เมื่อถูกมนต์พยัคฆ์ออกปากไล่ กรรวีจึงตัดสินใจเดินออกจากห้อง แต่กลับถูกมนต์สิงหารั้งมือเธอไว้
“ช่วยพี่เสือนะลูกกวาง..แม่ขอร้อง”
“ไม่นะแม่ผมไม่อยากให้ยายเด็กนี่ช่วยผม..โอ๊ย!แม่...ผมปวด”
มนต์พยัคฆ์เอ่ยแทรกขึ้นมา เป็นเหตุให้วาสุกรีทนไม่ได้..ตวาดใส่พี่ชายเสียงดัง...
“หุบปาก! เลยไอ้เเสือ..แกไม่นึกถึงตัวเองก็นึกถึงแม่บ้างนะ..จะตายอยู่รอมร่อยังมาแอ็คอยู่ได้...”
ซึ่งไม่เคยมีใครเห็นอารมณ์นี้ของเขาบ่อยนัก เพราะวาสุกรีค่อนข้างอารมณ์เย็น...แต่คนอารมณ์เย็นนี่แหละ...เวลาร้ายขึ้นมาอาจจะน่ากลัวไม่น้อยไปกว่า คนที่อารมณ์ร้อนแบบพี่ชายไหม
หรือเป็นเพราะชายหนุ่มเห็นสีหน้าของมารดาและรู้ว่าท่านเครียดมากแค่ไหน...วาสุกรีจึงทนไม่ได้
“ก็ดีเหมือนกันนะ...ถ้าพี่เสือตาย..เราจะได้เหลือตัวหารมรดกน้อยหน่อยไง..ว่ามั๊ยพี่จงอาง...”
หนุมานเอ่ยขึ้นมาสมทบด้วยอีกคน...
ไม่ว่าเรื่องคอขาดบาดตายแค่ไหน คนอย่างหนุมานก็สามารถทำให้ตลกไปได้เช่นกัน
“สิ...ตายศพไม่สวยด้วยนะ ผับก็ไม่ได้เที่ยว...หญิงก็ไม่ได้ล่อ..หล้าก็ไม่ได้แดก..ไอ้เสือสิ้นลายเสียแล้วเว้ยเฮ้ย!”
อีกคนรับอีกคนส่ง เข้าขากันดีจริงๆ เลยไอ้พี่น้องคู่นี้...
มนต์สิงห์ส่ายหน้าอย่างรู้สึกอ่อนใจ..นึกไปถึงเมื่อคบกับพ่อของเจ้าพวกนี้ใหม่ๆ ที่ธรากรเคยขอให้เธอมีลูกให้เขาสักโหล...ฮึ...แค่ไอ้สามตัวนี่ ไล่จับกันจนปวดหัวทำเอาเธอเข็ดจนไม่กล้ามีลูก เพราะกลัวจะได้ลูกชายซนๆ มาอีก ดีหน่อยที่ได้กรรวีมาเลี้ยงและถูกอกถูกใจเพราะอยากได้ลูกผู้หญิง แต่กลับกลายเป็นลูกอิจฉา เพราะลูกชายคนโตไม่ยอมญาติดีกับน้องซะอย่างนั้น โวยวายจนต้องจับมาเฆี่ยนแล้วเฆี่ยนอีก...มีลูกนี่ทำไมถึงได้เหนื่อยขนาดนี่เนี่ย...
กรรวีกลั้นขำ...อารมณ์น้อยใจเมื่อกี้เปลี่ยนไป...เพราะคำพูดของพี่ชายทั้งสองคน
“.โอ๊ย!แม่ผมปวด...ผมยอมแล้วก็ได้ครับ...”
มนต์พยัคฆ์โอดครวญ…ก่อนยอมกลืนน้ำลายตัวเองอย่างเสียฟอร์ม เพราะกลัวถูกฮุบสมบัติ หรือกลัวไม่ได้เที่ยวอย่างที่วาสุกรีว่าไว้ หรืออีกอย่างก็น่าจะเห็นแก่มารดาที่มองเขามา ด้วยสายตาห่วงใยนี่แหละ
“ถ้ารักษาฉันไม่หายนะ...ฉันฆ่าเธอแน่ ยายเด็กขยะ!”
ก็นะ...ขนาดใกล้ตาย...ยังพูดให้หญิงสาวเสียใจได้อีก...
ฮึ...ปากแบบนี้...ควรช่วย...หรือควรเสกอัดของเน่าเข้าไปให้อีกดีนะ...
“ต้องพาคุณเสือกลับบ้านค่ะแม่...แต่ถ้าคุณเสือแหกปากร้องขนาดนี้ หมอคงไม่ให้ออกจากโรงพยาบาลแน่”
“ให้พี่ช่วยฟาดปากมันให้ดีไหมล่ะลูกกวาง”
วาสุกรีเสนอตัว..ถึงแม้จะอ่อนกว่า แต่เขาไม่เคยกลัวมนต์พยัคฆ์ และไม่เคยเรียกพี่ด้วย ก็ดูมันทำตัวดิ..น่าเรียกพี่เสียที่ไหนละ
“ดีค่ะพี่งู..หรืออีกที ก็ขอเข็มหมอมาเย็บปากไว้...หนวกหูแบบนี้กวางคงไม่มีสมาธิ” หญิงสาวเอ่ยรับคำวาสุกรีพี่ชายเพราะรู้สึกหมั่นไส้คนป่วยที่ขี้โวยวายเสียมากกว่า
“ไอ้เชี่ย.โอ๊ย!..ไอ้จงอาง..สัด!งูดินโอ๊ย!..ยายเด็กบ้า ขยะ..โอ๊ย! สัด!ไมปวดขนาดนี้วะ ห่าเอ้ย!..”
มนต์พยัคฆ์สบถด่าวาสุกรีและลามมาที่กรรวีอย่างหยาบคาย ด่าไปปวดท้องไปนั่นแหละ ดูแล้วก็ยังไม่หมดฤทธิ์ไปเสียทีเดียวหรอกนั่นน่ะ..
“ลูกกวาง...พาแม่ไปนั่งที่โซฟาที..แม่จะเป็นลม”
“พี่งู พี่ลิง..คุณเสือ..อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะคะ”
กรรวีเอ่ยขอร้องพี่ชาย...ขณะเข้าไปประคองมนต์สิงหา ก่อนที่พวกเขาจะทำให้มารดาป่วยไปด้วยอีกคน
เสียงของผู้ให้กำเนิด และท่าทางยืนเซ ๆ นั่นทำให้ลูกชายทั้งสองเงียบเสียงลง และรีบช่วยกันประคองมารดาพาไปนั่งที่โซฟามุมห้อง ส่วนคนป่วยยังคงนอนบิดตัวงอ ส่งเสียงร้องและด่าออกมาไม่หยุด
หยาบคาย!..ร้ายกาจ!
กรวีเดินไปหยุดอยู่ข้างเตียงอย่างรู้สึกรำคาญ..นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้อยู่ใกล้พี่ชายคนโตที่สุด เธอจึงกลั้นใจเอ่ยกับเขาออกไปว่า
“ถ้าคุณเสือไม่อยากเห็นหน้ากวาง...ก็หลับตาเสียนะคะ”
“.........”
“หลับตาลงสิคะ” เธอย้ำคำพูดเดิมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
เมื่อเห็นว่าอีกคนมองหน้าเธอเหมือนกับเพิ่งเคยเห็นกันอย่างนั้น...
ก็เพิ่งเห็นจริง ๆ นั่นแหละ เพราะเมื่อหญิงสาวอายุสิบสอง เธอเป็นคนขอมารดาของเขาไปอยู่กับยายที่เพชรบุรี เรียนชั้นมัธยมโรงเรียนเดียวันกับมนต์สิงหา ไป ๆ มาระหว่างเพชรบุรีกับกรุงเทพเป็นว่าเล่น ระยะเวลาหกปีที่ไม่ได้เจอกัน นั่นเป็นเพราะมนต์พยัคฆ์ไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก...เพิ่งกลับมาก่อนหน้านี้ยังไม่ทันครบสามปีเลยด้วยซ้ำ หลายปีที่ไม่ได้เจอกัน เปลี่ยนเด็กคนนี้ไปได้มากมายขนาดนี้เชียว
มนต์พยัคฆ์กระพริบตาปริบ...ไม่เคยมีครั้งไหนที่ได้มองหน้าเด็กนี่ใกล้ขนาดนี้เลย...ครั้งสุดท้ายเมื่อเธอจบปอหก ถึงตอนนี้น่าจะใกล้จบมอปลายแล้วละมั้ง...เป็นสาวน้อย...ไม่ใช่เด็กกระโปโลเหมือนแต่ก่อนแล้ว
แพขนตางอนหนา..ล้อมกรอบดวงตากลมโตสีน้ำตาลเป็นประกายระยิบระยับในนั้น...แบบนี้สินะที่เขาเรียกกันว่า สวยเหมือนตากวาง
ใบหน้าและรูปร่าง ที่เขาเห็นแต่ละครั้งมันเปลี่ยนจากเด็กแบเบาะเติบโตจนเป็นสาวแรกรุ่น...ซึ่งเขาเกลียดเด็กคนนี้มาก มากจนไม่อยากจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันมาจนบัดนี้..แต่กลับต้องให้เธอ มาช่วยชีวิตตัวเองนี่นะ...มันแสนจะทุเรศตัวเองเถอะ...
“ถ้าไม่หลับตา ก็อ้าปากสิคะ”
เสียงของหญิงสาวทำให้เขาเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ ทำตามเธออย่างว่าง่าย...
คนที่เหลือมองดูการกระทำของกรรวีด้วยใจเต้นระทึก...และไม่คาดคิดว่าเธอซึ่งมีอายุแค่นี้เองนะ ทำได้ขนาดนี้เชียว
ไม่มีใครเห็นว่ากรรวีหยิบของที่กำลังส่งเข้าปากมนต์พยัคฆ์มาจากที่ไหน แม้กระทั่งคนที่อยู่ใกล้ที่สุด...
....ไม่กล้าแม้จะคายทิ้งด้วยนี่สิ…