ห้าปีผ่านไป
Rrrr Rrr
“ฮัลโหล”
(“วันนี้ไม่กลับห้องนะ ไม่ต้องรอ...” ‘ลูคัสขา... วันนี้เราจะไปต่อที่ไหนกันดีคะ’)
ฉันสูดหายใจเข้าลึกสุดปอด พยายามคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมาเมื่อได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากปลายสาย
“ไม่กลับแล้วจะไปนอนที่ไหน” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งที่สุดทั้งที่ในใจเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขแล้ว
(“โรงแรม”)
“โรงแรมไหน”
(“อย่าถามมากได้ปะ รำคาญ”)
“…”
(“ถือว่าโทรมาบอกแล้ว แค่นี้นะ”)
“เดี๋ยวลุค”
(“อะไร”)
“กลับมานอนบ้านอย่าไปค้างที่อื่น ถือว่าฉันขอ”
“วันนี้มีคุยธุระ ไม่รู้จะเสร็จกี่โมง”
“ธุระบนเตียงงั้นเหรอ”
“อย่ามาชวนทะเลาะ ไม่มีอารมณ์จะมาเถียงด้วย” ติ๊ด!! พูดจบเขาก็กดตัดสายทิ้งไปโดยไม่รอฟังคำขอของฉันอีกเลย
Calling…
(“ครับ คุณมิลด้า”)
“โทรถามคนของเราว่าลูคัสอยู่ที่ไหน แล้วขับรถมารอฉันด้านล่าง”
(“ครับผม”)
เมื่อโทรศัพท์สั่งกับบอดีการ์ดคู่ใจเสร็จฉันก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวทันทีเพื่อที่จะออกไปข้างนอก
สามชั่วโมงต่อมา...
“ไม่กินสักหน่อยหรือคะ คุณลูคัส”
“ไม่ครับผมไม่ดื่ม” ศีรษะเล็กพิงซบไปที่แขนชายหนุ่มร่างสมส่วนมีเสน่ห์อย่างออดอ้อนออเซาะ โดยไม่รู้เลยว่าชะตาของหล่อนใกล้จะขาดสะบั้นพังลงในไม่ช้า
“แล้วเราจะไปทดลองสินค้ากันที่ไหนดีคะ ห้องเมญ่าหรือโรงแรมใกล้ ๆ ดีคะ”
“โรงแรมดีกว่านะครับ” มาเฟียหนุ่มนักธุรกิจเสนอออกไปพร้อมกับวงแขนกว้างที่ยกขึ้นวางไว้บนขอบโซฟาด้านหลังของหญิงสาวราวกับกำลังโอบอีกคน
“แล้วรอบนี้ของดีหรือเปล่าคะ อยากทดลองตอนนี้จัง” เธอขยับเข้ามาซบที่อกแกร่งขณะถาม
“ถ้าคุณเมญ่าสนใจจะทดลอง ผมมีคนมาให้ครับ”
“ทดลองกับคุณลูคัสไม่ได้หรือคะ ครั้งที่แล้วก็ปฏิเสธเมญ่าไปรอบหนึ่งแล้วนะคะ” นิ้วเรียวเล็กไล่กรีดไปตามอกแกร่ง สายตาอ่อยชายตรงหน้าอย่างเปิดเผย
“ถ้าทดลองกับผม ราคาคูณห้านะครับ”
“เมญ่าไม่ติดเลยค่ะ จ่ายไหวอยู่แล้ว”
ฉันได้แต่ยืนกำหมัดแน่น พยายามนับหนึ่งถึงสิบครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนความอดทนจะลดลงเหลือเพียงศูนย์เปอร์เซ็นต์
“ว้ายย!! กรี๊ดดด” ศีรษะหยิกหย็องถูกดึงแล้วเหวี่ยงออกจากร่างชายหนุ่มด้วยความแรงจนกระเด็นตกจากโซฟา
เพียะ เพียะ!!
หลังจากเหวี่ยงคนที่นั่งเบียดเสียดออเซาะผู้ชายของเธอออกไปได้ หญิงสาวผิวขาวอมชมพูก็รีบสาวเท้าเข้าไปนั่งคร่อมคนที่นั่งกองอยู่กับพื้น ก่อนจะตบเข้าที่ใบหน้ากลมฉาดใหญ่สองทีเต็มฝ่ามือ
“อ๊ะ โอ๊ยย!!” มาทิลด้าจับข้อมือของหญิงสาวนมโตข้างที่ลูบไล้หน้าอกชายหนุ่มของเธอหักเข้าหากันจนอีกคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“หยุด!! หยุดมิลด้า” ลูคัสเดินเข้ามากระชากข้อมือมาทิลด้าที่ง้างเตรียมพร้อมจะตบ แล้วตะคอกใส่หน้าด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้งก่อนจะเหวี่ยงเธอไปเต็มแรงจนเสียหลักข้อเท้าพลิก ดีที่ครูซเข้ามารับไว้ทัน
“เลิกบ้าสักที” ชี้หน้าคนเป็นเมียแล้วตะคอกใส่
“ผมต้องขอโทษแทนคนของผมด้วยนะครับ” เขากล่าวคำขอโทษพร้อมกับพยุงผู้หญิงคนนั้นขึ้นโดยที่ไม่หันกลับมาสนใจคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียเลย ‘ฉันเองก็เจ็บเหมือนกันนะลุค’ มาทิด้าได้แต่มองสามีด้วยสายตาเศร้าเมื่อเห็นเขาเอาแต่ดูแลคนอื่น
“คุณลูคัสต้องจัดการมันนะคะ มือ มือเมญ่าขยับไม่ได้ หน้าเมญ่าก็ช้ำหมดเลยค่ะ ฮืออ! เจ็บมากเลยค่ะคุณลูคัสขา”
“ผมต้องขอโทษแทนคนของผมด้วยจริง ๆ ครับ”
“เมญ่าไม่ยอมนะคะ ต้องจัดการให้เมญ่านะคะ” เมญ่าทำออเซาะอยู่ในอ้อมอกของลูคัสแล้วมองมาทางมาทิลด้าด้วยสายตาเยาะเย้ยราวกับต้องการจะบอกว่าเธอเป็นผู้ชนะ มาทิลด้ากำหมัดแน่นอยากจะพุ่งเข้าไปตบอีกสักฉาดแต่ครูซกลับรั้งแขนเอาไว้แล้วส่ายหน้าน้อย ๆ เพื่อปรามเธอ
“มาขอโทษ มิลด้า”
“…”
“มาทิลด้า!!” เรียกชื่อฉันเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นตวาด กับเขาพูดจาถนอมอ่อนหวานแต่กับฉันไม่เคยถนอมน้ำใจกันเลยสักครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอัลมอนด์คู่นั้นคุโชนไปด้วยไฟโทสะ จ้องฉันเขม็งอย่างไม่เคยอ่อนลงให้กันเลย
“ทำไมต้องขอโทษ ฉันทำอะไรผิด”
“ตบเขาขนาดนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด เธอโตมาแบบไหนมิลด้า”
“แล้วนายล่ะโตมาแบบไหนลุค มีเมียอยู่แล้วแต่ยังไปมั่วกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว”
“ทำไม ทนไม่ได้เหรอ ทนไม่ได้ก็เซ็นใบหย่ามาซะสิ” เขาเดินเข้ามาพูดใส่หน้ากันในระยะเพียงลมพัดผ่าน ครูซจะก้าวเข้ามากันแต่ฉันยกมือขึ้นห้าม
“ทำไมนายถึงเอาแต่ใจร้ายแค่กับฉันลุค”
“ทนไม่ได้ก็ออกไปจากชีวิตฉันซะสิ ไปสิ”
“เมื่อไรจะหยุดพูดคำนี้สักที”
“ก็ไปสักทีสิ”
“แล้วถ้าฉันไม่...”
“หึ เธอนี่มัน... ทำได้ทุกอย่างจริง ๆ เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง” ฉันยังพูดไม่ทันจบเขาก็แทรกขึ้นมาแล้ว ฉันแค่ต้องการจะพูดว่าถ้าฉันไม่อยู่ตรงนี้แล้ว นายจะเกลียดฉันน้อยลงไหม
“แล้วนายล่ะ? ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือไง”
“พานายของมึงกลับไปแล้วอย่าให้มายุ่งวุ่นวายกับกูอีก ไป” เขาหันไปบอกครูซก่อนจะผลักฉันเซถลาจมเข้าไปในอ้อมอกของคนที่รองรับอยู่ด้านหลัง
“คุณไม่ควรทำแบบนี้กับคุณมิลด้านะครับ”
“กูจะทำ มึงจะทำไม”
“ถ้านายใหญ่รู้อาจจะไม่พอใจขึ้นมาได้”
“ไม่พอใจก็ไปเซ็นใบหย่ามา เอาลูกมาล้างน้ำเร่ขายคิดว่าฉะ...” อยู่ ๆ เขาก็หยุดพูดไป ฉันได้แต่ยืนสบตาคู่นั้นด้วยแววตารวดร้าวใจ คำพูดของเขาเหมือนคมมีดที่กรีดลงกลางใจฉันซ้ำ ๆ
“นายจะไปไหน” กะเผลกขาไปรั้งแขนคนที่จะเดินหนีแต่กลับถูกสะบัดออกเต็มแรงอย่างไม่ไยดี
“กลับไปรอที่ห้อง เลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันสักที” พูดจบลูคัสก็ประคองผู้หญิงคนนั้นออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองฉันอีกเลย
“อ๊ะ” ความปวดร้าวที่ข้อเท้าแล่นเข้ามาเมื่อฉันลองลงน้ำหนักที่เท้าขวาจนครูซต้องรีบพยุงไปนั่ง
“กลับบ้านกันเถอะครับ”
“ไม่อะ ไหน ๆ เขาก็ไม่กลับอยู่แล้ว กลับไปฉันก็เหงาอยู่คนเดียวอยู่ดี”
“ผมว่ากลับเถอะนะครับ”
“ไปสั่งเครื่องดื่มแล้วมานั่งกินกับฉัน”
“บินกลับบ้านเราไหมครับ” ครูซยังคงตั้งคำถามเดิม ๆ คงสมเพชฉันมากสินะ
“ถ้านายยังไม่หยุดพูดฉันจะส่งนายกลับไปหาป๊า”
“...” เมื่อขู่อีกคนได้สำเร็จ จึงหันไปเรียกพนักงานเพื่อสั่งเครื่องดื่ม
“นายเคยมีความรักมั้ยครูซ”
“เคยครับ”
“สมหวังหรือเปล่า”
“ไม่ครับ”
“ทำไมถึงไม่สมหวัง”
“เพราะผมไม่เคยคิดที่จะสารภาพครับ”
“กลัวเขาปฏิเสธเหรอ”
“ผมไม่คู่ควรครับ”
“ความรักมีคู่ควร ไม่คู่ควรด้วยหรือไง”
“ผมไม่รู้ครับ”
“แล้วเวลาเห็นเขาไปรักคนอื่น ไม่รู้สึกเจ็บบ้างเหรอ”
“…”
“ว่ายังไงครูซ”
“ก็เจ็บเวลาเห็นเขารักกับคนอื่น แต่เวลาเห็นเขายิ้มมีความสุข ผมก็สุขไปด้วยครับ”
“พระเอกละครดีนะนายน่ะ”
ฉันนั่งคุยกับครูซ แต่สายตามองจ้องเพียงหน้าจอที่ค้างอยู่ในหน้าข้อความของคนที่เพิ่งเดินออกไปกับหญิงอื่น ฉันควรทำอย่างไรกับเขาดี ทำไมการที่จะทำให้คนคนหนึ่งมารักและสนใจแค่เรามันยากแบบนี้นะ ยิ่งวิ่งตามก็เหมือนว่าเขาจะยิ่งวิ่งหนีไกลออกไปทุกที