ตอนที่ 1 ราเชนทร์ ดิลกก้องเกียรติ
“ขณะนี้ชุดเครื่องเพชรของเราถูกประมูลอยู่ที่ 35 ล้านบาทครับ มีใครจะเสนอราคามากกว่านี้ไหมครับ” เสียงพิธีกรชายบนแท่นประกาศดังขึ้นหลังจากมีผู้คนสนใจเข้าร่วมการประมูลเพชรเก่าแก่กันอย่างล้นหลาม
“เจ็ดสิบล้าน” ชายหนุ่มหน้าตาดียกป้ายเสนอราคาที่มากกว่าเสี่ยใหญ่วัย 50 ปีให้ราคาๆไปเมื่อสักครู่ถูกชายหนุ่มอายุน้อยกว่าชิงตัดหน้าเสนอราคาที่เพิ่มเป็นเท่าตัว แขกเหรื่อต่างหันไปในทิศทางเดียวกันมองชายหนุ่มที่เพิ่งเปล่งเสียงเพิ่มมูลค่าการประมูลเพิ่มโดยแสดงใบหน้าอย่างไม่สะทกสะท้านกับเงินจำนวนมาก หากเปรียบเทียบมูลค่าตอนนี้มันสูงลิ่วเกินราคาตลาดโลกด้วยซ้ำ
"ขณะนี้ราคาอยู่ที่เจ็ดสิบล้าน" พิธีกรประกาศขึ้นอีกครั้ง
โห !!!
"เจ็ดสิบล้านมีใครสู้ไหมครับ” เสียงฮือฮาแตกตื่นกันอย่างหนักเมื่อจู่ๆ ผู้ยกป้ายประมูลมาแบบม้ามืดเสนอราคาไปเท่าตัว โดยผู้ประมูลท่านอื่นเริ่มลังเลกับราคาที่สูงเกินจะสู้ไหว ในขณะที่เสี่ยใหญ่ยอมเสียหน้ากับการถอนตัวหยุดการประมูลเครื่องเพชรชุดนี้เพราะมันยังมีอีกหลายชุดที่ต้องเตรียมสู้ต่อและมีมูลค่ามหาศาลอีกด้วย
“มีใครจะยกไหมครับ”
“….”
“เจ็ดสิบล้านครั้งที่หนึ่ง ,เจ็ดสิบล้านครั้งที่สองและ เจ็ดสิบล้านครั้งที่สาม” กระดิ่งดังขึ้นเป็นอันสิ้นสุดของเครื่องเพชรชุดแรกและตกเป็นของราเชนทร์ ชายหนุ่มอายุ 32 ปี นักธุรกิจผู้ที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร เข้ามาประมูลเครื่องเพชรที่มีแต่เหล่าบรรดาคุณหญิงคุณนายและเหล่าบรรดานักการเมืองตำแหน่งใหญ่โต
ไม่มีใครกล้าสู้เพราะยังมีเครื่องเพชรอีกหลายชุดที่ยังประมูลไม่หมด ทั้งยังชิ้นสำคัญเก่าแก่มาเกือบร้อยปี ซึ่งแน่นอนมันย่อมมีมูลค่าหลายร้อยล้าน
"เอาล่ะครับ นี่คือชุดเครื่องเพชรชุดต่อไปของงาน เพชรเม็ดงามที่ตกทอดมาตั้งแต่คุณผู้หญิงชาวฝรั่งเศส เปิดประมูลอยู่ที่ห้าสิบล้านครับ"
เพชรเม็ดงามต่างมีแต่คนชื่นชมเมื่อมันอยู่ในตู้กระจกใสนำออกมาโชว์โดยมีตำรวจยืนคุ้มกันป้องกันการโจรกรรมอย่างหน่แน่น ภายใต้แสงไฟความงามของอัญมณีชิ้นสำคัญเล่นไฟเป็นอย่างมาก แวววับสะท้อนเข้าสู่ดวงตาเหล่าไฮโซทั้งจริงและปลอมจนจับจ้องเป็นดวงตาเดียวกัน
การประมูลเริ่ม...
"หกสิบล้านค่ะ" เมียรัฐมลตรีกระทรวงกลาโหมยกป้ายเป็นคนแรก ช่วงชิงก่อนใครในราคาที่ทุกคนเอื้อมถึง
"เจ็ดสิบล้าน" เสี่ยชลัมพลยกป้ายสู้ราคา ผู้ซึ่งพลาดกับเครื่องเพชรชุดแรกไปแล้วและหมายจะคว้าชุดนี้มาแทน
"เก้าสิบล้าน" น้ำเสียงทุ้มกล่าวให้ราคาต่อจากเสี่ยชลัมพล ราเชนทร์ยกป้ายและประมูลโดดไปค่อนข้างมาก คนอื่นๆที่เพิ่มครั้งละสิบล้านเริ่มถอยออกเหลือเพียงราเชนทร์และเสี่ยชลัมพลที่ยังประชันยกป้ายสู้
"ร้อยล้าน" คนมีอายุยังฝืนเพื่อเอาชุดเครื่องเพชรแม้จะเริ่มขาสั่นแต่จะมาเสียหน้าแบบนี้ไม่ได้ โดยที่ราเชนทร์ยกป้ายเสนอราคาไปเพิ่มเป็นมูลค่าร้อยห้าสิบล้านด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
"ร้อยห้าสิบล้านครับ มีใครจะสู้อีกไหม" เสียงแตกฮือกันอีกครั้งกับราคาเหนือความคาดหมาย
"...." มีแต่เสียงลมหายใจดังฟืดฟาดจากรูจมูกเสี่ยชลัมพล ราคาฉี่แทบราดแต่ไอ้เด็กนี้มันนั่งกระดิกเท้าแสยะมุมปากหน้าตาเฉย
"เครื่องเพชรชุดที่สองประมูลไปที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านครับ" ราเชนทร์ได้ไปแล้วสองชุดและเหลือชุดสุดท้ายที่ถูกเปิดประมูลด้วยราคาสองร้อยล้าน ถือว่าชุดที่เป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้
"และชิ้นสำคัญที่ตกทอดมาจากราชวงศ์กษัตริย์บรูไน เริ่มประมูลที่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านครับ"
"สามร้อยล้าน" ราเชนทร์ยกป้ายประมูลพร้อมกับยืนขึ้นเพื่อแสดงตัวตน แน่นอนว่าราคาที่ถูกเสนอเป็นเท่าตัวไม่มีใครกล้าสู้
“สามร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง ,สามร้อยล้านครั้งที่สอง และสามร้อยล้านครั้งที่สาม”
พิธีกรถึงขั้นตาเบิกกว้างทั้งยังเสียงสั่นจากความตื่นตั้งแต่เป็นพิธีกรในงานผู้ดีแบบนี้มาหลายปีไม่เคยเห็นใครประมูลราคาราวกับบ้านมีเครื่องผลิตเงินใช้เอง ราเชนทร์คว้าการประมูลเครื่องเพชรไปคนเดียว 3 ชุดรวมมูลค่าความเสียหายทั้งหมดห้าร้อยยี่สิบล้าน กลายเป็นกระแสไปชั่วคราวคืน ไม่กี่สิบนาทีข่าวแวดดวงธุรกิจและไฮโซต่างพาดหัวข่าวถึงหนุ่มหล่ออย่างราเชนทร์ถึงความรวยเกินต้านและไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร
รวยมาก…
"มันเป็นใคร" เสี่ยชลัมพลเอ่ยถามบอดี้การ์ดที่ยืนคุ้มกันรักษาความปลอดภัย แม้ผู้คนจะพลุ่กพล่านก็ยังต้องมีบอดี้การ์ดตามประกบอย่างน้อยหนึ่งคน
"ไม่เคยเห็นครับเสี่ย"
"สืบมาว่ามันเป็นใคร" อยากรู้ว่าไอ้เด็กเกิดเมื่อวานมันเป็นลูกเต้าเหล่าใครรวยมาจากไหน อีกทั้งในแวดวงการประมูลของมีค่าโดยเฉพาะเครื่องเพชรไม่เห็นเคยเห็นไอ้เด็กผู้ชายคนนี้เลยสักครั้ง แต่จู่ๆมาแบบม้ามืดฟาดเรียบทุกชิ้นจนเกิดความสงสัย
งานประมูลสิ้นสุดลงบรรดาแม่หม้ายและลูกสาวคุณหญิงคุณต่างอยากรู้จักนักประมูลอภิมหึมาโคตรระรวยอย่างราเชนทร์ แน่นอนว่าสลับเปลี่ยนกันเข้าทักทายแม้ว่าชายหนุ่มจะตึงใบหน้าว่ารำคาญอยู่มาก
"คุณราเชนทร์ ดิลกก้องเกียรติ" คุณหญิงท่านนึงเอ่ยทักคนอายุอ่อนกว่าทำให้เจ้าของชื่อหยุดชะงักหันกลับมามอง ดูท่าทางคนแก่กว่าก็ดูไม่ธรรมดาถึงขั้นรู้จักชื่อและนามสกุลเขาทั้งที่ยังไม่ทันข้ามคืน
"ครับ?"
"ดิฉันคุณหญิงดวงแข" กล่าวแนะนำตัวให้คนรุ่นลูกรู้จัก
"ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" กล่าวไปตามมารยาทแม้จะไม่อยากเสวนากับสังคมจอมปลอมเช่นนี้ ใครรวยหน่อยก็มีกัลยานิมิตรที่แฝงไปด้วยผลประโยชน์เข้ามา ฉะนั้นราเชนทร์ถึงมีวิถีชีวิตการต่อสู้ดิ้นรนและคบค้ากันเพียงเพราะผลประโยชน์เช่นกัน เพื่อนตายแทบไม่มี มิตรสหายที่จริงใจมันตายไปพร้อมกับการถูกหักหลังมาหนักต่อนัก
"เผื่อมีโอกาสได้ดินเนอร์กัน" ยื่นนามบัตรให้ราเชนทร์ ระบุชื่อชัดเจน ดวงแข อัคเดชอำพัน ประธานสมาคมการกุศลหลายแห่งและมีธุรกิจหลายอย่าง
"...." ราเชนทร์จ้องนามบัตรด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะแสยะยิ้มออกมาพร้อมกับเปรยตามองคนอายุมากกว่า ชายหนุ่มสอดนามบัตรเข้ากระเป๋าเสื้อและหยิบของตัวเองส่งให้ดวงแขเช่นกันเป็นการแลกเปลี่ยน
"ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับ" จากนั้นก็ปลีกตัวเดินออกไปท่ามกลางฝูงชนที่รอคุยทักทาย ทว่าราเชนทร์ก็เดินล้วงกระเป๋ากางเกงฝ่าวงล้อมโดยมีบอดี้การ์ดรักษาความปลอดภัยตามประกบ 3 คน
ลานจอดรถวีไอพี
"เฮียจะกลับบ้านเลยไหมครับ" ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาเอ่ยถามผู้เป็นนายหลังจากเสร็จธุระการร่วมประมูลและรับเครื่องเพชรกลับบ้านไปอย่างปลอดภัย
"ยัง กูอยากพัก" หมายถึงการไปเลานจ์ให้เด็กสาวๆสวยๆช่วยปรนเปรอให้ผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็นการปรนนิบัตินั่งเป็นเพื่อนเอาอกเอาใจถ้าถูกชะตาราเชนทร์ก็คือหิ้วไปนอนด้วย
ไม่แปลกในเมื่อราเชนทร์คือคนโสดแม้จะมีอดีตไม่ขาวสะอาดและไม่สวยหรู นอกจากไอ้ตุลย์บอดี้การ์ดมือขวาก็ยังมีไอ้ปืนเป็นบอดี้การ์ดมือซ้ายที่คอยตามอารักขา ทว่าวันนี้ไอ้ปืนถูกเจ้านายอย่างราเชนทร์ใช้ไปทำธุระอย่างอื่นแต่ยังมีลูกน้องคนอื่นตามประกบอีก 3 คน หมายความว่าราเชนทร์มีผู้ติดตามทั้งหมด 4 คน
รถยุโรปหรูคันแรกสีดำขับออกไปก่อนเป็นลูกน้องสองคนตามด้วยรถคันหลังซึ่งสีเดียวกันแต่คนละแบรนด์ มีราเชนทร์นั่งด้านหลังและตุลย์นั่งเบาะซ้ายฝั่งด้านหน้าและให้ลูกน้องอีกคนเป็นคนขับ
ที่เดิมคือแองเจอร์เลานจ์ สถานบันเทิงครบวงจรของคุณผู้ชายที่มักแวะเวียนมาคลายเหงามาผ่อนคลายและราเชนทร์คือหนึ่งในลูกค้าที่มาใช้บริการประจำเกือบ 6 เดือนและเขาก็มาต่อเนื่องจนกลายเป็นแขกประจำและสำคัญสำหรับที่แห่งนี้
"แล้วชุดเครื่องเพชรล่ะเฮีย"
“ไอ้ปืนมาถึงหรือยัง”
“มาแล้วครับ”
"มึงให้มันเอาไปเข้าเซฟ สั่งไอ้สองคนกลับไปได้เลย" เขาสั่งตุลย์ให้จัดการเครื่องเพชร
"จะให้พวกมันกลับเลยเหรอเฮีย”
"เออ"
"ผมว่ามันไม่ปลอดภัย" ตุลย์เป็นห่วงราเชนทร์หากจะสั่งลูกน้องกลับกันหมดโดยไม่มีใครอยู่คุ้มกันเกรงเจ้านายจะเกิดอันตราย
"มึงก็อยู่"
"ผมกลัวว่า.."
"กูเชื่อใจมึง" น้ำเสียงจริงจัง ราเชนทร์ไว้ใจสมุทรมือขวาอย่างตุลย์มากเพราะทำงานรับใช้เขามานาน อีกทั้งพ่อของตุลย์ก็เป็นมือขวาของพ่อราเชนทร์มาก่อน ตุลย์คลุกคลีอยู่วงการนี้มาตั้งแต่เด็กย่อมรู้ดีว่ามีเหตุการณ์อันตรายเขาต้องจัดการยังไง ราเชนทร์ลงจากรถมีพนักงานของเลานจ์ออกมาต้อนรับราวจะปูพรมแดงให้เดิน เขาเคยมาใช้บริการที่นี่ก็หลายครั้งใครๆก็รู้ว่าคือราเชนทร์นักธุรกิจที่รวยเป็นพันๆล้านและต้องดูแลลูกคนนี้ให้ดี
"ว๊าย มาแล้ว" เจ้อนงค์คนสวย(สาวสอง) ผู้จัดการเลานจ์ตื่นเต้นอย่างหนักเมื่อเห็นราเชนทร์ก้าวเท้าเข้ามา รีบออกไปต้อนรับยกมือไหว้และเชิญเข้ามาด้านใน
"ไม่บอกว่าจะมา"
"....." ราเชนทร์ไม่ตอบเดินหน้านิ่งเข้าห้อง VIP โดยไม่ต้องรอใครเชิญหรือนำไป ร่างสูง 188 เซนติเมตรหย่อนกายลงนั่งโซฟาหนังสีดำขลิบท่ามกลางไฟหลี่สลัวๆตกแต่งสไตล์ห้อง VIP ของเลานจ์
เครื่องดื่มทยอยเสิร์ฟโดยไม่ต้องสั่ง ราเชนทร์นั่งทอดสายตาออกไปทางกระจกสามารถเห็นด้านนอกได้เป็นอย่างดี แต่ด้านนอกจะไม่สามารถมองเห็นคนด้านในได้ถือเป็นข้อดีของที่ดีและราเชนทร์ชอบมาใช้ห้องน้ำประจำ
"เฮียเชนทร์สนใจน้องๆคนไหนเป็นพิเศษไหม" เจ้อนงค์เอ่ยขึ้นแม้จะแปลงเพศและทำศัลยกรรมมาแล้วอย่างดี ทว่าน้ำเสียงกับลูกกระเดือกเป็นอะไรที่ยังบ่งบอกได้ชัดเจนว่าเป็นเพศที่สาม
"มีแค่นี้เหรอ"
"นงค์ไม่รู้ว่าเฮียจะมา"
"เอาคนนั้น" ชี้ไปยังตัวท็อปของร้าน ทว่าเด็กสาวกลับนั่งอยู่ลูกค้าท่านอื่น ไม่ง่ายเลยที่อนงค์จะไปลากเด็กสาวคนนั้นเข้ามาให้ราเชนทร์ ผู้ที่อยากได้ต้องได้
"เฮียจ๋า คนอื่นก็มีสวยขาวแล้วก็อึ๋ม"
"กูจะเอาคนนี้" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยอย่างเยือกเย็นชวนคนฟังขนหัวลุกทั้งแววตาแฝงไปด้วยความน่ากลัว หากไม่ได้ดั่งใจมีหวังราเชนทร์อาระวาดแน่