📚 เพื่อนสนิทเตือน ♥︎₊˚⟢⊹

2120 Words
📚 ♥︎₊˚⟢⊹ 🔆 เช้าวันพฤหัส ลมเย็นพัดมาเบา ๆ 🌿 สนามหญ้าหน้าคณะยังชื้นจากฝนเมื่อคืน ฟ้าสีเทาใส ๆ คลุมทั้งเมือง สายธารมาถึงห้องสมุดก่อนเหมือนเดิม เธอวางโน้ตบุ๊กกับโพสต์อิทสีเหลือง ไล่เช็กรายงานเล่มสุดท้าย ร่างกายเธอทำงานอัตโนมัติ แต่ในใจเธอยังไม่ค่อยนิ่งภาพรอยยิ้มของวายุเมื่อวานยังวนในหัว “อือ…” เธอพึมพำกับตัวเอง แล้วสะดุ้งเมื่อมินตรามานั่งตรงข้ามแบบไม่ได้ให้ซุ้มให้เสียง “ก๊อก ๆ หัวใจแกยังอยู่ตรงนี้ไหมน่า 😏 ช่วงนี้เดินยิ้มคนเดียวบ่อย ๆ นะคุณสายธาร” สายธารหัวเราะแห้ง ๆ “เพ้ออะไรของเธอ ฉันก็ยิ้มเป็นปกติแบบนี้อยู่แล้ว” “ปกติของแกคือยิ้มตอนเจอแมวหน้าร้าน หรืออ่านกลอนจบบทแบบสวย ๆ” มินตรากะพริบตาปริบ ๆ “แต่พักนี้เนี้ยน่ายิ้มตอนเห็นโพสต์อิท ‘เช็กกราฟ’ กับตอนมือถือเด้งคำว่า “รับทราบครับ คุณหัวหน้า” ว่างั้นสิ … ไหนว่ามาซิ เหลาเลยคร๊าาาา” สายธารกลอกตาไปมา “แม๋อยากรู้เรื่องของเพื่อนจนตัวสั้นกันจังเลยนะคร๊าาาา” แต่แก้มกลับมีสีแดงอมชมพู และยิ้นจนแก้มจะปริ มินตรายิ้มเจ้าเล่ห์ “อ้าว ! ก็เพื่อนสนิทนะจะไม่ให้รู้เรื่องของเพื่อนตัวเองได้งั้ยละจ้าาาา ไม่งั้นจะเรียกว่าเพื่อนสนิทได้ไงล่ะ คุณธารคร้าาาาา” สายธารถอนใจ “เฮ้ออออ เล่าก็ได้เห็นว่าเป็นเธอนะเนี้ยเพื่อนรักของฉัน ก็ช่วงนี้อะการทำงานมันราบลื่นไง ก็เลยยิ้มและแอบดีใจ” “ฮึ ! งานราบลื่น ?…หรือใจชื่น? โอ๊ะใจลื่น 😉” สารธารยังไม่ทันจะอ้าปากเถียงเพื่อน เสียงรองเท้าผ้าใบก็ดังขึ้น วายุมาเดินมาวางขวดน้ำตรงหน้าเธอ “เช้านี้ให้สองขวดนะ เผื่อเธอลืมกินน้ำมา” “ขอบใจนะ” สายธารรับมา “งั้นเช้านี้เราปิดบทสรุปรายงานเลยนะ” “รับทราบครับ” เขาดึงเก้าอี้นั่งออกมานั่ง เว้นระยะห่างพอดีตามเคย “มะเราเริ่มได้เลยถ้าเธอพร้อม” มินตรานั่งมองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ก่อนทำท่าหยิบมือถือขึ้นมาเหมือนพิมพ์โน้ตไว้ 𖤘 เขาวางน้ำตรงมือเธอทุกครั้ง 𖤘 เธอพูดคำสั้น ๆ แต่เขาเข้าใจ 𖤘 พยักหน้าให้กันถี่เกินเหตุ มินตราพิมพ์ลงในโน๊ตเสร็จแล้วก็เก็บมือถือ ลุกขึ้น “งั้นเดี๋ยวฉันไปนั่งโซนด้านนู้น ก่อนนะ ไม่กวนคนเขาทำงานกลุ่มแล้วนะ” ก่อนเดินออกไป มินตราหันมาส่งยิ้มแบบเจ้าเล่ย์แปลว่า ฉันเห็นนะ ฉันแอบมองเธออยู่นะจ้าา 🌸 ครึ่งเช้า งานไหลลื่น วายุเกลากราฟเนียน สายธารหั่นคำจัดเรียงคำในเอกสารรายงานจนอ่านง่าย ภาคินโผล่มาแซวสองสามทีแล้วก็หายไป พอเที่ยง สายธารปิดโน้ตบุ๊ก “เที่ยงละ ฉันหิวละ พักครึ่งชั่วโมงละกันนะ เดี๋ยวฉันไปหาอะไรกินที่โรงอาหารก่อนนะ นายเอาอะไรไหม” “ได้ เอาอะไรก็ได้ที่ไม่หวาน” วายุตอบ “โอเค” เธอหันไปทางมินตราที่นั่งไกล ๆ “ไปด้วยกันไหมแกร่” “ไปสิ” มินตราลุกทันที “จะได้คุยกันด้วย” คำว่า “คุยกันด้วย” ทำให้หัวใจสายธารเต้นแรงขึ้นนิด พอเดินออกจากห้อง แดดอุ่นตกกระทบเข้าหน้า มินตรายกมือบังตาแล้วพูดตรง ๆ “เริ่มเลยนะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน แกชอบเขาไหม” สายธารชะงัก “หืม…? แกร่ถามอะไรของแกร่” “อย่าทำเป็นไม่เข้าใจ ชอบไหม ? หรืออย่างน้อย…เวลาอยู่ใกล้เขา หัวใจแกเป็นยังไง รู้สึกยังงัย” สายธารเงียบไปหลายวินาที ก่อนพูดเบา ๆ “ใจมันสั่นนิด ๆ แปลก ๆ …มันเต้นจังหวะไม่เหมือนเดิม” “ไม่เหมือนยังไง” มินตราเบาเสียงลง “เมื่อก่อนฉันเจอเขาแล้วจะมีกำแพงอัตโนมัติ” สายธารยิ้มจาง ๆ “ตอนนี้กำแพงมันยังมี แต่มันลดต่ำลง แล้วมันไม่ใช่เพราะเขาที่ฝืน…แต่เพราะเขาค่อย ๆ ยืนให้พอดี ๆ กับกำแพงของฉัน” มินตราพยักหน้า “ฉันก็เห็นนะ เขาไม่ได้กร่างเหมือนเมื่อก่อนที่ได้ยินข่าวมา เขารู้จักถอยด้วยซ้ำ” เธอหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดอย่างจริงจัง “แต่อย่างไรก็เถอะ ระวังใจตัวเองไว้ด้วยนะธาร” สายธารขมวดคิ้ว “ทำไมเธอพูดแบบนี้” “เพราะแกใจดี ใจอ่อนต่อคนแบบนี้ง่ายเกินไป” มินตราพูดตรง “แกให้พื้นที่ว่างไว้วางใจกับทุกคน แก่อะค่อย ๆ รดน้ำจนเขาโต แต่กับคนแบบวายุ เขามีพายุในตัวจริงเองอยู่แล้ว 🌪️ ต่อให้ตอนนี้มันจะสงบอยู่ก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นพายุอยู่ดี มันจะก่อตัวขึ้นเป็นพายุตอนไหนเรายังไม่รู้เลย” เธอถอนหายใจเบา ๆ “ฉันไม่ได้ว่าเขาไม่ดีนะ ฉันเห็นว่าเขาพยายาม กลัวว่าสักวันความพยายามนั้นมันจะชนะใจแกร่เข้าสักวันคอยดู” สายธารนิ่งไป เธอรู้ว่าเพื่อนพูดเพราะห่วง ไม่ใช่เพราะเกลียดวายุ “ฉันรู้” เธอกลืนคำ “ฉันเห็นตอนเขาทะเลาะกับพ่อ…โลกเขาหนักจริง ๆ” “ก็เลยอยากย้ำ ให้แกระวังใจตัวเอง” มินตราแตะไหล่เพื่อนเบา ๆ “ถ้าจะไป ก็ไปแบบรู้ตัว ไม่ใช่ปล่อยไหลไปเฉย ๆ พอรู้ตัว ถึงเจ็บก็ยังประคองได้” สายธารยิ้มบาง ๆ “พูดเหมือนพี่สาวเลยนะ” “ก็เพราะรักแกไง 🤍” มินตรายักคิ้ว “แล้ว…ตอนนี้แกคิดยังไงกันแน่” สายธารเงียบ ก่อนพูดตรง ๆ “ยังไม่กล้าตอบว่าชอบ แต่ไม่อยากให้โปรเจกต์จบแล้วต้องแยกกันเหมือนไม่รู้จัก” มินตราพยักหน้า “โอเค ซื่อตรงแล้วล่ะ งั้นคิดต่อเลย ถ้ามันเป็น ‘มากกว่างาน’ แกอยากให้มันเป็นแบบไหน” สายธารคิดนาน “อยากให้เรียบ ๆ เงียบ ๆ ไม่เหมือนข่าวลือที่หวือหวาแล้วพัง อยากให้สม่ำเสมอ ไม่ต้องพิมพ์ยาว ๆ แต่มั่นคง” “แบบเราใช่ปะ 😊” มินตรายิ้ม “งั้นจำไว้นะ ถ้าเขาเดินพอดี แกเดินด้วยได้ แต่ถ้าเขาเริ่มวิ่ง…แกต้องหยุด อย่าตาม” “อืม” สายธารรับสั้น ๆ แต่ชัดเจน ทั้งคู่ถึงโรงอาหาร สั่งข้าวแล้วนั่งมุมหน้าต่าง “แล้วกฤตย์ล่ะ” มินตราถามต่อ “ฉันเห็นเขามองแกบ่อยนะ” สายธารถอนหายใจ “เขาดูสุภาพ เนี้ยบ พูดดี แต่เวลามองฉัน เหมือนมองเป็นภาพประกอบมากกว่าคนจริง” “แปลว่าจบ ✔️” มินตราสรุป “ไม่ใช่สายแกแน่ ๆ” “ใช่ ฉันไม่ใช่กรอบรูปให้ใครแขวนในห้องรับแขกหรอก” สายธารหัวเราะ กินเสร็จ ทั้งคู่หิ้วน้ำกลับขึ้นห้องสมุด มินตราพูดเตือน “อย่าคิดเยอะจนเขียนไม่ได้ล่ะ” สายธารยิ้ม “โอเค ฉันจะพยายามไม่คิดตอนทำงาน คิดตอนกลางคืนแทนก็ได้” “นั่นแหละตัวปัญหา 😅” มินตรากุมขมับ ช่วงบ่ายกลับเข้ามาทำงาน วายุก้มแก้กราฟ สายธารพิมพ์บทสรุป “บทเรียนที่ได้” เธอพูดเบา ๆ ไปด้วย “เราเห็นว่า ‘การซ้ำที่ไม่เจ็บ’ ทำได้จริง เมื่อทีมยอมรับกันเป็นคนจริง ไม่ใช่ภาพในหัว” วายุพยักหน้า “เซฟเลย” แล้วเว้นไปนิด ก่อนถาม “เมื่อกี้ไปคุยอะไรกับมินตรา หน้าตาเธอดูเหมือนคิดอะไรอยู่” สายธารชะงักเสี้ยววิ แต่เลือกพูดตรง “เขาบอกให้ฉัน…ระวังใจตัวเอง” วายุเงียบ ฟังเต็ม ๆ “แล้วเธอว่าไง” “ฉันบอกว่า…ยังไม่กล้าตอบว่าชอบหรือไม่ แต่ไม่อยากให้โปรเจกต์จบแล้วเราแยกกันเหมือนไม่รู้จัก” วายุถอนหายใจเบามาก แต่พยักหน้าแรง “โอเค งั้นฉันจะเดินพอดี ๆ ถ้าเมื่อไหร่เธอไม่โอเค บอกได้เลย ฉันจะถอย ไม่อยากให้เธอต้อง ‘ระวัง’ คนเดียว” คำพูดเรียบ ๆ แต่นิ่มพอให้หัวใจสายธารอุ่นขึ้น เธอเผลอยิ้มมุมปาก “ขอบใจนะ” มินตราที่นั่งมุมหลัง แอบมองแล้วยกโทรศัพท์พิมพ์หาเพื่อน Min: โอเค ผ่านด่านแรกแล้ว Saitharn: อะไรของเธอ Min: คือเขาฟัง ไม่แก้ตัว แต่ถ้าเมื่อไหร่เริ่มหลงตัวเอง จะเรียกฉัน Saitharn: รับทราบ หัวหน้า 🙃 🌒 เย็นวันนั้น ฟ้าสว่างฝนไม่ตกแล้ว แสงส้มทองแต่งเมือง 🌇 สายธารชวนมินตรามาช่วยจัดชั้นหนังสือ เมนูชามะลิน้ำผึ้งขายดีเกินคาด แม่ยิ้มไม่หยุด “เพื่อนหนูแวะมา ฝากสวัสดีด้วยนะลูก” ไม่ต้องบอกชื่อก็รู้ว่าใคร สายธารพยักหน้า “ค่ะ” แล้วเผลอยิ้ม มินตราช่วยติดป้าย “แนะนำประจำสัปดาห์” ก่อนลากเพื่อนเข้ามุมสารภาพกลางร้าน “เอาจริง ๆ ฉันไม่ได้แอนตี้เขานะ แต่มี 3 กติกา” “ว่ามา” สายธารยอมฟัง “หนึ่ง … ถ้าไม่ปลอดภัย ไม่ว่าข่าวหรือครอบครัวเขา ให้ถอยก่อน” “สอง … อย่าหยุดเป็นตัวเอง อย่าทิ้งการอ่าน การเขียน หรือร้านของบ้าน เพื่อเขาหมดทุกอย่าง” “สาม … ถ้าเขาเริ่มวิ่งเร็ว แกต้องหยุดเดินแล้วถามให้ชัด ว่าวิ่งไปไหน เพื่ออะไร” สายธารหัวเราะ “นี่มันคู่มือความรักฉบับมินตราเลยนะ” “ก็ใช่ไง 😏” มินตรากอดอก “ฉบับป้องกันเพื่อนฉัน” “โอเค เซ็นรับแล้ว” สายธารยกมือยอม “แต่มีข้อแลกเปลี่ยน ถ้าฉันเผลอยิ้มบ่อยกว่าวันละสามครั้ง ห้ามแซวต่อหน้าคนอื่น” “ดีล 👍 แต่ในแชตไม่เว้นนะ” “เออ ได้” บรรยากาศร้านอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ลูกค้าประจำมาเปลี่ยนหนังสือ พ่อคุยเรื่องไม้กับภาคินที่แวะเอาสติกเกอร์กล้วย 🍌 มาแปะแล้วหายไป 📱ข้อความสั้น ๆ เด้งมาในมือถือ Vayu: วันนี้ไม่ผ่านร้านนะ งานกลึงดึก Saitharn: โอเค ทำงานเถอะ Vayu: พักน้ำด้วย Saitharn: รับทราบ หัวหน้า มินตราเหลือบเห็นหน้าจอแล้วทำหน้า “อหหหหหหห 😳” ยาว ๆ “แค่ พักน้ำด้วย ก็ทำหน้าใจฟูทั้งร้านเลยเหรอคะคุณ” “เงียบไปเลยเธอ” สายธารตีแขนเพื่อน แต่ก็ยอมรับในใจว่าใช่…ฟูจริง ๆ คืนนั้นหลังปิดร้าน 🌙 สายธารขึ้นห้อง เปิดโคมไฟสีอุ่น หยิบปากกาเตรียมเขียนบันทึก เสียงมินตรายังวนในหัว “ระวังใจตัวเองนะ” เธอทบทวนภาพหลายสัปดาห์ คืนลานจอดรถ ห้องสมุดที่ดุเขาครั้งแรก บันไดเหล็กหลังตึก ผ้าเช็ดหน้าที่เคยยื่น รอยยิ้มจริง ๆ ครั้งแรก และคำพูดที่ว่า “สิ่งที่เกิดกับเรา…สำหรับฉัน มันไม่ใช่ชั่วคราว” หัวใจเต้นแรงขึ้น ✍️ เธอเขียนช้า ๆ 💗 “วันนี้ มินตราบอกให้ระวังใจ ฉันพยายามมองตรง ๆ ยังไม่กล้าพูดว่าชอบแต่ไม่อยากให้ทุกอย่างจบแค่โปรเจกต์ อยากให้จังหวะนี้ยังอยู่ แบบไม่ต้องตั้งชื่อ แบบที่เงียบ แต่ไม่หาย” ✍️ เขียนเสร็จ เธอยิ้มบาง ๆ หยิบหนังสือ “บทสนทนาในความเงียบ” มาเปิด เจอประโยค “การเงียบสองคน ไม่เหมือนการเงียบคนเดียว” เธอปิดหนังสือ กลับไปที่เตียง ห่มผ้า หลับตา ปล่อยให้เสียงพัดลมกล่อม แต่ในหัวมีแค่คำถามที่ยังค้าง—นี่ใช่แค่โปรเจกต์…หรือมากกว่านั้น ภาพรอยยิ้มของวายุย้อนมาชัดเหมือนอยู่ข้างหมอน หัวใจเธอเต้นคงที่ขึ้นทีละนิด ก่อนจะบอกกับตัวเองเบา ๆ คืนนี้ยอมรับว่ามันมากกว่า “งาน” แล้ว แต่จะเป็นอะไรต่อไป…ค่อย ๆ เดินไปพร้อมกัน 🌌 อีกฟากของเมือง 🌃 วายุกลับห้องดึกกว่าปกติ เขาเปิดข้อความของเธอ [โอเค ทำงานเถอะ] อ่านซ้ำไปมาโดยไม่รู้ทำไม ก่อนวางโทรศัพท์ข้างผ้าเช็ดหน้าที่พับเรียบร้อย เขาไม่รู้ว่ามินตราพูดอะไรกับสายธาร แต่รู้แน่ ๆ ว่า คืนนี้เขาจะไม่เร่ง ไม่วิ่ง แค่พัก แล้วพรุ่งนี้…จะเดินไปพอดี ๆ ตามที่สัญญา เมืองค่อย ๆ เงียบลง 💤 ฝั่งสายธารยังนอนลืมตาในความมืด ใจเธอไม่ใช่หินที่แข็ง แต่ก็ไม่ใช่กระดาษที่เบาเกินไป มันมีทั้งหนัก ทั้งเบาในเวลาเดียวกัน เธอปล่อยให้เป็นแบบนั้น แล้วค่อย ๆ หลับไปพร้อมคำถามที่ยังค้าง นี่เป็นแค่โปรเจกต์ ที่ทำให้คนสองคนเข้าใจกันมากขึ้น? หรือจริง ๆ แล้วมันคือจุดเริ่มต้นของบางอย่าง ที่ต้องใช้ทั้งหัวใจและสติไปพร้อมกัน? คืนนี้…เธอยังตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่แน่ ๆ คือ เธออยากหาคำตอบด้วยตัวเอง ไม่ใช่ด้วยเสียงของใคร และนั่นก็พอแล้ว …เธอพร้อมจะ “ระวังใจตัวเอง” 💙 พร้อมกับ “พร้อมเปิดใจ” ในจังหวะที่ใช่ 🫠 ⟡ ⑅◡̈ ⁺₊⋆♡ °₊·ˈ∗ *.❅•꒰ ⁺⋆ ꔛ﹆
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD