พลั่ก!
“โอ๊ยยัยบ้า! ถีบฉันอีกแล้วนะเว้ย!!” ซีเคร็ทเสียหลักถอยไปด้านหลังเมื่อโดนฝ่าเท้าฉันยันเป็นรอบที่สองของวัน เขากุมท้องตัวเองด้วยสีหน้าเหยเกสุด ๆ คงจะจุกไม่น้อยเลยล่ะ!
“เฮ้ยใจเย็นเฮีย!” รันเวย์ตรงเข้าไปรั้งตัวซีเคร็ทที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาหาฉันด้วยความรวดเร็ว อิงฟ้ารีบวิ่งเข้ามาจับแขนฉันอีกคนเพื่อพยายามรั้งไม่ให้ฉันเข้าไปกระทืบไอ้เวรนั่นอีกรอบ
ไอ้สารเลวนั่นกล้าดียังไงถึงใช้สายตาทุเรศ ๆ นั่นมองร่างกายฉัน แถมยังพูดจาต่ำ ๆ นั่นกับฉันด้วย ชักจะลองของมากเกินไปแล้ว! ถึงหมอนั่นจะเป็นผู้ชายแต่ฉันก็ไม่เคยเกรงกลัวนะเว้ย!
คนอย่างจินโทนิคน่ะ… ไม่แน่จริงคงอยู่มาถึงป่านนี้ไม่ได้หรอก!
“อิงฟ้า ปล่อยพี่”
“ปล่อยกูไอ้เวร!”
เสียงฉันกับหมอนั่นตะโกนแข่งกันดังก้องไปทั่วบริเวณใต้ตึกคณะ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นข่าวใหญ่แน่ ๆ ที่บุคคลอันตรายที่สุดในมหาวิทยาลัยทั้งสองคนกำลังปะทะกันแบบนี้ นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในรอบสามปี เพราะตั้งแต่ฉันกับรัมรับตำแหน่งเวร ๆ นี่ พวกเราก็ไม่เคยปะทะกันแบบนี้เลยสักครั้ง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันมาโดยตลอด ส่วนมากจะมีปัญหากับคนอื่นนอกมหาวิทยาลัยซะมากกว่า
แต่กับหมอนี่… ไอ้รัฟเฟียนเวรนี่น่ะ! มันน่ากระทืบอย่างสุดซึ้งจริง ๆ!
“อย่ามีเรื่องเลยนะพี่จิน มันผิดกฎนะคะ” อิงฟ้าพยายามเกลี้ยกล่อมฉันเสียงเบา สีหน้าเธอกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ฟ้าขอร้องนะคะพี่จิน”
ฉันถอนหายใจก่อนจะปรายตามองซีเคร็ทที่จ้องฉันด้วยสายตาแค้นเคืองสุด ๆ หมอนั่นยังถูกรันเวย์ล็อกแขนเอาไว้จากด้านหลัง ฉันจึงเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นจนระยะห่างของพวกเราลดลงเรื่อย ๆ รู้สึกถึงแรงบีบแขนจากอิงฟ้าที่เดินขนานข้างตามมาด้วย
ไหน ๆ ก็เจอตัวล่ะ! ขอสั่งสอนสักหน่อยเหอะ!
“รัฟเฟียน… ตำแหน่งนี้น่ะไม่ได้มีไว้ให้ทำตัวเลว ๆ สมกับตำแหน่งหรอกนะ แต่มันมีไว้เพื่อควบคุมทุกคนให้เกรงกลัว”
“...”
“ทำตัวให้คนเขากลัวไม่ใช่ทำตัวให้คนเขาเกลียดอย่างที่นายกำลังทำอยู่ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว อย่าให้ต้องมาสั่งสอนนัก เข้าใจ?” ฉันตบไหล่ซีเคร็ทสองสามทีหลังจากสั่งสอนเขาเสร็จ ดูเหมือนหมอนั่นจะอึ้งไม่น้อยทีเดียว แต่ก็ช่างเถอะ! ฉันจะถือซะว่าฉันมาตักเตือนหมอนี่ตามที่รับปากกับเตกีล่าแล้วก็แล้วกันนะ ที่เหลือหมอนี่จะเชื่อฟังหรือไม่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉันอีกแล้ว!
“เธอ… เฮ้ยเดี๋ยว! เมื่อกี้เธอสั่งสอนฉันเหรอวะ? ยัย… หึ้ย! ฝากไว้ก่อนนะโว้ย! ยัยโหดจินโทนิค!!”
ฉันเดินออกมาจากตึกโดยมีเสียงโวยวายจากซีเคร็ทตะโกนตามหลังมา หมอนั่นคงจะแค้นฉันไม่น้อยเลยล่ะ ฮึ!
ฝากไว้ก่อนงั้นเหรอ… ถ้าคิดว่าจะเอาคืนฉันได้ก็ลองดู!!
.
.
.
“ตามหาเด็กคนนั้นเจอแล้วครับนายท่าน” เสียงลูกน้องคนสนิทก้มหน้ารายงานข้อมูลภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ ร่างสูงในชุดสูทสีดำดึงบุหรี่ออกจากปากก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าลูกน้องตัวเองด้วยสายตาดุดัน
“ว่าไงนะ… ตามหายัยเด็กนั่นเจอแล้วอย่างนั้นเหรอ?”
“ครับนาย ตอนนี้เธอเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย GBAC ครับ”
“แล้วพวกแกรอช้าอะไรวะ! ทำไมไม่ไปฆ่ามันซะ!!”
นายท่านผู้ทรงอำนาจตวาดเสียงกร้าว มือทั้งสองข้างสั่นเทาด้วยความหวาดหวั่น ไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตรอดมาได้สิบห้าปีโดยที่เขาตามหาตัวไม่เจอ
“ทะ…ทำแบบนั้นไม่ได้ครับท่าน เธอมีคนคอยติดตามตลอดเวลาเลยครับ” ลูกน้องคนสนิทละล่ำละลักบอกเสียงสั่นเพราะหวาดกลัวอารมณ์รุนแรงของผู้เป็นนายยิ่งนัก
“คนติดตาม?”
“ใช่ครับ เธอเติบโตมาท่ามกลางองค์กรลับครับท่าน ผมสืบทราบมาว่าองค์กรนั้นเป็นของอดีตยากูซ่าที่หลบหนีเข้ามาในเมืองไทยเมื่อสิบห้าปีก่อนครับ”
“อดีตยากูซ่า...” นายท่านเปล่งเสียงแหบพร่าพลางทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้บุนวมเนื้อดี คาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาสิบห้าปีแล้ว “เป็นไปไม่ได้…”
เด็กคนนั้นรอดชีวิตเพราะการช่วยเหลือของพวกยากูซ่าอย่างนั้นเหรอ แก๊งยากูซ่าที่หลบหนีเมื่อสิบห้าปีก่อน…
ตระกูลยามะงุจิ… ตระกูลของผู้หญิงคนนั้น…
“ยามะงุจิ ฮานะ…”
.
.
.
องค์กรยามะงุจิ
ร่างผอมบางในชุดยูคาตะยืนไพล่หลังท่ามกลางสายตาผู้ชายนับสิบชีวิตที่กำลังนั่งคุกเข่าบนพื้นเพื่อรอรับคำสั่งจากผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ท่านยามะงุจิ เคซึเกะ ประมุขใหญ่ขององค์กรลับแห่งนี้กวาดสายตามองทุกคนด้วยสายตาเรียบนิ่ง หากทว่าทรงอำนาจอย่างน่าเกรงขาม
“หลานสาวฉันเป็นยังไงบ้าง”
“คุณหนูใช้ชีวิตปกติสุขดีครับท่าน ช่วงนี้ยังไม่ได้ทำอะไรสุ่มเสี่ยงอย่างที่ผ่านมาเลยครับ” ไดกิ มือหนึ่งขององค์กรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาคือผู้ติดตามชั้นดีที่เคซึเกะเชื่อใจมากที่สุด
ความจริงทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ต่างมีฝีมือกันทุกคน เพราะได้รับการฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก เคซึเกะรับเด็กกำพร้าเหล่านี้มาชุบเลี้ยงและฝึกฝนให้กลายเป็นผู้ติดตามและบอดี้การ์ดชั้นยอดเพื่อเตรียมรับมือกับกลุ่มคนชั่วร้ายที่พยายามตามล่าแก้วตาดวงใจของเขามาหลายสิบปี และในไม่ช้าไม่นานนี้เขามั่นใจว่าคนเหล่านั้นจะต้องปรากฏตัวขึ้นแน่ ๆ ถ้าพวกมันสืบรู้ว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่…
เด็กน้อยวัยเจ็ดขวบที่ถูกพวกสารเลวนั่นพยายามฆ่าทิ้งเมื่อสิบห้าปีก่อน…
“อืม… ฉันฝากนายด้วยนะไดกิ อย่าให้หลานฉันมีอันตรายแม้แต่ปลายเล็บ” เคซึเกะสั่งเสียงเข้ม เขาไม่มีทางยอมให้ดวงใจของเขาต้องเจ็บปวดอีกเป็นอันขาด หากใครกล้าทำร้ายเธอ… มันผู้นั้นจะต้องไม่เหลือแม้แต่เงาหัว เขาพร้อมที่จะฆ่ามันทุกคนแน่นอน!
เพราะการฆ่า… มันคือวิถีของยากูซ่า!
“ครับท่าน ผมจะปกป้องคุณหนูด้วยชีวิตของผมครับ”