สองอาทิตย์ผ่านไป
ผมพยายามติดต่อหามาทิลด้าตลอดสองสัปดาห์เพื่อที่จะเคลียร์เรื่องล่าสุดที่เราทะเลาะกัน แต่เธอกลับหายออกไปตั้งแต่เช้าของวันนั้น นี่ก็สองอาทิตย์แล้วที่มาทิลด้าเงียบหายขาดการติดต่อไปแบบสมบูรณ์ ทุกข้อความที่ส่งไป ไม่มีการเปิดอ่านแต่อย่างใด
“แม่งหายไปอยู่ไหนวะ”
โทรศัพท์มือถือสีดำถูกโยนลงบนที่นอนอย่างหงุดหงิดก่อนลูคัสจะลุกไปอาบน้ำ
Rrrrr Rrrr
ขณะที่กำลังอาบน้ำอยู่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น สองขายาวรีบวิ่งออกมาทันทีทั้งที่ตัวยังเปียกปอน แต่พอเห็นชื่อของคนที่ติดต่อเข้ามา มือถือก็ถูกโยนทิ้งลงที่เดิมก่อนเขาจะเดินกลับไปอาบน้ำต่อ
แคว้นลิกูเรีย
Westfield Mall of Rmittapud
มาเฟียหนุ่มพร้อมลูกน้องสองนายเดินไปยังร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลิกูเรียเพื่อพบลูกค้าคนสำคัญที่นัดกันไว้ในวันนี้
“สวัสดีครับคุณมาร์ติน”
“สวัสดีครับคุณลูคัส สบายดีนะครับ” ทั้งสองหนุ่มกล่าวทักทายกันก่อนจะนั่งลงแล้วคุยถึงธุรกิจที่กำลังจะขยับขยายไปยังประเทศออสเตรีย
แต่ขณะที่นั่งคุยกันอยู่นั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวที่เขาพยายามติดต่อมาหลายวัน
“เดินกับเด็กที่ไหนวะ” ยังคงมองตามเจ้าของเรือนผมสีช็อกโกแลตที่เดินคู่ไปกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างไม่วางตา
“อะไรนะครับ”
“เอ่อ เปล่าครับเดี๋ยวผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะครับ” พูดจบร่างสูงก็ผุดลุกแล้วเดินออกไปจากร้านอาหารกึ่งบาร์ทันที
สองขายาวก้าวตามสองคนด้านหน้าไปในระยะห่างพอที่จะได้ยินว่าทั้งสองคุยอะไรกัน
“ลูก้าอยากกินอะไรครับ”
“แล้วแต่ม้าเลยครับ”
“ม้าอยากให้ลูก้าเลือกครับ”
“งั้นสเต๊กก็ได้ครับ ม้าชอบกินสเต๊ก”
“แล้วก้าไม่อยากกินของที่ก้าอยากกินหรือครับ หืม” เมื่อถามออกไปสมองก็พลันนึกถึงพ่อของลูกขึ้นมา ทั้งสองไม่เคยพบกัน แต่กลับชอบกินอะไรที่เหมือนกัน
“ลูก้า? ม้า?” สองขาที่ก้าวตามหยุดชะงัก ชายหนุ่มทวนคำพูดของสองคนด้านหน้าอีกครั้ง ภายในใจเกิดความสับสนขึ้นมามากมาย แค่เธอผ่านผู้ชายมาไม่บริสุทธิ์ยังพอรับได้ แต่นี่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่าเธอมีลูกติด ไม่เคยรู้เลยว่าเธอเป็นแม่หม้ายลูกโตขนาดนี้
“นี่เธอหลอกลวงฉันมาตลอดเลยเหรอมาทิลด้า” เขาหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรศัพท์ออกหาเบอร์เธออีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเช่นเคย คำเรียกขานของสองแม่ลูกยังคงดังก้องวนอยู่ซ้ำ ๆ ในหัวราวกับเทปที่ถูกกรอสุดท้ายลูคัสตัดสินใจเดินตรงเข้าไปยังสองแม่ลูก แล้วคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของคนที่หายไปหลายวัน
“อ๊ะ!!” มาทิลด้าหันมาหวังจะต่อยเพื่อป้องกันตัวแต่ก็ต้องชะงัก ดวงตาสีน้ำข้าวเบิกโพลงกว้างเมื่อคนที่ยังไม่พร้อมจะเจอ กลับมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า เธอรีบดึงมือเด็กชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มาแอบด้านหลังทันที
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พูดกับคนตรงหน้าแต่สายตากลับจับจ้องไปที่เด็กชายวัยหกขวบ
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยตอนนี้”
“แน่ใจว่าต้องการแบบนี้”
“หมายความว่ายังไง”
“อยากให้ฉันคุยต่อหน้าเด็ก?” มาทิลด้าหันไปมองลูกชายก่อนจะหันกลับมาสบตากับเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
“พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปคุยกับนายที่เพนต์เฮาส์”
“ถ้าพรุ่งนี้เธอไม่กลับ ฉันจะเข้ามาคุยกับพ่อเธอที่นี่”
“อืม” มาเฟียหนุ่มยังคงลอบสังเกตใบหน้าของเด็กชายที่ยืนหลบอยู่ด้านหลัง แต่มาทิลด้าก็เขยิบบังไว้
“ฉันบินกลับพรุ่งนี้”
“ฉันกลับพร้อมไม่ได้ มีธุระต้องทำ ไว้รอเจอที่เพนต์เฮาส์”
“…”
“มองอะไร”
“ไม่คิดจะแนะนำคนที่มาด้วยให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ”
“นายคงไม่ได้อยากรู้จัก ยังไงฉันจะกลับไปคุยที่เพนต์เฮาส์”
“เดี๋ยว” คว้าแขนของคนที่จะเดินหนี รั้งเอาไว้
“หวังว่าพรุ่งนี้จะเจอเธอที่เพนต์เฮาส์”
“อืม” พูดจบมาเฟียสาวก็บิดมือออกก่อนจะเดินจูงมือเด็กชายวัยหกขวบออกไปโดยไม่หันมาสนใจเขาอีกเลย ลูคัสมองตามแผ่นหลังเล็กของสองคนจนลาลับตาไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ ผมเห็นคุณนั่งเงียบมาตั้งแต่ออกไปเข้าห้องน้ำ”
“คุณลูคัสครับ”
“ครับ... เอ่อพอดีผมมีเรื่องงานให้คิดนิดหน่อยครับ” มาร์ตินเรียกชื่อคนที่นั่งเหม่อลอยอีกครั้งก่อนลูคัสจะได้สติหันกลับมาตอบ
เวลา 20:00 น.
Mittapab Club
เมื่อสองหนุ่มหล่อเดินเข้ามาด้านในของผับ เหล่าหญิงสาวนักล่าราตรีต่างก็มองมายังพวกเขาด้วยสายตาเชิญชวน หญิงสาวมากมายต่างขยิบตา ชูแก้วให้กับทั้งสอง แสดงถึงความสนใจอย่างเปิดเผย แต่สองหนุ่มกลับเมินเฉยไม่สนใจใครทั้งนั้น
“นั่งข้างล่างหรือห้องวีไอพีดีครับ” ลูคัสหันไปถามคนที่มาด้วย
“ข้างล่างดีกว่าครับ บรรยากาศดี”
“มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ” มาร์ตินเอ่ยถามเมื่อเห็นสีหน้าลูคัสเหมือนมีเรื่องอะไรในใจ
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยครับ”
“มีอะไรปรึกษาผมได้นะครับ” ลูคัสหยิบไวน์ขึ้นจิบเล็กน้อยเพื่อเป็นการปฏิเสธที่จะพูด
“แล้วนี่คุณมาร์ตินจะบินกลับเมื่อไรครับ”
“อาทิตย์หน้าครับ พอดีผมมีนัดคุยเกี่ยวกับการขนส่งนิดหน่อยครับ”
“อ้อ ครับ ขอให้ทุกอย่างออกมาราบรื่นนะครับ”
“ขอบคุณครับ” สองหนุ่มนั่งคุยนั่งดื่มกันไปได้สักพักราว ๆ สามชั่วโมงก็แยกย้ายกันกลับที่พัก
“ขับไปคฤหาสน์มัตชิเตโอ”
“ครับนาย”
ไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับมาจอดยังหน้าคฤหาสน์มัตชิเตโอ มาเฟียหนุ่มนั่งมองหน้าต่างชั้นสองของคฤหาสน์หลังโตที่ยังคงเปิดไฟสว่างไสว สมองหวนนึกถึงคำพูดของคนที่หนีเขามาอีกครั้ง แผ่นหลังกว้างทิ้งพิงไปกับเบาะดวงตาน้ำตาลเข้มปิดลงช้า ๆ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสงบ แต่ภายในจิตใจเขากลับว้าวุ่นและสับสนไปหมด
“กลับโรงแรม” เอ่ยบอกทั้งที่เปลือกตายังคงปิดอยู่
วันรุ่งขึ้น
“แล้วม้าจะมาหาก้าอีกเมื่อไหร่ครับ”
“ม้าไปแค่แป๊บเดียว เดี๋ยวม้าจะกลับมาอยู่กับลูก้าตลอดไปเลยครับ”
“งั้นก้าไปกับม้าไม่ได้เหรอครับ”
“ก้าต้องเรียนหนังสือไงครับ เอาไว้ม้าจะรีบทำธุระแล้วรีบกลับมานะ ลูก้าอยู่ที่นี่เชื่อฟังคุณตานะครับ”
“ครับ” เสียงหงอยตอบกลับ จนคนเป็นแม่ต้องดึงลูกชายเข้ามาสวมกอด
“ม้ารักลูก้ามากนะครับ รักมากที่สุด”
“ก้าก็รักม้าครับ” หลังมือเล็กของเด็กชายยกขึ้นปาดน้ำตาออกขณะที่คนเป็นแม่กำลังจะถอนกอด
“เป็นเด็กดีของคุณตานะครับ” นิ้วโป้งเรียวสวยเกลี่ยแก้มชมพูของลูกชายเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าเข้าไปจุมพิตที่หน้าผากเล็ก
เกาะซาดิเนียร์
ร่างสูงกำยำขึ้นมารอหญิงสาวยังชั้นจอดรถ หลังจากที่รู้เวลาเที่ยวบินของเธอ เมื่อรถตู้สีขาวคันหรูจอดสนิท มาทิลด้าก็เดินลงไปหาคนที่ยืนกอดอกพิงรถมองมาทางเธอ
“ทำไมปิดเครื่อง” น้ำเสียงเรียบเอ่ยถามขึ้น
“โทรศัพท์หาย”
“แล้ววันนั้นทำไมต้องออกไปแต่เช้า”
“…”
“ฉันถาม”
“นายต้องการอะไรจากฉันลุค แค่นี้มันยังเจ็บไม่พอใจนายใช่มั้ย”
“หึ ต้องการอะไรงั้นเหรอ ฉันสิต้องถามเธอ ว่าเธอต้องการอะไรจากฉัน”
“ฉันไม่เคยต้องการอะไรจากนายทั้งนั้น”
“เด็กคนที่เธอเดินด้วยคือใคร” แววตาเข้มขรึมจ้องเข้าไปในนัยน์ตากลมของคนตรงหน้าอย่างรอคำตอบ
“ฉันถามว่าเด็กที่เธอเดินด้วยที่ห้างคือใครมิลด้า” ดวงตาสีน้ำข้าววูบไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นแววตาไม่พอใจของเขา
“ละ ลูก... ฉัน”
“เธอหลอกครอบครัวฉันยังไงมาทิลด้า พวกเขาถึงให้ฉันมาจดทะเบียนสมรสกับแม่หม้ายลูกติดอย่างเธอห้ะ” คนฟังหัวใจกระตุกวูบเมื่อได้ยินน้ำเสียงผิดหวังของอีกคน
“…” มาทิลด้ากำมือแน่น ริมฝีปากเล็กเม้มกัดจนห้อเลือด ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมา
“ถ้านั่นคือปัญหาใหญ่ที่ทำให้นายรักฉันไม่ได้ งั้นก็เซ็นใบหย่ามา นี่ใบหย่า ฉันกลับมาครั้งนี้ก็เพื่อหย่าอยู่แล้ว ไม่ได้กลับมาเพื่อต้องอธิบายอะไร”
ลูคัสหยิบกระดาษที่อีกคนส่งให้มาไล่สายตาอ่าน
“หายไปสองอาทิตย์กลับมาอีกทีพร้อมใบหย่า หึ! มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอมาทิลด้า”
“…”
“พ่อของเด็กคือใคร” น้ำเสียงสกัดกลั้นเอ่ยถามออกไป
“…”
“ฉันถามว่าผัวเก่าเธอเป็นใคร”
“จะเป็นใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย”
“หึ! ไม่เกี่ยวงั้นหรอ อย่าลืมสิว่าตอนนี้ฉันยังไม่ได้เซ็นใบหย่าให้เธอ” บีบแขนคนตัวเล็กอย่างแรงด้วยความโกรธ
“ก็เซ็นซะสิ จะเอาอะไรอีก”
“ฉันถามว่าพ่อคนนั้นมันเป็นใคร” บีบแขนเธอแรงขึ้น
“เขาคือรักแรกของฉัน” หัวใจแกร่งกระตุกวูบเมื่อประโยคนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็ก สีหน้าที่โกรธอยู่ชะงักไปเล็กน้อย
“หึ มีรักแรกแต่ยังยอมมาเป็นเมียฉัน เธอคิดอะไรอยู่วะมาทิลด้า เธอนี่แม่ง...”
“ก็เพื่อผลประโยชน์ไง คิดอย่างงั้นมาตลอดไม่ใช่หรือไง” พูดแทรกขึ้นทั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบ ลูคัสช้อนตามองคนตรงหน้าพร้อมกับลิ้นที่ดุนดันกระพุ้งแก้มก่อนกระดาษในมือจะถูกฉีกขาดไม่เป็นชิ้นดี
“ฉีกทำไม ไหนบอกอยากได้นักอยากได้หนาไง”
“ทำไม? เพราะพ่อไอ้เด็กคนนั้นที่เป็นรักแรกใช่ไหมถึงทำให้เธอกลับมาขอหย่ากับฉัน”
“…”
“หายไปสองอาทิตย์ ไปอยู่กับมันมาใช่มั้ยฮะ” มือหนาเผลอเขย่าร่างเล็กด้วยความแรงอย่างลืมตัว
“ปล่อยคุณมาทิลด้าด้วยครับ”
“หยุดมึงอย่าเสือก ไอ้ครูซ” มาทิลด้าพยักหน้าเบา ๆ ให้กับครูซ บอดีการ์ดหนุ่มจึงยอมถอยออกไปก้าวหนึ่ง
“ตอบมาดิวะ หายไปอยู่กับมันมาใช่มั้ย” ตวาดจนเสียงดังก้องไปทั่วลานจอดรถ
“ฉันก็คน ฉันก็มีหัวใจ ถ้านายไม่เคยคิดจะรักกันเลยก็แค่ปล่อยกันไป”
“หึ ปล่อยงั้นเหรอ ปล่อยแน่ แต่ปล่อยในนะ” พูดจบคนที่โมโหก็ลากตัวคนที่ขอหย่าไปขึ้นรถก่อนจะขับออกไปยังเซฟเฮาส์ส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้จัก บอดีการ์ดของหญิงสาวจะตาม แต่เธอยกมือขึ้นห้ามเพราะคิดว่าตนรับมือไหวและอีกอย่างก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกคนต้องการจะทำอะไรและทำไปทำไม