บทที่ 2 - หาตัวช่วย [2]

1688 Words
อมลรดาเห็นอคิณพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำได้ไม่ถนัดนัก พอลุกขึ้นมาได้นิดหนึ่งก็ล้มลงไปอีก เป็นอยู่แบบนี้สองถึงสามครั้งจึงวิ่งกลับไปช่วยพยุงเขาลุกขึ้น “ฉันช่วย” หญิงสาวประคองชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ให้ลุกขึ้นยืน ดึงแขนข้างซ้ายของเขามาพาดที่ไหล่เล็กของตัวเอง แล้วโอบแขนขวาไปด้านหลังเอวเขาเพื่อพาเดินไปที่รถเข็นซึ่งจออยู่ชิดผนังมุมห้อง “ความจริงเรียกหมอมาที่ห้องก็ได้นะ เดี๋ยวฉันไปตามให้” “ผมไม่อยากรอ ผมต้องการพบหมอเดี๋ยวนี้!” อคิณที่นั่งบนรถเข็นเรียบร้อยแล้วหมุนล้อรถด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว ทำให้รถเคลื่อนที่ช้า ไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด “ฉันพาไปเอง” อมลรดาเห็นสภาพทุลักทะเลของคนเจ็บที่ร่างกายใช้การได้เพียงแขนซ้ายข้างเดียวแล้วอดสงสารไม่ได้จึงเข้าไปช่วยเข็นรถพาไปที่ห้องหมอ แต่หลังจากไปถึงห้องหมอแล้ว คนหวังดีกลับถูกไล่อย่างแข็งกระด้าง “คุณกลับบ้านไปเลย ผมมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับหมอ” “ถึงไม่ไล่ฉันก็ไม่อยู่เฝ้าคุณหรอก อยู่ใกล้แล้วเส้นเลือดในสมองจะแตก” อมลราดาหันหลังเดินออกไปได้สามก้าว ก็หันกลับมาพูดอีก “อ้อ...แล้วก็อย่าลืมจ่ายนะ สิบล้าน” “งก” เขาว่าคำเดียวสั้นๆ แต่ได้ใจความ “ฉันไม่ยอมถูกเอาเปรียบหรอก” “ผมไม่จ่ายให้คุณแม้แต่บาทเดียว” “จะโกงฉันเหรอ” “เมื่อกี้คุณไม่ได้ทำอะไรเลย ผมต่างหากที่เป็นคนทำ” เมื่อการสนทนาดำเนินมาถึงตรงนี้ นายแพทย์วัยกลางคนที่นั่งเงียบอยู่นานก็อดถามแทรกขึ้นมาไม่ได้ “ทำอะไรกันเหรอครับ” “ผมให้เธอจูบผม แต่เธอไม่ยอม ผมก็เลยจูบเธอเอง” อคิณตอบหน้าตาย “คุณอคิณ!” อมลรดาอยาจะกรี๊ด เขาเอาเรื่องแบบนี้มาบอกหมอได้ยังไง “คุณอย่าเพิ่งมาโวยวายอะไรตอนนี้ได้มั้ย รีบออกไปเดี๋ยวนี้เลย ผมมีเรื่องสำคัญมากที่ต้องคุยกับหมอ” “ฉันไปก็ได้ แต่พรุ่งนี้จะมาใหม่ เพราะเรายังไม่ได้คุยเรื่องคดีของคุณพ่อกันเลย” “ไม่ต้องมา ผมจะให้ทนายติดต่อไปเอง” “งั้นก็แล้วแต่คุณ ฉันถือว่าฉันมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว” อมลรดาพูดจบก็เดินออกไป แต่แล้วก็หันกลับมาพูดกับอคิณอีกครั้งด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทว่าแฝงความห่วงใยอยู่ในที “คุยกับหมอเสร็จแล้วก็ให้พยาบาลพากลับห้องก็แล้วกันนะ แขนเดี้ยงอยู่ หมุนล้อรถเข็นเองไม่ไหวหรอก” “รู้แล้วน่า พูดมากจริง รีบไปได้แล้ว” อมลรดาย่นจมูกใส่คนหน้าดุแล้วเดินออกไปนอกห้อง ตอนแรกเธอคิดจะกลับบ้านเลย แต่ก็อดเป็นห่วงอคิณไม่ได้ จึงนั่งรอที่หน้าห้อง ครู่หนึ่งก็เห็นสุมาลีและแพรวาเดินเร็วๆ เข้ามา “รดา อคิณเป็นอะไร ฉันไปหาที่ห้อง พยาบาลบอกว่าเธอพาเขามาคุยกับหมอ” สุมาลีถามหน้าตื่น “ไม่ทราบค่ะ” อมลรดาตอบไปตามตรง แต่กลับถูกผู้สูงวัยกว่าแหวใส่ “จะไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเธอเป็นคนดูแลอคิณ” “อย่าเรียกว่าดูแลเลยค่ะ รดาแค่มาคุยธุระเรื่องคดีของคุณพ่อ แต่ยังไม่ทันได้คุยก็โดนคุณอคิณ....” หญิงสาวชะงักคำพูดไว้เพียงเท่านั้นเพราะอายเกินกว่าจะกล้าเล่าความจริง “อคิณเจ็บหนักขนาดนั้นจะทำอะไรเธอได้” สุมาลีว่าเสียงขุ่น “คุณแม่ก็ทราบว่าอคิณฤทธิ์มากแค่ไหน ต่อให้เจ็บมากกว่านี้เขาก็อาละวาดได้ค่ะ” แพรวาบอกกับสุมาลีแล้วหันไปถามอมลรดาด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตรมากกว่าผู้เป็นมารดาหลายเท่า “อคิณทำอะไรรดาเหรอ” “ช่างเถอะค่ะ” อมลรดาตอบปัด “คุณสุกับคุณแพรมาก็ดีแล้วค่ะ รดาจะได้กลับ” “พี่บอกแล้วไงว่าให้เรียกพี่แพร พี่เอ็นดูรดาเหมือนน้องสาวนะ” “คุณพ่อกับพี่ริษาก่อเรื่องไว้ขนาดนั้น พี่แพรไม่โกรธรดาเหรอคะ” “ไม่เกี่ยวกันนี่ พ่อกับพี่สาวรดาทำผิด แต่รดาไม่ได้ทำอะไรผิด” แพรวายิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดี “ขอบคุณพี่แพรมากนะคะที่เข้าใจรดา” หญิงสาวยกมือไหว้แพรวาอย่างซาบซาบซึ้งใจ ทั้งที่ควรโกรธ แต่แพรวากลับเข้าใจ อีกทั้งยังให้ความเอ็นดูเธอเหมือนวันแรกที่เจอกันไม่เปลี่ยนแปลง “รดาจะหาเงินมาใช้หนี้แทนคุณพ่อให้ครบทุกบาททุกสตางค์ แล้วจะตามหาพี่ริษาให้เจอเพื่อเอาเครื่องเพชรทุกชิ้นกลับมาคืนคุณสุค่ะ” “รู้มั้ยว่าพ่อเธอโกงเงินไปเท่าไหร่” “ยังไม่ทราบค่ะ แต่ไม่ว่าจะมาแค่ไหน รดาก็จะหาเงินมาชดใช้ให้ครบทุกบาททุกสตางค์” หญิงสาวคิดว่าเต็มที่ก็น่าจะสักสองสี่หรือสามห้าล้าน แต่คำตอบที่ได้รับจากสุมาลีทำให้เธอแทบล้มทั้งยืน “สี่สิบล้าน” อมลรดาหน้าซีดเผือด กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น มิน่า อคิณถึงได้สบประมาทตอนที่เธอบอกจะขายบ้าน ขายที่ดิน ขายทุกอย่างที่มีมาใช้หนี้เขา งานนี้ต่อให้ขายตัวด้วยก็คงไม่พอ! “อย่าเก่งแต่ปาก ทำให้ได้อย่างที่พูดด้วย” สุมาลียิ้มเหยียดหยัน ไม่คิดว่าหญิงสาวอายุยี่สิบสองปีที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยจะทำได้ “รดาจะทำให้ได้ค่ะ” อมลรดารับปากอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหน เธอจะต้องหาเงินมาใช้หนี้แทนพ่อและเอาเครื่องเพชรล้ำค่ามาคืนสุมาลีให้ได้ เธอจะไม่ยอมให้พ่อและพี่สาวติดคุกเด็ดขาด “แล้วนี่อคิณเข้าไปคุยกับหมอนานหรือยัง” แพรวาถามขึ้นเพื่อขัดตาทัพ ไม่ให้อมลรดาโดนสุมาลีไล่บี้มากไปกว่านี้ “สักพักแล้วค่ะ คุณอคิณทำท่าซีเรียสมาก ไม่รู้ว่ามีอาการอะไรผิดปกติหรือเปล่า” พูดแล้วอมลรดาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ หลังจากที่อคิณเล่าอาการทุกอย่างให้หมอฟังโดยละเอียด ก็ได้รับคำยืนยันที่น่าเอาหัวโหม่งโลกให้รู้แล้วรู้รอดจากหมอว่า “อย่างที่หมอเคยบอก ว่าอุบัติเหตุทำให้ประสาทไขสันหลังของคุณได้รับความกระทบกระเทือน คุณอาจจะมีอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือไม่ก็อาจจะไร้สมรรถภาพไปเลย” หมอบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทว่าคนไข้ฟังแล้วช็อกตาค้าง แทบจะต้องหามเข้าห้องไอซียูกันเลยทีเดียว “ทำไมถึงเป็นแบบนี้” “คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่า กลไกการทำงานของเจ้าหนูของผู้ชายมันมาจากสิ่งเร้าที่กระตุ้นลงมาจากศีรษะเลย เพราะสมองก็เป็น sex organ อย่างหนึ่งเหมือนกัน ถ้ามองเห็นสิ่งเร้า ก็จะกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ แล้วส่งกระแสประสาทผ่านไขสันหลังลงมา ทำให้เลือดวิ่งเข้าไปเลี้ยงส่วนนั้น ในอวัยวะเพศจะมีเส้นเลือดมากมาย พอเลือดเข้าไปเลี้ยงจนเต็มแล้วประตูมันปิด มันก็พองขึ้น ใหญ่ขึ้น” “ปัญหาของผมก็คือประสาทไขสันหลังไม่ทำงาน...?” “ใช่ครับ พอประสาทไขสันหลังไม่ทำงาน เลือดก็เข้าไปเลี้ยงเจ้าหนูไม่ได้ มันก็เลยไม่โต” หมอพูดติดตลกเพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดเกินไป “ประกอบกับช่วงนี้คุณเครียดด้วย คุณต้องผ่อนคลาย พยายามทำจิตใจให้สดชื่นไปพร้อมกับการทำกายภาพบำบัดถึงจะหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น” “ผมจะหายเป็นปกติได้แน่ใช่มั้ยครับหมอ” อคิณถามเสียงแผ่ว มือเย็นเฉียบ ไม่คิดว่าพระเจ้าจะกลั่นแกล้งเขารุนแรงถึงขนาดนี้ “หายได้ครับ แต่อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย” “นานแค่ไหนครับ” คนไข้ถามอย่างร้อนใจ เพราะเขามีเวลาไม่มาก เขาต้องมีลูกชายเพื่อรักษาเก้าอี้ประธานกรรมการบริหารโรงแรม “การรักษาอาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหกเดือน หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับว่าคุณขยันทำกายภาพบำบัดมากแค่ไหน และนอกจากทำกายภาพบำบัดแล้ว คุณต้องหาตัวช่วยด้วย จะได้หายเร็วขึ้น” “ตัวช่วยอะไรครับ” “คุณต้องหาสิ่งเร้า เพื่อช่วยกระตุ้นสมองให้สร้างอารมณ์เพื่อส่งกระแสประสาทไปยังไขสันหลัง เช่นดูหนังที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศอะไรทำนองนี้” อคิณฟังแล้วเครียดหนัก ถ้าจะให้เขานั่งดูหนังเอวี เรตเอ็กซ์ เรตอาร์ ทุกวัน เขาคงถูกมองว่าเป็นพวกโรคจิตหื่นกามแน่ “มีวิธีอื่นอีกมั้ยครับ” “ถ้าคุณมีภรรยาก็จะง่ายขึ้น เพราะภรรยาของคุณจะช่วยปลุกเร้าและกระตุ้นความต้องการของคุณได้” “หมอก็รู้ว่าผมเพิ่งถูกเจ้าสาวทิ้งไปในวันแต่งงาน” อคิณขบกรามแน่นด้วยความโกรธมากกว่าเสียใจ “ผู้หญิงคนเมื่อกี้ ท่าทางเธอเป็นห่วงคุณอยู่นะ ผมว่าเธอน่าจะช่วยคุณได้” “รดาน่ะเหรอ” อคิณแค่นยิ้มอย่างพอคาดเดาคำตอบได้ว่า เธอต้องปฏิเสธ เพราะแค่ขอจูบเธอยังไม่ยอม ถ้าขอให้มายั่วยวนปลุกเร้าความต้องการ มีหวังต้องโดนตบหน้าหันอีกแน่ “คุณอคิณอย่าเพิ่งเครียดนะครับ เพราะยิ่งเครียด อาการก็จะยิ่งแย่” “นี่มันเรื่องใหญ่ของผู้ชายเลยนะครับหมอ จะไม่ให้เครียดได้ยังไง” คนป่วยบอกกับหมอด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง จากนั้นก็ขอตัวกลับห้องพัก โดยมีคุณหมอเข็นรถไปส่ง แต่พอเปิดประตูห้องออกมาแล้วเห็นว่าสุมาลีและแพรวารออยู่ หมอจึงยกหน้าที่พาคนไข้กลับห้องให้ให้พี่สาวและแม่ของเขา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD