📚 ♥︎₊˚⟢⊹
🔆 เช้าวันพฤหัส
ลมเย็นพัดมาเบา ๆ 🌿 สนามหญ้าหน้าคณะยังชื้นจากฝนเมื่อคืน ฟ้าสีเทาใส ๆ คลุมทั้งเมือง
สายธารมาถึงห้องสมุดก่อนเหมือนเดิม เธอวางโน้ตบุ๊กกับโพสต์อิทสีเหลือง ไล่เช็กรายงานเล่มสุดท้าย ร่างกายเธอทำงานอัตโนมัติ แต่ในใจเธอยังไม่ค่อยนิ่งภาพรอยยิ้มของวายุเมื่อวานยังวนในหัว
“อือ…” เธอพึมพำกับตัวเอง แล้วสะดุ้งเมื่อมินตรามานั่งตรงข้ามแบบไม่ได้ให้ซุ้มให้เสียง
“ก๊อก ๆ หัวใจแกยังอยู่ตรงนี้ไหมน่า 😏 ช่วงนี้เดินยิ้มคนเดียวบ่อย ๆ นะคุณสายธาร”
สายธารหัวเราะแห้ง ๆ “เพ้ออะไรของเธอ ฉันก็ยิ้มเป็นปกติแบบนี้อยู่แล้ว”
“ปกติของแกคือยิ้มตอนเจอแมวหน้าร้าน หรืออ่านกลอนจบบทแบบสวย ๆ” มินตรากะพริบตาปริบ ๆ
“แต่พักนี้เนี้ยน่ายิ้มตอนเห็นโพสต์อิท ‘เช็กกราฟ’ กับตอนมือถือเด้งคำว่า “รับทราบครับ คุณหัวหน้า” ว่างั้นสิ … ไหนว่ามาซิ เหลาเลยคร๊าาาา”
สายธารกลอกตาไปมา “แม๋อยากรู้เรื่องของเพื่อนจนตัวสั้นกันจังเลยนะคร๊าาาา” แต่แก้มกลับมีสีแดงอมชมพู และยิ้นจนแก้มจะปริ
มินตรายิ้มเจ้าเล่ห์ “อ้าว ! ก็เพื่อนสนิทนะจะไม่ให้รู้เรื่องของเพื่อนตัวเองได้งั้ยละจ้าาาา ไม่งั้นจะเรียกว่าเพื่อนสนิทได้ไงล่ะ คุณธารคร้าาาาา”
สายธารถอนใจ “เฮ้ออออ เล่าก็ได้เห็นว่าเป็นเธอนะเนี้ยเพื่อนรักของฉัน ก็ช่วงนี้อะการทำงานมันราบลื่นไง ก็เลยยิ้มและแอบดีใจ”
“ฮึ ! งานราบลื่น ?…หรือใจชื่น? โอ๊ะใจลื่น 😉”
สารธารยังไม่ทันจะอ้าปากเถียงเพื่อน เสียงรองเท้าผ้าใบก็ดังขึ้น วายุมาเดินมาวางขวดน้ำตรงหน้าเธอ “เช้านี้ให้สองขวดนะ เผื่อเธอลืมกินน้ำมา”
“ขอบใจนะ” สายธารรับมา “งั้นเช้านี้เราปิดบทสรุปรายงานเลยนะ”
“รับทราบครับ” เขาดึงเก้าอี้นั่งออกมานั่ง เว้นระยะห่างพอดีตามเคย “มะเราเริ่มได้เลยถ้าเธอพร้อม”
มินตรานั่งมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนทำท่าหยิบมือถือขึ้นมาเหมือนพิมพ์โน้ตไว้
𖤘 เขาวางน้ำตรงมือเธอทุกครั้ง
𖤘 เธอพูดคำสั้น ๆ แต่เขาเข้าใจ
𖤘 พยักหน้าให้กันถี่เกินเหตุ
มินตราพิมพ์ลงในโน๊ตเสร็จแล้วก็เก็บมือถือ ลุกขึ้น “งั้นเดี๋ยวฉันไปนั่งโซนด้านนู้น ก่อนนะ ไม่กวนคนเขาทำงานกลุ่มแล้วนะ” ก่อนเดินออกไป มินตราหันมาส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ย์แปลว่า ฉันเห็นนะ ฉันแอบมองเธออยู่นะจ้าา 🌸
ครึ่งเช้า งานไหลลื่น วายุเกลากราฟเนียน สายธารหั่นคำจัดเรียงคำในเอกสารรายงานจนอ่านง่าย ภาคินโผล่มาแซวสองสามทีแล้วก็หายไป
พอเที่ยง สายธารปิดโน้ตบุ๊ก “เที่ยงละ ฉันหิวละ พักครึ่งชั่วโมงละกันนะ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก่อนนะ นายเอาอะไรไหม”
“ได้ เอาอะไรก็ได้ที่ไม่หวาน” วายุตอบ
“โอเค” เธอหันไปทางมินตราที่นั่งไกล ๆ “ไปด้วยกันไหมแกร่”
“ไปสิ” มินตราลุกทันที “จะได้คุยกันด้วย”
คำว่า “คุยกันด้วย” ทำให้หัวใจสายธารเต้นแรงขึ้นนิด พอเดินออกจากห้อง แดดอุ่นตกกระทบเข้าหน้า มินตรายกมือบังตาแล้วพูดตรง ๆ
“เริ่มเลยนะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน แกชอบเขาไหม”
สายธารชะงัก “หืม…? แกร่ถามอะไรของแกร่”
“อย่าทำเป็นไม่เข้าใจ ชอบไหม ? หรืออย่างน้อย…เวลาอยู่ใกล้เขา หัวใจแกเป็นยังไง รู้สึกยังงัย”
สายธารเงียบไปหลายวินาที ก่อนพูดเบา ๆ “ใจมันสั่นนิด ๆ แปลก ๆ …มันเต้นจังหวะไม่เหมือนเดิม”
“ไม่เหมือนยังไง” มินตราเบาเสียงลง
“เมื่อก่อนฉันเจอเขาแล้วจะมีกำแพงอัตโนมัติ” สายธารยิ้มจาง ๆ “ตอนนี้กำแพงมันยังมี แต่มันลดต่ำลง แล้วมันไม่ใช่เพราะเขาที่ฝืน…แต่เพราะเขาค่อย ๆ ยืนให้พอดี ๆ กับกำแพงของฉัน”
มินตราพยักหน้า “ฉันก็เห็นนะ เขาไม่ได้กร่างเหมือนเมื่อก่อนที่ได้ยินข่าวมา เขารู้จักถอยด้วยซ้ำ” เธอหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดอย่างจริงจัง “แต่อย่างไรก็เถอะ ระวังใจตัวเองไว้ด้วยนะธาร”
สายธารขมวดคิ้ว “ทำไมเธอพูดแบบนี้”
“เพราะแกใจดี ใจอ่อนต่อคนแบบนี้ง่ายเกินไป” มินตราพูดตรง “แกให้พื้นที่ว่างไว้วางใจกับทุกคน แก่อะค่อย ๆ รดน้ำจนเขาโต แต่กับคนแบบวายุ เขามีพายุในตัวจริงเองอยู่แล้ว 🌪️ ต่อให้ตอนนี้มันจะสงบอยู่ก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นพายุอยู่ดี มันจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุตอนไหนเรายังไม่รู้เลย”
เธอถอนหายใจเบา ๆ “ฉันไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ ฉันเห็นว่าเขาพยายาม กลัวว่าสักวันความพยายามนั้นมันจะชนะใจแกร่เข้าสักวันคอยดู”
สายธารนิ่งไป เธอรู้ว่าเพื่อนพูดเพราะห่วง ไม่ใช่เพราะเกลียดวายุ “ฉันรู้” เธอกลืนคำ “ฉันเห็นตอนเขาทะเลาะกับพ่อ…โลกเขาหนักจริง ๆ”
“ก็เลยอยากย้ำ ให้แกระวังใจตัวเอง” มินตราแตะไหล่เพื่อนเบา ๆ “ถ้าจะไป ก็ไปแบบรู้ตัว ไม่ใช่ปล่อยไหลไปเฉย ๆ พอรู้ตัว ถึงเจ็บก็ยังประคองได้”
สายธารยิ้มบาง ๆ “พูดเหมือนพี่สาวเลยนะ”
“ก็เพราะรักแกไง 🤍” มินตรายักคิ้ว “แล้ว…ตอนนี้แกคิดยังไงกันแน่”
สายธารเงียบ ก่อนพูดตรง ๆ “ยังไม่กล้าตอบว่าชอบ แต่ไม่อยากให้โปรเจกต์จบแล้วต้องแยกกันเหมือนไม่รู้จัก”
มินตราพยักหน้า “โอเค ซื่อตรงแล้วล่ะ งั้นคิดต่อเลย ถ้ามันเป็น ‘มากกว่างาน’ แกอยากให้มันเป็นแบบไหน”
สายธารคิดนาน “อยากให้เรียบ ๆ เงียบ ๆ ไม่เหมือนข่าวลือที่หวือหวาแล้วพัง อยากให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องพิมพ์ยาว ๆ แต่มั่นคง”
“แบบเราใช่ปะ 😊” มินตรายิ้ม “งั้นจำไว้นะ ถ้าเขาเดินพอดี แกเดินด้วยได้ แต่ถ้าเขาเริ่มวิ่ง…แกต้องหยุด อย่าตาม”
“อืม” สายธารรับสั้น ๆ แต่ชัดเจน
ทั้งคู่ถึงโรงอาหาร สั่งข้าวแล้วนั่งมุมหน้าต่าง “แล้วกฤตย์ล่ะ” มินตราถามต่อ “ฉันเห็นเขามองแกบ่อยนะ”
สายธารถอนหายใจ “เขาดูสุภาพ เนี้ยบ พูดดี แต่เวลามองฉัน เหมือนมองเป็นภาพประกอบมากกว่าคนจริง”
“แปลว่าจบ ✔️” มินตราสรุป “ไม่ใช่สายแกแน่ ๆ”
“ใช่ ฉันไม่ใช่กรอบรูปให้ใครแขวนในห้องรับแขกหรอก” สายธารหัวเราะ
กินเสร็จ ทั้งคู่หิ้วน้ำกลับขึ้นห้องสมุด มินตราพูดเตือน “อย่าคิดเยอะจนเขียนไม่ได้ล่ะ”
สายธารยิ้ม “โอเค ฉันจะพยายามไม่คิดตอนทำงาน คิดตอนกลางคืนแทนก็ได้”
“นั่นแหละตัวปัญหา 😅” มินตรากุมขมับ
ช่วงบ่ายกลับเข้ามาทำงาน วายุก้มแก้กราฟ สายธารพิมพ์บทสรุป “บทเรียนที่ได้” เธอพูดเบา ๆ ไปด้วย “เราเห็นว่า ‘การซ้ำที่ไม่เจ็บ’ ทำได้จริง เมื่อทีมยอมรับกันเป็นคนจริง ไม่ใช่ภาพในหัว”
วายุพยักหน้า “เซฟเลย” แล้วเว้นไปนิด ก่อนถาม “เมื่อกี้ไปคุยอะไรกับมินตรา หน้าตาเธอดูเหมือนคิดอะไรอยู่”
สายธารชะงักเสี้ยววิ แต่เลือกพูดตรง “เขาบอกให้ฉัน…ระวังใจตัวเอง”
วายุเงียบ ฟังเต็ม ๆ “แล้วเธอว่าไง”
“ฉันบอกว่า…ยังไม่กล้าตอบว่าชอบหรือไม่ แต่ไม่อยากให้โปรเจกต์จบแล้วเราแยกกันเหมือนไม่รู้จัก”
วายุถอนหายใจเบามาก แต่พยักหน้าแรง “โอเค งั้นฉันจะเดินพอดี ๆ ถ้าเมื่อไหร่เธอไม่โอเค บอกได้เลย ฉันจะถอย ไม่อยากให้เธอต้อง ‘ระวัง’ คนเดียว”
คำพูดเรียบ ๆ แต่นิ่มพอให้หัวใจสายธารอุ่นขึ้น เธอเผลอยิ้มมุมปาก “ขอบใจนะ”
มินตราที่นั่งมุมหลัง แอบมองแล้วยกโทรศัพท์พิมพ์หาเพื่อน
Min: โอเค ผ่านด่านแรกแล้ว
Saitharn: อะไรของเธอ
Min: คือเขาฟัง ไม่แก้ตัว แต่ถ้าเมื่อไหร่เริ่มหลงตัวเอง จะเรียกฉัน
Saitharn: รับทราบ หัวหน้า 🙃
🌒 เย็นวันนั้น
ฟ้าสว่างฝนไม่ตกแล้ว แสงส้มทองแต่งเมือง 🌇 สายธารชวนมินตรามาช่วยจัดชั้นหนังสือ เมนูชามะลิน้ำผึ้งขายดีเกินคาด แม่ยิ้มไม่หยุด “เพื่อนหนูแวะมา ฝากสวัสดีด้วยนะลูก” ไม่ต้องบอกชื่อก็รู้ว่าใคร สายธารพยักหน้า “ค่ะ” แล้วเผลอยิ้ม
มินตราช่วยติดป้าย “แนะนำประจำสัปดาห์” ก่อนลากเพื่อนเข้ามุมสารภาพกลางร้าน “เอาจริง ๆ ฉันไม่ได้แอนตี้เขานะ แต่มี 3 กติกา”
“ว่ามา” สายธารยอมฟัง
“หนึ่ง … ถ้าไม่ปลอดภัย ไม่ว่าข่าวหรือครอบครัวเขา ให้ถอยก่อน”
“สอง … อย่าหยุดเป็นตัวเอง อย่าทิ้งการอ่าน การเขียน หรือร้านของบ้าน เพื่อเขาหมดทุกอย่าง”
“สาม … ถ้าเขาเริ่มวิ่งเร็ว แกต้องหยุดเดินแล้วถามให้ชัด ว่าวิ่งไปไหน เพื่ออะไร”
สายธารหัวเราะ “นี่มันคู่มือความรักฉบับมินตราเลยนะ”
“ก็ใช่ไง 😏” มินตรากอดอก “ฉบับป้องกันเพื่อนฉัน”
“โอเค เซ็นรับแล้ว” สายธารยกมือยอม “แต่มีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าฉันเผลอยิ้มบ่อยกว่าวันละสามครั้ง ห้ามแซวต่อหน้าคนอื่น”
“ดีล 👍 แต่ในแชตไม่เว้นนะ”
“เออ ได้”
บรรยากาศร้านอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าประจำมาเปลี่ยนหนังสือ พ่อคุยเรื่องไม้กับภาคินที่แวะเอาสติกเกอร์กล้วย 🍌 มาแปะแล้วหายไป
📱ข้อความสั้น ๆ เด้งมาในมือถือ
Vayu: วันนี้ไม่ผ่านร้านนะ งานกลึงดึก
Saitharn: โอเค ทำงานเถอะ
Vayu: พักน้ำด้วย
Saitharn: รับทราบ หัวหน้า
มินตราเหลือบเห็นหน้าจอแล้วทำหน้า “อหหหหหหห 😳” ยาว ๆ “แค่ พักน้ำด้วย ก็ทำหน้าใจฟูทั้งร้านเลยเหรอคะคุณ”
“เงียบไปเลยเธอ” สายธารตีแขนเพื่อน แต่ก็ยอมรับในใจว่าใช่…ฟูจริง ๆ
คืนนั้นหลังปิดร้าน 🌙
สายธารขึ้นห้อง เปิดโคมไฟสีอุ่น หยิบปากกาเตรียมเขียนบันทึก เสียงมินตรายังวนในหัว “ระวังใจตัวเองนะ”
เธอทบทวนภาพหลายสัปดาห์ คืนลานจอดรถ ห้องสมุดที่ดุเขาครั้งแรก บันไดเหล็กหลังตึก ผ้าเช็ดหน้าที่เคยยื่น รอยยิ้มจริง ๆ ครั้งแรก และคำพูดที่ว่า “สิ่งที่เกิดกับเรา…สำหรับฉัน มันไม่ใช่ชั่วคราว” หัวใจเต้นแรงขึ้น
✍️ เธอเขียนช้า ๆ
💗 “วันนี้ มินตราบอกให้ระวังใจ ฉันพยายามมองตรง ๆ ยังไม่กล้าพูดว่าชอบแต่ไม่อยากให้ทุกอย่างจบแค่โปรเจกต์ อยากให้จังหวะนี้ยังอยู่ แบบไม่ต้องตั้งชื่อ แบบที่เงียบ แต่ไม่หาย” ✍️
เขียนเสร็จ เธอยิ้มบาง ๆ หยิบหนังสือ “บทสนทนาในความเงียบ” มาเปิด เจอประโยค “การเงียบสองคน ไม่เหมือนการเงียบคนเดียว”
เธอปิดหนังสือ กลับไปที่เตียง ห่มผ้า หลับตา ปล่อยให้เสียงพัดลมกล่อม แต่ในหัวมีแค่คำถามที่ยังค้าง—นี่ใช่แค่โปรเจกต์…หรือมากกว่านั้น
ภาพรอยยิ้มของวายุย้อนมาชัดเหมือนอยู่ข้างหมอน หัวใจเธอเต้นคงที่ขึ้นทีละนิด ก่อนจะบอกกับตัวเองเบา ๆ
คืนนี้ยอมรับว่ามันมากกว่า “งาน” แล้ว
แต่จะเป็นอะไรต่อไป…ค่อย ๆ เดินไปพร้อมกัน 🌌
อีกฟากของเมือง 🌃
วายุกลับห้องดึกกว่าปกติ เขาเปิดข้อความของเธอ [โอเค ทำงานเถอะ] อ่านซ้ำไปมาโดยไม่รู้ทำไม ก่อนวางโทรศัพท์ข้างผ้าเช็ดหน้าที่พับเรียบร้อย เขาไม่รู้ว่ามินตราพูดอะไรกับสายธาร แต่รู้แน่ ๆ ว่า คืนนี้เขาจะไม่เร่ง ไม่วิ่ง แค่พัก แล้วพรุ่งนี้…จะเดินไปพอดี ๆ ตามที่สัญญา
เมืองค่อย ๆ เงียบลง 💤 ฝั่งสายธารยังนอนลืมตาในความมืด ใจเธอไม่ใช่หินที่แข็ง แต่ก็ไม่ใช่กระดาษที่เบาเกินไป มันมีทั้งหนัก ทั้งเบาในเวลาเดียวกัน เธอปล่อยให้เป็นแบบนั้น แล้วค่อย ๆ หลับไปพร้อมคำถามที่ยังค้าง
นี่เป็นแค่โปรเจกต์ ที่ทำให้คนสองคนเข้าใจกันมากขึ้น?
หรือจริง ๆ แล้วมันคือจุดเริ่มต้นของบางอย่าง ที่ต้องใช้ทั้งหัวใจและสติไปพร้อมกัน?
คืนนี้…เธอยังตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่แน่ ๆ คือ เธออยากหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด้วยเสียงของใคร
และนั่นก็พอแล้ว …เธอพร้อมจะ “ระวังใจตัวเอง” 💙
พร้อมกับ “พร้อมเปิดใจ” ในจังหวะที่ใช่ 🫠
⟡ ⑅◡̈ ⁺₊⋆♡ °₊·ˈ∗ *.❅•꒰ ⁺⋆ ꔛ﹆