ตอนที่ 4 ความจริงที่ซ่อนอยู่

1751 Words
@เช้าวันต่อมา “เจนนี่กลับแล้วนะคะ เย็นนี้เจอกันค่ะ” โบกมือลาเพื่อนร่วมงานที่เข้ากะกลางคืนด้วยกัน ก่อนจะเดินออกจากปั๊มน้ำมันเพื่อไปยืนรอรถประจำทาง ทุกวันไป-กลับ เธอก็จะนั่งรถโดยสาร พอถึงหมู่บ้านคันคาย แวะตลาดซื้อของสดที่ต้องมีติดบ้านอย่างไข่ไก่ ไว้ทำเมนูทอด ต้ม ตุ๋น กินจนเบื่อกันไปข้าง แต่ถามว่าไม่กินได้ไหม ไม่ได้ เพราะเธอกลัวเงินไม่พอค่าใช้จ่ายในครอบครัว ต้องเซฟเงินไว้พาพ่อไปหาหมอเวลาปวดกระดูก เดินทางเข้าเมืองแต่ละที ก็ต้องเหมารถคนแถวบ้านไป ตอนไปทำงานกินมาม่า กลับบ้านมากินทอดไข่ วนเวียนกันอย่างนี้มาตลอดสองเดือน “โอ๊ย!” ชายวัยกลางคนเอามือจับที่สะโพกของตัวเอง แค่พลิกตัวก็ปวด แถมมันยังปวดจนน้ำตาเล็ดออกมา “พี่ เป็นยังไงบ้างจ๊ะ” คนเป็นเมียรีบเดินมาดูอาการ เห็นแล้วนึกสงสาร แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไงดี นอกจากให้กินยาแก้ปวดที่ได้มาจากการไปหาหมอในแต่ละครั้งประทังอาการ “พี่ว่าจะเปลี่ยนท่า” เขาจะมีอาการปวดทุกครั้งเวลาขยับตัว นอนแต่ท่าเดิมก็เมื่อย แต่พอพลิกตัว ก็ปวดเหมือนคนเอาค้อนหนัก ๆ มาทุบที่สะโพก “พี่เอ๊ย ทำไมฉันถึงไม่ถูกรางวัลที่หนึ่งบ้างนะ ฉันจะรีบพาพี่ไปรักษาเลย” คนเป็นเมียเอามือเช็ดน้ำตาตัวเองด้วยความสงสารจับใจ ทำไมต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวเธอด้วย สามีที่ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยวตอนกลางคืน ทำแต่งานงก ๆ หาเลี้ยงลูกกับเมียไปวัน ๆ กลับกลายเป็นคนที่ไร้ซึ่งความสามารถ แม้แต่ช่วยเหลือตัวเอง ยังทำไม่ได้เลย ต้องนอนติดเตียงอยู่ตลอด จะทำอะไรต้องมีคนคอยช่วย สามีเธอโดนรถชนขณะเลิกจากงาน และคนชน ก็ดันหนีไปไม่มารับผิดชอบ จนปัจจุบัน ยังหาคนทำผิดไม่เจอเลย แจ้งความไป ก็ไม่คืบหน้า จนรู้สึกหมดหวัง “พี่หายเจ็บแล้ว เป็นแค่ตอนพลิกตัวเท่านั้นละ” พอเห็นน้ำตาของเมียรีบยิ้มให้ทันที กลืนกินความเจ็บปวดลงไป ตอนเขานอนอยู่ที่โรงพยาบาล ได้ยินหมอคุยกับเมียว่า หากจะรักษาให้หายขาด มันก็พอมีทาง ก็คือการผ่าตัด แต่มันต้องใช้เงินถึงสามแสนบาท เพราะการผ่าตัด ไม่เข้าเงื่อนไขสิทธิ์การรักษาฟรีที่เขามี ทีแรก เมียจะเอาที่ดินผืนเดียวที่มีคือบ้าน ไปยื่นกู้เงินที่ธนาคาร เพื่อพาเขาไปผ่าตัด แต่เขาไม่ให้ทำแบบนั้น เพราะมั่นใจว่า เราคงไม่มีเงินไปคืนธนาคารแน่นอน และท้ายที่สุด บ้านและที่ดินก็ต้องถูกยึด แล้วลูกสาวเขาล่ะ เจนนี่จะอยู่อย่างไรในอนาคตข้างหน้า อย่างไรเขาก็แก่แล้ว คงจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ทนเจ็บไปอย่างนี้ จนกว่าจะถึงวันนั้น และเรื่องนี้ มีเมียกับเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ เขากำชับเมียว่า ไม่ให้บอกลูก เจนนี่กลับมาถึงบ้านนานแล้ว และเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ค่อย ๆ เดินไปนั่งคุกเข่าลงด้านล่างข้างเตียงนอนของพ่อ จับมือเหี่ยวมาแนบแก้มด้วยความสงสารจับใจ “เจ็บมากไหมจ๊ะพ่อ” เธอร้องไห้ตั้งแต่ได้ยินเสียงพ่อแล้ว เพราะเธอเองก็เจ็บไม่ต่างจากคนป่วย คือมันเจ็บที่ใจ เพราะไม่สามารถช่วยอะไรพ่อได้เลย “เจ็บแค่ตอนพลิกตัว แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะ” ยิ้มให้ลูกบาง ๆ ไม่ให้อีกคนเป็นห่วง สองแม่ลูกยิ่งร้องไห้กันเก่งอยู่ด้วย “มันไม่มีวิธีรักษาแล้วเหรอจ๊ะแม่” พ่อเธอออกจากโรงพยาบาลมาได้สองเดือนแล้วนะ มันควรดีขึ้นบ้างสิ แต่นี่อะไร เหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ คนเป็นแม่เม้มปาก น้ำตาไหลพรากลง เหลือบมองหน้าสามีเล็กน้อย เห็นฝ่ายนั้นส่ายหัวห้าม เจนนี่มองตาม ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “พ่อกับแม่มีอะไรปิดบังเจนนี่หรือเปล่าจ๊ะ” “ไม่มีหรอกลูก กลับมาเหนื่อย ๆ ไปอาบน้ำอาบท่านะ แล้วเอ็งก็ไปหาข้าวให้ลูกมันกิน” บอกกับลูกสาว แล้วหันไปเอ่ยกับเมีย เมียเขาป่วยบ่อย เขาจึงไม่ให้ทำงาน ให้อยู่เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าวให้ลูกให้ผัวกิน เพราะเคยให้ออกไปทำงานแล้ว แป๊บ ๆ ก็ต้องลางานไปโรงพยาบาลอยู่ดี จนโดนหักเงินแทบไม่เหลือ เขาก็เลยคิดว่า ให้เมียอยู่บ้านเฉย ๆ ดีกว่า เพราะออกไปทำงาน ก็ไม่ได้อะไรกลับมา ดีว่าลูกสาวเรียนจบแล้ว ข้อนี้เขาจึงหมดห่วง แต่กลับต้องมาเครียด เมื่อเขาประสบอุบัติเหตุ จนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แทนที่จะได้ช่วยลูกทำมาหากิน ดันเป็นภาระลูกซะงั้น “วันนี้ไข่เจียวนะแม่” คนเป็นแม่พยักหน้า ก่อนจะหยิบถุงไข่ไก่ที่ลูกซื้อมาลุกเดินเข้าครัว เจนนี่อมยิ้มให้พ่อ โน้มใบหน้าเข้าไปหอมแก้มสาก ก่อนจะเดินขึ้นบ้าน บ้านของเธอเป็นบ้านสองชั้น ด้านล่างเป็นปูนเปลือย ส่วนด้านบนเป็นไม้ หลังคามุงด้วยสังกะสี เธอนอนด้านบนคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่นอนด้านล่าง พวกท่านทั้งสองจะได้ไม่ต้องลำบากขึ้นลง หน้าร้อน ร้อนมาก ร้อนสุด ๆ ร้อนแทบนอนไม่ได้ ตกกลางคืนเหงื่อท่วมตัว ส่วนหน้าหนาว ก็หนาวสุด ๆ ธรรมดาของบ้านไม้ มีปล่อง มีรู ที่ลมสามารถผ่านเข้ามาได้ ส่วนหน้าฝนน่ะเหรอ หลังคารั่วไง เธอต้องเอากะละมังมารองน้ำไว้ ไม่งั้นเปียกลงไปถึงด้านล่าง แต่เธอก็โตมาในบ้านหลังนี้ สภาพแวดล้อมแบบนี้ เธอชินแล้ว สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับทุกฤดูกาล เจนนี่ถอดเสื้อผ้า แล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันอก ส่วนอีกผืนใช้คลุมไหล่ แล้วเดินลงบันได ห้องน้ำบ้านเธออยู่ด้านหลัง ซึ่งติดกับครัว ได้กลิ่นหอม ๆ ของไข่เจียวชวนเรียกน้ำย่อย จึงเดินไปหยุดข้างแม่ สองมือโอบเอวผู้ให้กำเนิด วางคางเกยบนไหล่มน กระชับกอดเอวแม่แน่น จนคนเป็นแม่เหลือบมอง “ทำไมไม่รีบไปอาบน้ำล่ะ ออกมาไข่เจียวจะได้ยังร้อน ๆ อยู่” “หายร้อนเจนนี่ก็กินได้แม่” คนเป็นแม่อมยิ้ม ลูกเธอกินง่ายอยู่ง่ายจริง ๆ “เจนนี่มีอะไรจะถามแม่” “เรื่องอะไรเหรอ” “แม่กับพ่อมีอะไรปิดบังเจนนี่อยู่ไหมจ๊ะ” เธอรู้สึกว่า พ่อกับแม่มีอะไรปิดบังเธออยู่แน่ ๆ และมันต้องเกี่ยวกับอาการป่วยของพ่อด้วย ไม่งั้น แม่คงไม่ร้องไห้แบบนี้ เธอไม่เคยเห็นพ่อกับแม่ร้องมาก่อนเลย กระทั่งวันนี้ “เรื่องอะไรเหรอ?” ประคองเสียงเอาไว้ไม่ให้สั่น พลางกลั้นน้ำตาเอาไว้ เพราะกลัวว่าลูกจะสงสัยเอา “เรื่องอาการป่วยของพ่อไงจ๊ะ” “ไม่นี่” บอกก่อนจะพลิกไข่เจียวอีกด้านให้เหลืองกรอบเท่ากัน “แม่อย่าโกหกเจนนี่เลย นี่ก็สองเดือนแล้วนะ ที่พ่อออกจากโรงพยาบาล ทำไมอาการของพ่อถึงไม่ดีขึ้นเลยล่ะ” “ก็มันเป็นเกี่ยวกับกระดูกไงลูก ต้องใช้เวลารักษานาน” “แต่มันควรดีขึ้นบ้างหรือเปล่าแม่ ไม่ใช่พ่ออาการทรุดลงแบบนี้” “...” “แม่บอกเจนนี่มาเถอะ อย่าโกหกเจนนี่เลยนะ มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน” “...” “แม่คิดว่าเจนนี่สบายใจนักเหรอ ที่เห็นพ่อร้องโอดโอยทุกวัน” คนเป็นแม่น้ำตาร่วง เวลาอยู่บ้าน เธอต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้มันไหล เพราะกลัวว่าลูกจะเห็น แต่พอลูกออกจากบ้านไป เธอร้องไห้กับสามี เพราะอีกฝ่ายร้องโอดโอยทั้งคืน “นะแม่ บอกเจนนี่มาเถอะ ถ้าคิดว่าเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน เล่าให้เจนนี่ฟังนะ” คนเป็นแม่เม้มปาก แต่พอโดนลูกคะยั้นคะยอแบบนั้น เธออดไม่ได้ จึงพยักหน้าออกมา ตักไข่เจียวออกใส่จาน ก่อนจะหาอะไรมาปิด แล้วหันกลับไปมองหน้าลูก จับมือเรียวทั้งสองข้างมากุม เอ่ยน้ำเสียงกระซิบกระซาบเพราะกลัวสามีได้ยิน “ความจริงแล้ว มันมีทางรักษาให้หายขาดได้เจนนี่ ก็คือการผ่าตัด” “อ้าว แล้วทำไมถึงไม่ให้พ่อผ่าตัดล่ะแม่” ว่าแล้วเชียว ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่าง แต่การที่ต้องให้พ่อนอนร้องโอดโอยทุกวันอยู่แบบนี้เพื่ออะไร “แต่การผ่าตัด มันไม่อยู่ในเงื่อนไขของสิทธิ์การรักษาฟรีที่พ่อเรามี เราต้องจ่ายเงินเองเจนนี่ หมอเขาถึงจะผ่าให้” “เท่าไหร่เหรอแม่?” เจนนี่ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ มันเยอะขนาดไหนถึงให้พ่อผ่าตัดไม่ได้ หนึ่งหมื่น หรือสองหมื่นบาท เธอจะได้ไปหาหยิบยืมมา “สามแสนเจนนี่ และเราต้องวางเงินก่อนด้วย แต่พอเราไม่มี หมอเขาก็เลยแนะนำให้รักษาไปตามอาการ” “...” เจนนี่ได้ยินแบบนั้นชาไปทั้งตัว สามแสนบาท เยอะมาก! ไม่รู้ว่าชาตินี้เธอจะมีเงินเก็บได้ถึงขนาดนั้นไหม “ทีแรก แม่จะเอาที่ดินไปจำนอง แล้วพาพ่อไปรักษา แต่พ่อคิดว่า เราคงไม่มีปัญญาใช้คืนเขา และในที่สุด เราก็จะเสียบ้านและที่ดินไป เพราะข้อนี้ พ่อจึงไม่ให้แม่ทำ” เจนนี่ได้ยินอย่างนั้นน้ำตาหล่นแหมะลง แล้วเอ่ยเสียงสั่นออกมา “เพราะพ่อกลัวว่า ในอนาคต เจนนี่จะไม่มีบ้านอยู่ใช่ไหมแม่” “ใช่” “ฮึก” เจนนี่โผเข้ากอดแม่เต็มแรง ขนาดเจ็บแทบทนไม่ไหว แต่มิวายยังเป็นห่วงลูกสาว ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับครอบครัวเธอด้วย ทำไมสวรรค์ถึงแกล้งกันนัก ทำกับครอบครัวหาเช้ากินค่ำแบบพวกเธอได้ยังไง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD