บทที่ 1 บทนำ
คอนโดแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ เวลา 4.00 น. ทันทีที่ประตูห้อง 5409 ค่อย ๆ เปิดออกพร้อมกับร่างสูงของ พชรพลเดินย่องเข้ามา เขาพยายามปิดประตูบานนั้นอย่างแผ่วเบาเพราะไม่ต้องการทำให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่ต้องตื่นขึ้นมาเพราะเสียงดังของตนเอง แต่ทว่าทันทีที่ประตูบานนั้นปิดสนิทลง ชายหนุ่มก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อจู่ ๆ ไฟในห้องนั้นก็สว่างขึ้นโดยฝีมือของเพียงขวัญแฟนของเขานั่นเอง
ชายหนุ่มพยายามฝืนยิ้มแหยด้วยรู้แน่ว่า การที่เขากลับบ้านช้าครั้งนี้ อีกฝ่ายจะต้องโกรธเขาหนักแน่ ๆ ซึ่งก็เป็นจริงดังคาด พอเขาหันกลับมาเผชิญหน้ากับเพียงขวัญ เขาก็ต้องตกใจ เมื่อจู่ ๆ โดนน้ำทั้งถังสาดโครมเข้ามาที่ตัวเองอย่างจังจนเปียกโชกไปทั้งตัว จากตอนแรกที่เขารู้สึกผิดที่กลับบ้านช้ากลับกลายเป็นความโกรธเคืองที่โดนกระทำเช่นนี้
“นี่มันอะไรกัน”
“ก็น้ำยังไงล่ะคะ” เพียงขวัญแหวใส่เขาอย่างเอาเรื่อง ใบหน้างามนั้นโกรธจัดจนกลายเป็นสีแดงก่ำ
“รู้ว่าเป็นน้ำ แต่ขวัญเอามาสาดพี่ทำไม” เขาตะคอกใส่อย่างไม่สบอารมณ์
“เห็นว่ากลับมาเช้า คงจะยังไม่ได้อาบน้ำอาบท่า ก็เลยช่วยอาบให้ไงคะ”
“ขวัญ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ” เขาพุ่งเข้ามาจับแขนเธอไว้แน่นด้วยความไม่ชอบใจ พลางเงื้อมือเตรียมจะตบใบหน้านั้น ทว่าเพียงขวัญก็เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ทำไม จะตบหน้าฉันเหรอ ตบเลยสิ แน่จริงก็ตบสิ มัวง้างอยู่ทำไมล่ะ”
เธอตอบอย่างท้าทาย ไม่หวั่นเกรงคนตัวสูงที่อยู่เบื้องหน้า นั่นทำให้เขาพยายามสะกดอารมณ์คุกรุ่นของตัวเองเอาไว้เพราะไม่อยากจะทะเลาะไปมากกว่านี้ก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำแทน พร้อม ๆ กับเสียงบ่นที่ลอยมาเข้าหูเธอว่า
“น่าเบื่อโว้ย!”
“เบื่อเหรอ ใช่สิฉันมันผู้หญิงน่าเบื่อ แล้วคุณล่ะดีนักหรือยังไง” เพียงขวัญตวาดกลับอย่างเหลืออด แต่ก็ไม่มีเสียงตอบโต้กลับมาจากคนในห้องน้ำ หญิงสาวจึงทรุดตัวลงนั่งลงบนโซฟาดังเดิม ใบหน้างามที่เคยมีรอยยิ้มหวานให้เขาอยู่เป็นนิจนั้นบัดนี้กลับงอง้ำด้วยความไม่พอใจ
พักใหญ่กว่าที่พชรพลจะอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ พอเขาออกมาจากห้องน้ำผมยังคงเปียกอยู่ เขาก็เห็นเพียงขวัญยังคงไม่เข้าไปนอนหลับอย่างที่ควรจะเป็น เขาจึงเสกลบเกลื่อนความเบื่อหน่ายเอาไว้ แล้วเข้าไปสวมกอดคนรักจากด้านหลังอย่างเอาใจ ด้วยหวังว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้อีกฝ่ายคลายความโกรธนั้นลงได้
“ขวัญจ๊ะ ทำไมยังไม่เข้าไปนอนล่ะ นี่ตี 4 กว่าแล้วนะ ไม่ง่วงเหรอ แล้วพรุ่งนี้ไม่ทำงานหรือยังไง” เขาซบใบหน้าที่มีหยาดน้ำเกาะพราวลงที่ซอกคอเนียนนุ่มของคนรักก่อนบรรจงจูบแผ่วเบาจนได้กลิ่นหอมกรุ่นจากกายสาว
“หอมจัง...”
“ถอยไปนะ”
หญิงสาวเกรี้ยวกราดใส่ก่อนจะสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดอันแข็งแกร่งนั้น จนเขาถึงกับหน้าเสียเมื่อไม้ตายที่เคยใช้ได้ผลในทุกครั้ง กลับไม่ได้ผลกับเธอเสียแล้ว
“ไม่ต้องมาทำแบบนี้เลย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไหนบอกว่าจะกลับเร็วยังไงล่ะ”
“โธ่ ที่รัก ก็พี่บอกไปแล้วนี่นา ว่าวันนี้จะกลับดึกหน่อย เพราะต้องพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรองน่ะ”
“ลูกค้าแบบไหนกันกลับมาตีสี่แบบนี้ แล้วที่บอกว่าพาลูกค้าไปเลี้ยงรับรอง ไม่ใช่ว่าไปมีผู้หญิงคนอื่นทิ้งไว้ที่ไหนหรอกนะ” เธอดักคออย่างไม่ชอบใจที่เขาผิดคำพูด
“โธ่เอ๊ย...อย่าคิดมากสิ ใครจะไปกล้ามีผู้หญิงคนอื่นล่ะ เมียของพี่ทั้งสวยหุ่นดีแบบนี้ ไหนจะทำงานเก่งอีก ไม่มีใครสู้ขวัญของพี่ได้แล้วล่ะ”
“แล้วทำไมฉันโทรไปถึงไม่รับ แล้วก็ไม่โทรกลับด้วยนะ แม้แต่ไลน์ไปก็ไม่อ่าน ต้องดูแลลูกค้าตลอดเวลาจนไม่มีเวลาแม้แต่จะปลีกตัวโทรหาหรือตอบไลน์กันเลยอย่างนั้นเหรอ ฉันนี่อยากรู้จริง ๆ ว่าลูกค้าของพี่หน้าตาเป็นอย่างไร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่”
“พี่ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ พอดี พี่ลืมโทรศัพท์มือถือไว้บนรถ แล้วก็อยู่ดูแลลูกค้ายาวเลย ส่วนลูกค้าของพี่เมื่อคืนนี้มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผู้หญิงไม่มีเลยจ้ะ ขวัญก็อย่าคิดมากเลยนะ พรุ่งนี้ต้องไปทำหน้าที่เป็นพิธีกรเปิดตัวสินค้าไม่ใช่เหรอ ขวัญยิ่งต้องรีบนอนเร็ว ๆ นะ สมองจะได้ปลอดโปร่งแจ่มใสไง”
“มีแต่ผู้ชายจริง ๆ หรือคะ” คำพูดของเขาเริ่มทำให้เธอคล้อยตาม
“จริงสิ สาบานก็ได้ ต่อให้มีลูกค้าผู้หญิงไปด้วย พี่ก็รักษาระยะห่างเสมอ เพราะพี่มีขวัญคนเดียว คนที่พี่จะแต่งงานและสร้างอนาคตด้วย ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีวันเข้ามาใกล้หรือแทนที่ขวัญได้หรอกนะ เชื่อพี่สิจ๊ะ”
“จริง ๆ นะคะ”
“จริงสิจ๊ะ แต่ว่าตอนนี้พี่ง่วงแล้ว นอนกันเถอะนะที่รัก”
เขาหอมแก้มนวลแผ่วเบาก่อนจะรั้งร่างบางลงมานอนในอ้อมกอดของตัวเอง ไม่นานนักชายหนุ่มก็ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
แม้ว่าเพียงขวัญจะโกรธสักเพียงใดที่คนรักไม่รักษาคำพูด ครั้นเมื่อเธอมาเจอคำพูดหวานหู การเอาอกเอาใจของเขาก็ใจอ่อน ทำให้อาการโกรธเคืองในตอนแรกค่อย ๆ เบาลง หากเธอก็ยังมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงอย่างไม่วางใจในคำพูดของเขามากเท่าไรนัก