสะอื้นเบา ๆ “พาริสาหนีไปอยู่ที่อื่นก็ได้ ริสาไม่อยากแต่งจริง ๆ … จะให้แต่งกับใครก็ไม่รู้…”
คาริสาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงช้ำเต็มไปด้วยความน้ำตา “เฮียคิริวก็น่าจะรู้ใช่ไหม… ว่าการแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก มันเป็นยังไง”
คำพูดนั้นเหมือนกรีดลงกลางใจของคิริวโดยตรง ความทรงจำเก่าแล่นกลับมาในหัว ภาพของความว่างเปล่าที่ต้องทนอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่มีหัวใจ
เขามองหน้าน้องสาวนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบา ๆ
“เฮียรู้…” น้ำเสียงทุ้มของเขาแผ่วลง “เฮียรู้ดีเลย ว่ามันทรมานแค่ไหน…”
คาริสากัดริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นสะอื้น แต่สุดท้ายก็โผเข้ากอดเขาแน่นอีกครั้ง
“งั้น… อย่าให้ริสาต้องเจอแบบนั้นเลยนะเฮีย… ริสาทนไม่ไหวจริง ๆ”
คิริวโอบกอดน้องสาวไว้แน่นขึ้น เขาไม่ตอบ แต่แววตาที่มองเลยไหล่ของคาริสาไปยังเดย์นั้น… เต็มไปด้วยคำสัญญาเงียบ ๆ ว่า เขาจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอีก
——
ก่อนงานแต่งหนึ่งวัน…
ภายในห้องนอนหรูของคฤหาสน์ อากาศขมุกขมัวคล้ายบรรยากาศก่อนฝนตก
เสียงรูดซิปกระเป๋าดังเป็นระยะ ขณะที่คาริสากำลังรีบพับเสื้อผ้าแล้วยัดลงกระเป๋าใบใหญ่ตรงหน้า
“พี่ริสา…” เสียงใสของอัญชันดังขึ้นจากมุมห้อง “อัญชันว่าพี่ขนเสื้อผ้าไปเยอะไปไหมคะ?”
คาริสาเงยหน้าขึ้นมองอัญชันแล้วส่ายหน้าเบา ๆ “พี่ว่าไม่นะ… นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“แบบนี้เรียกน้อยเหรอคะ?” อัญชันถามอย่างตกใจเมื่อเห็นกระเป๋าใบใหญ่ที่แทบปิดไม่ลง
คาริสาหัวเราะในลำคอเบา ๆ แต่แววตาเต็มไปด้วยความกังวล “น้อยสิ… ที่พี่เก็บไปยังไม่ถึงครึ่งเลยนะ”
เธอหยุดมือไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงแผ่วลง “อีกอย่าง… พี่ก็ไม่รู้ว่าพอหนีไปอยู่ลำปางจะต้องอยู่นานแค่ไหน ถ้าอยู่เกินที่คิดไว้ พี่ก็ต้องเตรียมไปเยอะ ๆ ไว้ก่อนน่ะสิ”
อัญชันมองใบหน้าคาริสาเงียบ ๆ เห็นทั้งความมุ่งมั่นและความกลัวซ่อนอยู่ในสายตาคู่นั้น เธอจึงค่อย ๆ เดินเข้ามาช่วยพับเสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ห้องที่เคยเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมและเสียงหัวเราะกลับเหลือเพียงความเงียบงัน
คาริสาทรุดตัวนั่งลงที่ปลายเตียง สายตาจับจ้องไปยังชุดแต่งงานสีขาวบริสุทธิ์ที่แขวนอยู่ตรงหน้า ผ้าซาตินเนียนสะท้อนแสงไฟอ่อน ๆ จนเกือบแสบตา
เธอมองมันอยู่นาน… ก่อนจะยกยิ้มจาง ๆ ที่แฝงไปด้วยความเจ็บ
“ฉันก็อยากใส่แกนะ…” เสียงแผ่วราวกระซิบ “แต่ฉันอยากใส่กับคนที่ฉันอยากแต่งด้วย… ไม่ใช่คนที่ใครเลือกมาให้”
คำพูดจบลงพร้อมกับรอยน้ำตาที่ร่วงลงบนมือของเธออย่างเงียบงัน
ในแสงไฟสลัว ชุดแต่งงานสีขาวกลับดูเหมือน “โซ่ล่าม” มากกว่าจะเป็น “ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่ง”
ไม่นาน เสียงเปิดประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงของอัญชันที่รีบเอ่ยขึ้น
“พี่ริสา ไปกันเถอะค่ะ ตอนนี้ทางสะดวก คุณแม่ยังอยู่ที่งาน”
คาริสาหันมาพยักหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวลแต่ก็เด็ดเดี่ยว “อืม… ไปสิ”
เธอคว้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่และของใช้จำเป็น รีบลากออกมาจนถึงหน้าประตูบานใหญ่ของคฤหาสน์ ลมกลางคืนพัดแรงจนผมเธอปลิวตามแรงก้าว
ทันทีที่ออกมา เธอก็เห็นรถคันหรูจอดรออยู่แล้ว
“ทำไมลงมาช้าขนาดนี้ เดี๋ยวแม่ก็กลับมาพอดี!” เสียงคิริวดังขึ้นจากข้างรถด้วยน้ำเสียงกึ่งตำหนิ
คาริสาหอบเบา ๆ “ก็กระเป๋ามันหนักนี่นา… แล้วทำไมเฮียไม่ไปช่วยละ?”
ชายหนุ่มหันขวับมา “พูดมาก!” ก่อนจะตะโกนเรียกเสียงดัง “ไอเดย์! มาช่วยกูขนของขึ้นรถหน่อย!”
เดย์ที่ยืนรออยู่ข้างรถรีบเดินมาช่วยโดยไม่พูดอะไร ใบหน้าเคร่งขรึมแต่สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เฮีย…” คาริสาเอ่ยเสียงเบา “ถ้าแม่รู้เข้า… จะไม่เป็นอะไรเหรอ?”
คิริวหันมามองน้องสาวตรง ๆ แววตาแน่วแน่ “ทำไม… หรือเริ่มใจเสาะแล้ว?”
คาริสาก้มหน้า “ก็เปล่า…” เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
คิริวสูดหายใจลึก ก่อนจะพูดเสียงเรียบแต่ชัดเจน “ไม่ต้องห่วงทางนี้ ทางนี้เฮียจัดการเอง”
เขาหันไปมองเธอตรง ๆ “ริสา… ไปอยู่ในที่ที่ริสาสบายใจเถอะ”
คาริสาเงยหน้ามองพี่ชาย ดวงตาเริ่มคลออีกครั้ง “เฮีย…”
คิริวเดินเข้ามา ยกมือวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ “อย่าร้องตอนนี้เลย เดี๋ยวตาแดงหมด รีบไปก่อนที่แม่จะกลับมา”
เธอกัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ แล้วหันไปมองเดย์ที่เปิดประตูรถรออยู่
เดย์สบตาเธอเงียบ ๆ แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยคำเดียว เชื่อใจฉัน
คาริสาขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังรถ ก่อนที่เดย์จะปิดประตูให้เบา ๆ
หญิงสาวเลื่อนกระจกลงเล็กน้อย เห็นอัญชันรีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“พี่ริสา อยู่บ้านที่ลำปางได้ตามสบายเลยนะคะ” อัญชันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อยากอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ขอให้สวนของอัญชัน… ทำให้พี่ริสาสดใส ร่าเริงอีกครั้ง ทำให้พี่ลืมเรื่องงานแต่งนั่นไปเลยนะคะ”
คาริสายิ้มบาง ๆ “อืม… ขอบใจนะอัญชัน”
ยังไม่ทันที่บรรยากาศจะซึ้งไปกว่านี้ เสียงของคิริวก็ดังขึ้นจากอีกฝั่งอย่างเข้มแต่แฝงความเอ็นดู
“ดูแลตัวเองดี ๆ แล้วก็อย่าไปทำสวนของอัญชันพังละ ที่ยอมให้ไปอยู่ ไม่ได้ให้ไปอยู่ฟรี ๆ ช่วยคนอื่นเขาทำงานด้วยล่ะ”
คาริสาหัวเราะเบา ๆ ทั้งน้ำตาที่คลอ “รู้แล้วน้า เฮีย~”
คิริวไม่ได้ตอบน้องสาว แต่หันไปมองเดย์แทน ดวงตาคมนิ่งแต่หนักแน่น “ขับรถดี ๆ ละมึง… กูฝากน้องกูด้วย”
เดย์พยักหน้าช้า ๆ “อืม”
คาริสาหันขวับมามอง “นี่เฮียให้เฮียเดย์ไปกับริสาด้วยเหรอ?”
คิริวเลิกคิ้ว “ทำไม? หรืออยากให้คนอื่นไปแทน?”
“มะ…ไม่ ๆ!” เธอส่ายหน้าเร็ว “แค่ถามเฉย ๆ”
คิริวยกมุมปากขึ้นนิด ๆ ก่อนจะตบบ่ารถเบา ๆ “ไปได้แล้ว ก่อนที่แม่จะกลับมาเจอ”
คาริสามองพี่ชายกับอัญชันครั้งสุดท้าย ก่อนที่กระจกจะเลื่อนขึ้นช้า ๆ
เดย์หันไปสบตาคิริวอีกครั้ง ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร แต่ต่างคนต่างเข้าใจในความหมายเดียวกัน
เขาจะปกป้องเธอ… เหมือนที่พี่ชายเคยทำเสมอมา