Penthouse
เมื่อกลับมาถึงเพนต์เฮาส์ก็รีบขึ้นมายังชั้นสองแต่พอผลักประตูห้องนอนเข้าไป ก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อพบเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาของคนที่รอคอย ลูคัสถอดเสื้อแล้วโยนลงตะกร้าอย่างใส่อารมณ์ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วนั่งลงบนชักโครก นิ้วเรียวยาวเลื่อนดูข้อความที่ส่งหาคนที่หายไปหลายวันซ้ำ ๆ มีการกดอ่านแต่ไม่มีการตอบกลับเลยสักฉบับ
ขณะที่นิ้วเรียวยาวเลื่อนไล่ดูข้อความอยู่นั้น เสียงปิดประตูห้องนอนก็ดังขึ้น ร่างสูงดีดตัวลุกแล้วรีบสาวเท้าออกไปด้านนอกมุมปากร้ายกระตุกยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าของคนที่เดินเข้ามา แต่เธอกลับเดินผ่านเขาไปไม่ทักทาย ทำราวกับเขาไม่มีตัวตน ลูคัสเดินตามคนตัวเล็กเข้าไปในห้องเสื้อผ้า ก่อนจะคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเธอมาโยนทิ้ง
“จะทำอะไร”
“ก็บอกให้มาเก็บเสื้อผ้า”
“ทีข้อความแบบนี้ล่ะใส่ใจ แล้วทำไมไม่ตอบข้อความ”
“ไม่รู้จะตอบอะไร”
“ก็ตอบสิ่งที่พิมพ์ถาม”
“…”
“ป๊าบอกให้ไปกินข้าววันอาทิตย์” เมื่อเห็นเธอเงียบไปไม่ตอบจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“อืม”
“อืม คือไปหรือไม่ไป”
“ไม่อยากไป”
“สรุปไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว?”
“ก็นายไม่ได้อยากให้อยู่นี่” สองสายตามองสบกันโดยที่คนตัวสูงไม่พูดอะไร แต่ขากลับก้าวเข้าไปใกล้คนที่ยืนจ้องเขาด้วยแววตาเจือความเศร้าใกล้เข้าเรื่อย ๆ ก่อนมือหนาจะล็อกเข้าที่ต้นคอเล็กแล้วโน้มใบหน้าลงไปบดจูบ มือเรียวเล็กยกขึ้นมาดันแผงอก แต่คนตัวสูงกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้น
ดวงตาคมเข้มมองคนตรงหน้าอย่างรู้สึกผิดแต่ก็ยังคงไม่เอ่ยคำขอโทษออกไป เรียวลิ้นอุ่นยังคงเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันไม่ห่างก่อนเขาจะถอนจูบออกแล้วใช้หัวแม่โป้งเกลี่ยริมฝีปากเธอเบา ๆ
“ไปอยู่ที่ไหนมาเกือบอาทิตย์” เอ่ยถามด้วยความสงสัย สองมือประคองใบหน้าสวยให้มองแค่เพียงเขา ก่อนจะก้มลงไปประทับจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากรูปกระจับอีกหนึ่งที
“ไปหาป๊า”
“แล้วได้บอกพ่อหรือเปล่าว่าทะเลาะกัน”
“ไม่ใช่คนขี้ฟ้อง” พูดพร้อมกับแกะมือเขาออก
“จะทำอะไร” เมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินไปหยิบกระเป๋าที่เขาปาทิ้งจึงถามขึ้นพร้อมกับแย่งมันมาจากมือเธอ
“จะเก็บเสื้อผ้า”
“ต้องเอาก่อนหรือไง ถึงจะเลิกสนใจกระเป๋า”
“…”
“ยังไง ตอบ! ต้องเอาก่อนหรือเปล่า”
“เมื่อไหร่จะเลิกใจร้ายกับมิลสักที เกลียดอะไรมิลนักหนา” สรรพนามเดิมที่ห่างหายไปกลับมาอีกครั้ง
“ก็ทำตัวดี ๆ”
“แล้วทำตัวไม่ดีตรงไหน”
“เลิกอาละวาดคนอื่น”
“ก็เลิกไปเอาคนอื่นสิ”
“ก็บอกว่าไปคุยงาน ทำไมไม่เชื่อ”
“…” เมื่อเห็นอีกคนไม่พูดอะไร เขาเลยจูงมือเดินออกไปข้างนอกเพื่อให้เธอลืมเรื่องเก็บเสื้อผ้า
“หลังไปโดนใครข่วนมา”
“เกาเอง”
“ไม่เชื่ออีกดิ...” หันมามองหน้าคนด้านหลัง
“…”
“ห้าวันคนของเธอไม่ได้รายงานหรือไงว่าฉันไม่ได้ออกไปไหน”
“รายงานอะไร ไม่ได้ให้ใครตามแล้ว”
“ทำไม”
“เหนื่อย”
“เหนื่อยอะไร”
“…” มาทิลด้าไม่ตอบได้แต่จ้องตาเขากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ทำกับข้าวให้กินหน่อย หิว” เมื่อเห็นว่าเธอนิ่งไปจึงเปลี่ยนเรื่อง เพราะเขาเองก็ไม่ได้อยากได้ยินคำตอบของเธอสักเท่าไร
“อยากกินอะไร”
“ทำมาเถอะ”
“…” มาทิลด้าไม่ถามต่อ ข้อมือเล็กถูกอีกคนจูงลงไปยังห้องครัว ก่อนเขาจะยืนกอดอกพิงผนังมองเธอทำอาหาร
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
“ขอบคุณ คุณมาร์ตินมากเลยนะคะที่เข้ามาร่วมธุรกิจกับทางมัตชิเตโอ”
“ผมสิครับต้องขอบคุณมัตชิเตโอ ที่เปิดโอกาสให้กับผม”
“ยินดีที่ได้ร่วมธุรกิจด้วยกันนะคะ ยังไงเดี๋ยวฉันจะบอกป๊าให้รีบเดินเรื่องให้โดยเร็วที่สุด”
“ขอบคุณมากครับ”
“งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ“
“เอ่อ คุณมาทิลด้าครับ”
“คะ” ขณะที่หญิงสาวจะเดินจากไปเสียงทุ้มสุขุมก็เอ่ยรั้งไว้
“ถ้ารอบหน้าผมขึ้นมาบนเกาะนี้อีก ผมอยากจะขอดินเนอร์เป็นการส่วนตัวกับคุณมาทิลด้าจะได้หรือเปล่าครับ”
“ถ้าในฐานะทำธุรกิจร่วมกัน ฉันยินดีค่ะ”
“แล้วถ้าผมสนใจคุ...”
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีคู่สมรสแล้วน่ะค่ะ”
เมื่อนักธุรกิจหนุ่มได้ยินคำปฏิเสธที่ตรงไปตรงมาก็มีสีหน้าที่เจื่อนลง มาทิลด้าค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นเชิงว่าขอตัว ก่อนเธอจะเดินจากไป
“เดี๋ยวฉันขอเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครูซ”
“ครับ”
ขณะที่มาทิลด้ายืนก้มหน้าก้มตาล้างมืออยู่ หญิงสาวที่เคยมีเรื่องด้วยเมื่อไม่นานมานี้ ก็เดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะดึงเข้าที่ศีรษะของเธอ
เพียะ!! หน้ามาทิลด้าหันไปตามแรงตบ
“นี่ที่แกตบฉันคราวที่แล้ว”
เพียะ!! มาทิลด้ายกมือขึ้นตบกลับด้วยความแรงจนอีกฝ่ายเซไปด้านข้าง
“อี…”
“พวกแกรออะไร ไปจับมันสิ” เพื่อนที่มาด้วยกันรีบสาวเท้าเข้าไปล็อกข้อมือของมาเฟียสาวคนละข้างก่อนเจ้าของผมหยิกหย็องจะกระหน่ำตบเข้าที่ใบหน้าสวย ซ้ายขวาสลับกันจนขึ้นเป็นรอยนิ้วมือ
“อ๊ะ!!” มาทิลด้า ยกเท้าขึ้นถีบอีกฝ่ายจนกระเด็นล้มลงไป ก่อนเธอจะสลัดหญิงสองคนที่จับแขนไว้ แต่ขณะที่กำลังจะนั่งคร่อมร่างของหญิงสาวเจ้าของผมหย็อกหย็อย เพื่อนของหล่อนก็เอาไม้ถูพื้นที่แม่บ้านวางทิ้งไว้มาตีเข้าที่สะบักหลังของมาทิลด้าเต็มแรง “อ๊ะ” พร้อมกับอีกคนที่เข้ามากระชากผมของเธอ
ขณะที่ไม้ม็อบถูพื้นจะฟาดลงที่หลังมาทิลด้าอีกครั้ง บอดีการ์ดหนุ่มก็ผลักประตูห้องน้ำเข้ามาแล้วจับเข้าที่แขนของหญิงสาวผมสั้น ก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กนั้นลงไปกองจมอยู่กับพื้น จากนั้นก็เข้ามาดึงคนที่กระชากผมมาทิลด้าออก
เมื่อมาเฟียสาวถูกปล่อยให้เป็นอิสระ กำปั้นเล็กก็ชกเข้าที่ใบหน้าหวานสามทีรัว ๆ จนคนที่นอนอยู่บนพื้นร้องโอดโอยด้วยความเจ็บพร้อมกับยกมือขึ้นมากุมใบหน้าตัวเอง
“กรี๊ดดด อร้ายย แก ฉันจะฟ้องลูคัส ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด อีบ้า”
“เชิญ” พูดจบมาทิลด้าก็เดินไปคว้าถังถูพื้นแล้วสาดน้ำที่มีอยู่ด้านในใส่หญิงสาวที่นั่งกุมแก้มตัวเอง
“กรี๊ดดดดด แก แก อี*** อี๋ แหวะ!!” หญิงสาวรีบเช็ดน้ำถูพื้นออกจากใบหน้าพร้อมกับสาดเสียงด่าคนที่เดินจากไป
สามสิบนาทีต่อมา...
Rrrr Rrr
เจ้าของดวงตาสีน้ำข้าวถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรศัพท์เข้ามา
(“เธอทำบ้าอะไร ไประรานเมญ่าทำไมมิลด้า เมื่อไรจะเลิกนิสัยอันธพาลชอบใช้แต่กำลังสักทีวะ ขยันหาแต่เรื่องมาให้ปวดหัว หัดอยู่เฉย ๆ บ้างไม่ได้หรือไง ทำตัวโคตรน่าเบื่อเลยรู้ตัวปะ”)
(“โรคจิตหรือไงถึงต้องตบตีคนอื่นไปทั่วแบบนี้”) ปลายสายไม่เปิดช่องว่างให้อีกฝ่ายได้แก้ต่างให้ตัวเองเลยสักนิด เขาต่อว่าเธอสารพัดพร้อมกับโยนทุกความผิดมาให้ โดยไม่คิดที่จะถามหาความจริงจากเธอเลยสักคำ
“ถ้าฉันพูด นายจะเชื่อฉันมั้ยลุค” พูดออกไปเสียงแผ่วเบาขณะที่อีกคนวางสายไปแล้ว เธอนั่งพิงเบาะทิ้งมือลงอย่างหมดแรง เมื่อปิดเปลือกตาลง หยดน้ำตาแห่งความน้อยใจก็ร่วงเผาะลงมาจากหางตา
เมื่อกลับมาถึงเพนต์เฮาส์ ร่างระหงผิวขาวอมชมพูก็โยนกระเป๋าลงบนโซฟาก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยความอ่อนเพลีย แต่ยังไม่ทันได้ปิดเปลือกตา คนที่โวยวายเธอผ่านสายก็เดินหน้าตึงเข้ามา
“ฉันไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
“ฉันไม่ได้โง่” เขาตอบกลับมาสั้น ๆ ขณะเดินปลดเนกไทเข้าไปในห้องน้ำ
“เชื่อฉันแบบที่เชื่อเขาบ้างได้ไหมลุค” เดินเข้าไปสวมกอดคนตัวสูงจากด้านหลัง ใบหน้าสวยแนบชิดติดกับแผ่นหลังกว้างก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า
“อ๊ะ” มือเล็กยกมากุมที่หัวไหล่ตัวเองทันที เมื่ออีกคนแกะแขนเธอแล้วสลัดออกด้วยความแรง
“เป็นอะไร” เขาหันกลับมาถาม พร้อมกับหัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อเห็นใบหน้าบอบช้ำของคนเป็นเมีย
“หน้าไปโดนอะไรมา” มือหนายกขึ้นหวังจะสัมผัส แต่อีกคนกลับเอียงหน้าหนี
“ถ้าฉันพูดนายจะเชื่อฉันมั้ย”
“…”
“ไม่สินะ” ดวงตาคมเข้มเหลือบไปเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่มน ขณะที่มาทิลด้าหันหลังจะเดินจากไป
“เดี๋ยว…” คว้าเข้าที่ข้อมือเล็ก แล้วจูงเธอไปนั่งลงที่ปลายเตียง ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่งแล้วออกมาพร้อมกับกล่องยา
“มิลไม่ได้เป็นคนเริ่ม”
“อืม” ตอบกลับเสียงเบา นิ้วเรียวยาวทายาลูบวนเป็นวงกลมอย่างเบามือที่สุด เขาสัมผัสรอยฟกช้ำวงกว้างด้านหลังด้วยความรู้สึกบางอย่างที่แว๊บเข้ามาในหัวใจเขา เมื่อทายาเสร็จลูคัสก็เดินลงไปโทรศัพท์ต่อสายหาคู่ค้าสาวทันที