๗ แค่บอกให้รู้

2275 Words
๗ แค่บอกให้รู้ ‘ฉันท้อง’ สิ่งที่ได้ยินทำให้ทีปกรหูดับไปชั่วขณะ จากที่นอนคุยก็ผุดนั่งอย่างทันท่วงที ใบหน้าเรียบเฉยติดยิ้มนิดๆ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมและเงียบไปหลายวินาที “เธอแน่ใจนะ ตรวจดีหรือยัง” “อยากดูผลตรวจไหมล่ะ” ตีรณาตอบกลับทันควันด้วยความโมโห ทีปกรเงียบเสียงไปสักพัก จึงตอบออกมา “มาเจอฉันที่นี่...” เขาบอกสถานที่ “เอาผลตรวจมาด้วย” หญิงสาวเม้มปาก ทำไมหล่อนจะต้องเป็นฝ่ายไปเจอเขาด้วยล่ะ “ฉันไม่ไป เพลีย คุณอยากเจอก็มาเจอฉันเอง รู้ที่อยู่แล้วนี่” ให้มาเจอถิ่นหล่อนยังดีกว่าให้หล่อนไปหาเขา เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ปลอดภัยเอาไว้ก่อนดีกว่า สันกรามได้รูปสวยถูกขบจนนูนขึ้น เพราะมีคนอวดดีแล้วหนึ่ง อวดดีซ้ำซาก ถ้าตอนแรกไม่ทำเป็นอวดดีก็คงไม่ต้องโทร.หาเขาแบบนี้ ปลายนิ้วเรียวเอื้อมไปหยิบบุหรี่ที่วางไว้บนหัวเตียงขึ้นมาจุดสูบ เขาพ่นควันสองสามครั้งก่อนตอบ “ก็ได้ เธอเรียกฉันไปหาเองนะ” หญิงสาวไม่ทันกล่าวคำใดอีก สายก็ถูกตัดโดยไม่ร่ำลา ทำให้ตีรณากำมือแน่นด้วยความโกรธระคนเกลียด “ไอ้บ้า” ไม่รู้จะด่าเขาด้วยคำไหนจึงสาสมกับคนพรรค์นั้น หนึ่งชั่วโมงต่อมา หญิงสาวนั่งรออยู่หน้าคอนโดฯ เมื่อเขามาถึงจึงเดินตรงไปหาทันที ไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายขึ้นไปถึงห้องของหล่อนเหมือนวันนั้นได้อีก ชายหนุ่มสบตาคนตรงหน้าอย่างรู้ทัน พลางหลุบตามองแผ่นกระดาษที่ยื่นมาตรงหน้า แต่ไม่คิดจะรับไปอ่าน “ขึ้นรถ” ตีรณาขมวดคิ้ว “บอกแล้วไงว่าไม่ออกไปข้างนอก” คนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับกวาดตามองหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตีรณาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีครีมนุ่งทับด้วยกางเกงยีนขาม้าเล็กสีฟ้าจาง เพราะเป็นคนมีท่อนขาเรียวยาว ทำให้หญิงสาวดูสูงเพรียวอย่างคนหุ่นดี สายตาของเขาทำให้ตีรณาเม้มปาก เพราะอ่านไม่ออกว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร “ก็ดูพร้อมออกไปข้างนอก อีกอย่างฉันจะรู้ได้ไงว่าไอ้ใบนี่มันของจริง” ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความโกรธจัด ก่อนจะกัดฟันบอกด้วยน้ำเสียงแทบจะเป็นกระซิบเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน “ฉันไม่ได้เป็นคนที่เอาไอ้นั่นของคุณยัดใส่มาในตัวของฉัน เพราะฉะนั้นทำอะไรลงไปก็ช่วยยอมรับแบบแมนๆ หน่อยเหอะ! ทำไมต้องให้ฉันมาเดือดร้อนทีหลังแบบนี้ด้วย” ชายหนุ่มหัวเราะพรืด แต่แววตาไม่ได้ขบขันไปด้วย ตรงกันข้ามมันดูมีเรื่องให้ต้องคิดมากมายทีเดียว “เธอนี่ปากดีตลอดนะ” ดวงตาสีเข้มวาววับยามโต้กลับ พลางหลุบตามองไปตรงกลางลำตัวของหญิงสาว “ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่านอกจากฉันแล้ว เธอไปมั่วกับใครมาอีกหรือเปล่า” สิ้นเสียงของทีปกรใบหน้างามร้อนวูบ ดวงตาวาววับก่อนจะยกมือเงื้อขึ้นอย่างหมดความอดทน “หืม...ไอ้!” “ขึ้นรถ!!” เสียงที่ตวาดต่ำในลำคอออกมาทำให้หญิงสาวชะงักกึก ดวงตาวาววามชัดเจนว่ากำลังโกรธจัด แต่ดวงตาอีกคู่โกรธกว่า มือที่ยกขึ้นลดลงก่อนจะก้าวอ้อมไปยังที่นั่งข้างคนขับ ทีปกรถอนหายใจพรืด เขาไม่ใช่คนดี ไม่มีวันใช่ จึงต้องใช้ความอดทนสูงสุดที่จะไม่ให้เผลอทำร้ายใครบางคน ดวงตาคมกริบมองตรงไปข้างหน้า มือสองข้างกุมพวงมาลัยอย่างมั่นคงก่อนจะเลี้ยวเข้ายังสถานพยาบาลแห่งแรกที่เจอ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ ตีรณาหันไปมองคนขับ รับรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบที่เขาพอใจและเชื่อถือได้ หญิงสาวสบตาคมแล้วแสยะยิ้ม อยากรู้นัก ว่าจะทำหน้ายังไงถ้าได้รู้ว่าหล่อนไม่ได้โกหก! เมื่อได้รับคำตอบว่าตีรณาท้องจริงดั่งที่หล่อนบอกกับเขาก่อนหน้านี้ ใบหน้าคมคายกลับนิ่งสงบ ไม่แสดงออกว่าคิดเช่นไร ไม่มีทีท่าวิตกกังวลหรือโกรธออกมาให้เห็น ตรงกันข้ามยังคงมีทีท่าสงบนิ่งเฉย ราวกับไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรในชีวิต คล้ายกับว่าเคยรับมือกับเรื่องทำนองนี้มานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้หญิงสาวต้องขบคิดอย่างลึกซึ้งกับคนตรงหน้า “คุณจะเอายังไง” เมื่อทีปกรไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก ตีรณาจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น ร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อยืดพอดีตัวมือล้วงกระเป๋ากางเกงยีนตวัดหางตามองคนข้างกาย “ฉันต่างหากต้องถามเธอ ว่าจะเอาไง จะเก็บไว้เหรอ” คำถามจากปากของเขาทำเอาหญิงสาวเย็นวาบไปทั้งร่างแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นร้อนระอุขึ้นทีละนิด “คุณหมายความว่าไง” ดวงตากลมโตสบตาคมเรียว หัวใจเต้นแรงรัวด้วยกำลังรอคอยคำตอบ ประหวั่นพรั่นพรึงว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริงขึ้นมา ร่างสูงเดินนำไปยังรถสปอร์ตที่จอดไว้ ก่อนหันมามองคนที่ก้าวมาหยุดยืนห่างออกไปซึ่งกำลังมองมาด้วยสายตาเย็นเยียบแต่เต็มไปด้วยคำถาม “ถ้าถามฉัน คงตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ ยังไงก็ต้องรอให้คลอดออกมาก่อน แล้วค่อยตรวจดีเอ็นเอ เพราะฉันไม่รู้ว่าเด็กในท้องเธอเป็นลูกใคร แต่ถ้าเธอไม่อยากเก็บเด็กเอาไว้ฉันก็เข้าใจ ไม่ติดอะไรนะ” หัวใจของตีรณาดิ่งวูบ ขาแข้งอ่อนล้า แต่ต้องแสร้งว่าเข้มแข็งหยัดกายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยความอดทนอย่างถึงที่สุด ก่อนหน้านี้ก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเขาน่ะ เลวมากแค่ไหน แต่ไม่คิดว่าจะเลวมากขนาดนี้ สมน้ำหน้า ฉันบอกแกแล้วยังไงว่าอย่าบอก แล้วเป็นไง ทีนี้รู้หรือยังว่าผู้ชายคนนี้มันหน้าตัวเมียมากแค่ไหน เสียงหนึ่งดังสะท้อนเข้ามาในความคิด ทั้งเหยียดหยันซ้ำเติม ดวงตาคู่งามวาววามด้วยหยาดน้ำที่ออกมาหล่อเลี้ยง ต้องฝืนตัวฝืนใจไม่ให้เสียน้ำตาต่อหน้าคนเลว “คุณไม่ยอมรับสินะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาหวิวหลังจากเงียบงันไปนาน คนที่ยืนอิงแผ่นหลังกับตัวรถเอามือกอดอกมองสบตาคนถามนิ่ง ไม่มีแววหวั่นไหวในดวงตาคู่นั้น ไม่มีอาการลุกลี้ลุกลนใดๆ เขานิ่งสงบ ราวกับไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังกล้าคิดอีกว่าหล่อนไม่ได้มีเขาแค่คนเดียว ไม่เคยเจอใครที่เลวเท่าเขามาก่อน หล่อนโชคร้ายที่ต้องมาเจอคนแบบนี้ พลางคิดถึงเด็กในท้อง เด็กคนนี้ยิ่งโชคร้ายกว่า ที่ต้องเกิดมาจากผู้ชายที่ห่วยแตกเลวระยำ “ฉันยังไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” “เหรอ แต่การตอบสนองของคุณมันชัดเจนว่าคิดยังไง คุณไม่สน และไม่อยากยอมรับ” พูดจบหญิงสาวก็พยักหน้าเบาๆ อย่างยอมรับในที่สุด “ก็ดีเหมือนกัน เด็กนี่ไม่ควรเกิดมา เพราะหากเขาถามว่าใครเป็นพ่อ ฉันคงไม่รู้จะบอกกับแกยังไง เพราะรู้ดีแก่ใจว่าพ่อมันแม่งโคตรเลวเกินกว่าที่จะได้รับโอกาสให้เป็นพ่อใครทั้งนั้น” ร่างสูงยืดตัวตรง ดวงตาวาวโรจน์แต่ร่างเล็กเพรียวเดินตรงไปยังประตูทางออกโรงพยาบาล พร้อมกับกวักมือเรียกแท็กซี่และจากไปโดยไม่หันมามองเขาอีก ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักหน่วง ก่อนจะกลับขึ้นรถด้วยอารมณ์ขุ่นมัว อันที่จริงเขาเองก็พอจะรู้หรอกว่าตีรณาเป็นคนแบบไหน จากประวัติ พฤติกรรม และที่เขาได้สัมผัสมาสองครั้งสองครา ทำให้มั่นใจได้ว่าหล่อนไม่ใช่ผู้หญิงช่ำชองเรื่องบนเตียงเลยสักนิด ตรงกันข้าม ขาดประสบการณ์อย่างชัดเจน แต่เมื่อหล่อนบอกว่าท้องกับเขา คนที่ไม่เคยยอมให้ผู้หญิงคนไหนจับไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนจึงเกิดอาการแพนิค เขาไม่เคยไว้ใจผู้หญิงหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่าจะมีชื่อเสียงมากมาย สูงส่ง ร่ำรวยล้นฟ้าหรือผู้หญิงธรรมดาเดินดินกินข้าวแกงอย่างตีรณา ทว่าวันนั้นเขาเองก็โกรธและโมโหจนไร้สติไปหน่อย ทำเรื่องบ้าระห่ำที่สุดในชีวิตลงไป เขามีอะไรกับหล่อนโดยไม่ป้องกัน! ชายหนุ่มหลับตาลง มันคงเกิดขึ้นจากตรงนี้เอง การจะให้เขารับผิดชอบเรื่องเด็กโดยการมอบเงินสักก้อนนั้นพอได้อยู่ แต่จะให้รับผิดชอบแม่เด็กโดยการเอามาเลี้ยงดูเป็นเรื่องเป็นราวเขาไม่คิดจะทำ! เขาไม่เคยรักใคร ยังไม่คิดจะรัก ไม่พร้อมจะดูแลและไม่แน่ว่าอาจจะไม่พบความรักในชาตินี้ คนอย่างเขาเหมาะกับรักชั่วคราวมากกว่า ผ่านมาแล้วผ่านไป ตีรณาก็เช่นกัน แต่สำหรับเด็ก... จุดนี้นี่แหละที่ทำให้เขาหนักใจไม่น้อย ชายหนุ่มขับรถออกมาจากโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง แม้จะพยายามปัดเรื่องของผู้หญิงที่เขามีความสัมพันธ์ด้วยสองครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ จึงตัดสินใจติดต่อกลับไปยังเบอร์ของหญิงสาว ทว่าไม่มีคนรับ เขารู้ได้ทันทีว่าถูกปฏิเสธจากเจ้าของสาย คนที่ไม่เคยยอมลงให้ผู้หญิงคนไหนเกิดทิฐิสูงล้น เขาไม่เคยต้องง้องอนใคร ยิ่งคนที่ไม่ได้สำคัญก็ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องตื๊อให้เป็นภาระทั้งทางกายและทางใจ แต่จิตสำนึกฝ่ายดีภายใต้ก้นบึ้งอันลึกสุดกระตุ้นเตือนให้เขาทำสิ่งถูกต้องสักครั้ง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจทำบางอย่างลงไปในที่สุด ก๊อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องทำให้คนที่นั่งชันเข่าเหม่อมองออกไปนอกระเบียงห้อง เห็นเพียงท้องฟ้ามืดครึ้ม บอกให้รู้ว่าฝนกำลังจะเทลงมาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าต้องละสายตาหันไปมองที่มาของเสียงนั้น หญิงสาวเปิดประตูให้กับแม่บ้านของคอนโดฯ มองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ “มีคนฝากให้ป้าเอามาให้หนูน่ะ” ตีรณามุ่นคิ้วเข้าหากัน ยื่นมือรับซองเอกสารสีน้ำตาลมาถือเอาไว้ “คนมาส่งบอกไหมคะว่าชื่ออะไร” ป้าแม่บ้านส่ายหน้ายิ้ม “เป็นผู้ชายหน้าตาดีเชียว แต่ไม่ได้บอกชื่อ บอกแค่ว่าหนูได้รับซองแล้วก็รู้เอง” หญิงสาวยิ้มตอบพลางเอ่ยขอบคุณ ก่อนจะปิดประตูแล้วเดินไปนั่งหน้าประตูที่ริมระเบียงห้อง พร้อมกับแกะซองเอกสาร ทันทีที่ดึงบางอย่างออกมาหัวใจของตีรณาก็ไหววูบ ก่อนจะเต้นรัวแรงด้วยความโกรธ มันคือเช็คอีกใบ กับข้อความบางอย่างในกระดาษหนึ่งแผ่น ‘ถ้าเธอไม่คิดอะไรมาก ฉันอยากให้ย้ายมาพักในที่ที่ฉันเตรียมให้รอจนคลอดเด็กค่อยว่ากัน แต่ถ้าเธอไม่สนใจข้อเสนอของฉัน ก็เลือกรับเช็คไป ใช้เงินแก้ปัญหาเอาเอง แต่มีข้อแม้ว่า เธอจะไม่มีสิทธิ์ยกเรื่องเด็กมาเป็นข้ออ้างกับฉันในอนาคตอีก’ ข้อความจบลงแค่นั้น ไม่มีการลงชื่อด้วยซ้ำไป แต่แค่นี้หล่อนก็รู้แล้วว่าเจ้าของข้อความเป็นใคร ยิ่งเห็นลายเซ็นบนเช็คหลักล้านในมือยิ่งตอกย้ำว่านี่คือเรื่องจริง ในใจความที่เผยออกมา ลึกลงไปในใจทีปกรแสดงชัดว่าเขาอยากให้หล่อนทำลายเด็ก... ใบหน้าซีดเผือดเงยขึ้นมองออกไปยังท้องฟ้าคล้ำดำ ไม่ทันไรห่าฝนก็ซัดซ่าลงมาราวกับกราดเกรี้ยวโกรธแค้นใครสักคน สาดกระเซ็นโดนตัว แต่หญิงสาวกลับปล่อยให้ตนเองเปียกปอนโดยไม่คิดสนใจ นอกเสียจากอยากให้สายฝนช่วยชำระล้างคราบน้ำตาและความบัดซบออกไปจากชีวิต ภาวนาให้มันเป็นความบัดซบสุดท้ายที่พบเจอ รอยยิ้มผลิแย้มทว่ากลับสั่นระริก ยามนึกถึงคำตอบที่ชัดแจ้งแล้วในวันนี้ มือเรียววางลงบนหน้าท้องที่ยังแบนราบ ปลายนิ้วเล็กขยุ้มลงบนเนื้อผ้าที่แนบลำตัวบอบบาง อีกมือขยำกระดาษที่บรรจุข้อความราวจะให้มันย่อยยับไปพร้อมกับความรู้สึกที่กำลังเผชิญ ก่อนปล่อยทิ้งลงท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ ให้น้ำชะล้างข้อความอันโหดร้าย สุดท้ายคงเหลือเพียงความว่างเปล่า ร่างบอบบางลุกขึ้นด้วยอาการโงนเงน ก่อนจะลากตนเองเข้าไปภายในห้อง ดึงกระเป๋าเดินทางออกมา แล้วยืนนิ่งจ้องมองมันอยู่เช่นนั้นพร้อมกับเช็คที่อยู่ในมือ ริมฝีปากอิ่มแต่ซีดเซียวเผยอยิ้ม ทว่าดวงตาแข็งกร้าว เราหวังอะไรจากเขา หญิงสาวถามตนเอง นึกถึงความหวังที่อยู่ลึกสุดใต้ก้นบึ้งหัวใจ ขบเม้มริมฝีปากสั่นระริก ก่อนบอกตนเอง ก็แค่อยากบอกให้รู้ ก็แค่นั้น ในเมื่อเขารับรู้แต่ไม่ต้องการ เราก็จะได้ไปตามทางของเรา 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD