ร่างกายคุณเป็นของผม 4

1113 Words
คุณฉัตรฉายนั่งอยู่บนรถเข็นหน้าคฤหาสน์ในช่วงสาย ใบหน้าที่ยังคงมีเค้าแห่งความงามมองออกไปยังสวนดอกไม้ โดยมีพยาบาลประจำตัวคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่างกาย ก่อนที่สาวใช้จะก้าวเข้ามายอบตัวลงข้างๆ “ตาทัตตื่นหรือยัง” ปรายตามองสาวใช้  “ตื่นแล้วค่ะคุณท่าน แต่ยังไม่ลงมาจากข้างบนเลยค่ะ สงสัยเมื่อคืนจะ…” “ตอบเท่าที่ถาม อย่าสาระแนเรื่องอื่น!” คุณฉัตรฉายตวัดสายตาขวับ ทำให้สาวใช้คนเดิมหน้าเจื่อนหยุดพูดทันควัน “จะไปไหนก็ไป อ้อ! ถ้าแม่นั่นลงมา บอกให้มาหาฉันด้วย” “ค่ะคุณท่าน” สาวใช้รับคำแล้วจึงรีบกลับเข้าบ้านทันที เมื่อลับร่างสาวใช้ก็มีรถยนต์คันเล็กแล่นเข้ามาจอด คุณ    ฉัตรฉายขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขม้นตามองอยู่ครู่เดียวคนในรถก็ออกมาพร้อมกัน โดยเฉพาะหญิงวัยไม่ห่างจากท่านนักที่ยิ้มกว้างทันทีที่พบหน้า “สวัสดีค่ะคุณพี่”  พลันความคลางแคลงใจบนใบหน้าของเจ้าของบ้านก็จางลงและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้ม “แม่เดือนนั่นเอง ไปไงมาไงกันล่ะ” “พวกเรามาเยี่ยมคุณพี่น่ะค่ะ”  คุณฉัตรฉายยิ้มยินดีพลางมองคนทั้งสามซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่และลูกที่ดาหน้ากันเข้ามาพร้อมทำความเคารพท่านด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม “สวัสดีครับคุณพี่” “สวัสดีค่ะคุณป้า” สองพ่อลูก ประชาและกันยกรต่างทำความเคารพผู้อาวุโสกว่า ฝ่ายนั้นรับไหว้และเพ่งมองมายังสาวสวยหน้าหวานที่ยืนข้างบิดาด้วยสายตาพินิจ “ลูกสาวหรือนี่ โตเป็นสาวจนจำไม่ได้เลยเชียว” เดือนเต็มยิ้มเต็มใบหน้า พลางหันไปมองบุตรสาวด้วยความภาคภูมิใจ “ค่ะคุณพี่ ยัยกรเพิ่งเรียนจบ ยังหางานทำอยู่เลย” เอ่ยด้วยน้ำเสียงรักใคร่เต็มเปี่ยม  ทำให้คุณฉัตรฉายยิ่งมองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเชื้อเชิญคนทั้งหมดเข้าไปคุยกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  “เอาล่ะ เพิ่งมากันเหนื่อยๆ เข้าไปนั่งคุยกันข้างในกันดีกว่า ฉันมีเรื่องอยากถามเยอะแยะเชียว” เมื่อเข้ามานั่งภายในห้องนั่งเล่น คุณฉัตรฉายก็เอ่ยถามถึงกันยกรทันที “เห็นว่ากำลังหางานใช่ไหมจ๊ะ” “ใช่ค่ะคุณป้า กรกำลังหางานทำอยู่ ตอนนี้สมัครทิ้งไว้แล้วสองสามที่ รอเรียกสัมภาษณ์ค่ะ” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้มอ่อนหวาน ยิ่งทำให้ผู้เป็นเจ้าบ้านพอใจ รวมทั้งมีความคิดใหม่ผุดวาบขึ้น “เอาแบบนี้ไหม ให้ลูกสาวเธอมาทำงานกับตาทัต จำได้ไหมจ๊ะ พี่ทัตไง ที่เมื่อก่อนป้าเคยพาไปเยี่ยมพ่อกับแม่เราตอนเด็กๆ น่ะ”  ท่านเท้าความ ทำให้หญิงสาวต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ้มหวานออกมาอีกครั้งเมื่อจำได้รางๆ “พอจำได้แล้วค่ะ แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ทัตจะเป็นยังไงบ้างนะคะ” คำกล่าวนั้นทำให้คุณฉัตรฉายหันไปยิ้มกับคู่สามีภรรยาที่ยิ้มยินดีกับคำชวนของท่าน “ตอนนี้งานเยอะจ้ะ ป้าเลยคิดว่าอยากจะให้หนูมาทำงานกับตาทัต มาช่วยพี่เขา ว่าไงจ๊ะ สนใจหรือเปล่า” เมื่อได้รับคำชวน หญิงสาวจึงหันมองบิดาและมารดาอย่างขอความเห็น และทั้งสองต่างเห็นพ้องต้องกันว่าสมควรอย่างยิ่งที่จะตอบรับคำชวนของคุณฉัตรฉาย เพราะไม่ง่ายเลยที่ท่านจะยอมให้ใครก็ได้เข้าไปทำงานใกล้ชิดกับลูกชายคนเดียวของท่าน ที่หวงนักหนามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว “ได้สิคะคุณพี่ เพราะยังไงยัยกรก็ยังไม่ได้งานที่ไหน ทำกับคุณทัตน่าจะดีกว่าที่อื่น อย่างน้อยเราก็คนกันเอง” ได้ยินเช่นนั้นคุณฉัตรฉายก็พอใจ  “ขอบใจเธอมาก… อีกอย่างฉันอยากให้หนูช่วยมาเป็นหูเป็นตาให้ด้วย” กล่าวพลางสบตาสาวน้อยอย่างมีความหวัง ทำให้ทั้งสามหันไปมองหน้ากัน  “มีอะไรหรือเปล่าครับคุณพี่” ประชามองอีกฝ่ายอย่างนึกคลางแคลงใจเป็นที่สุด คุณฉัตรฉายยิ้มนิดๆ พลางบอก “เรื่องนี้คงต้องคุยกันยาว เอาเป็นว่าแล้วฉันจะเล่าให้พวกเธอฟังก็แล้วกัน ว่าแต่จะอยู่กันนานหรือเปล่าล่ะ”  “วันนี้ทั้งวันเลยค่ะถ้าคุณพี่ไม่รำคาญเสียก่อน” เดือนเต็มตอบพร้อมรอยยิ้มเต็มหน้า ทำให้คุณฉัตรฉายมองอย่างพอใจยิ่ง “ดีจริง! เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเราไปคุยกันที่เรือนโน้นดีกว่า ที่นั่นเป็นส่วนตัวดี” เอ่ยพลางหันไปสั่งความสาวใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก “นี่พวกหล่อน เตรียมของว่างมาต้อนรับคุณๆ ฉันจะไปนั่งที่นั่น”  ไม่นานนัก ทั้งหมดจึงได้รับรู้เรื่องราวภายในบ้านของคุณฉัตรฉายตามที่ท่านบอกเล่า ทั้งเดือนเต็มและประชาต่างเห็นใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อรับรู้ว่าบุตรสาวอาจต้องพบกับอะไรเมื่อไปทำงานกับฉันท์ทัต… “แหม… แบบนี้จะดีหรือคะคุณพี่ ถ้าคุณทัตเธอโกรธขึ้นมา ยัยกรจะทำอย่างไรล่ะคะ” “เธอไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกแม่เดือน” คุณฉัตรฉายปรายตามองยิ้มๆ “ให้ยัยกรมาอยู่กับฉันเสียที่นี่ เป็นเด็กของฉัน รับรองว่าตาทัตไม่กล้าทำอะไรแน่ เขาอาจไม่สนใจด้วยซ้ำ หนูก็เหมือนกันนะลูก ไม่ต้องกลัวพี่เขาหรอก แค่คอยเป็นหูเป็นตาให้ป้า ป้องกันไม่ให้แม่ผู้หญิงข้างถนนนั่นมันจับตาทัตได้ก็พอ” กันยกรพูดไม่ออก หญิงสาวไม่สบายใจนับแต่รู้เรื่องราว แต่จะขัดคำร้องขอของอีกฝ่ายก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เพราะคุณฉัตรฉายมีบุญคุณกับครอบครัวของหล่อน ท่านเคยช่วยเหลือมารดาเมื่อยามลำบาก และช่วยเหลือกันมาตลอดจนหล่อนเรียนจบ  “ว่ายังไง แต่ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไร ฉันคงต้องหาคนอื่น แล้วก็ไม่รู้จะไว้ใจได้หรือเปล่า เฮ้อ ฉันมันคนมีกรรม มีลูกก็ไม่ได้ดั่งใจ หนำซ้ำยังมีแต่ปลิงมาเกาะเต็มไปหมด นี่ก็ไม่รู้หมดไปเท่าไรแล้ว”  เปรยราวตัดพ้อในโชคชะตา สีหน้าหม่นหมอง แสดงความกลัดกลุ้มออกมาเต็มใบหน้า ทำให้ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกต่างสบตากันอย่างไม่สบายใจ ทั้งเห็นใจและรู้สึกอึดอัดไปในคราวเดียวกัน แต่แล้วเดือนเต็มก็ตัดสินใจฉับพลัน…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD