เพลงพิณ ยามะงุจิ…
ผมละสายตาขึ้นจากแผ่นกระดาษในมือ รู้สึกภายในหัวใจมันร้อนรุ่มแปลก ๆ เมื่อได้อ่านชื่อจริงของจินโทนิค
มันน่าแปลกมาก… แปลกที่ชื่อของยัยโหดนั่นคล้ายกับชื่อของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ยังคงอยู่ในความทรงจำผมมาตลอดสิบกว่าปี
เพลงพิณ… เด็กน้อยหน้าตาน่ารักแสนขี้แยที่ชอบมายืนร้องไห้ให้ผมปลอบอยู่เป็นประจำ
“บ้าน่าไอ้น่าน… ยัยโหดนั่นไม่ทางเป็นเด็กคนนั้นหรอก” ผมบ่นกับตัวเองเบา ๆ แล้ววางประวัติของจินโทนิคลงบนที่นอนก่อนขยับตัวปิดไฟและล้มตัวลงนอน ในหัวก็เอาแต่คิดถึงเรื่องในอดีตจนแทบจะบ้า ทำไมอยู่ดี ๆ ผมต้องคิดถึงเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วย…
คนที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว…
.
.
.
สิบห้าปีก่อน…
‘พี่น่าน… ฮึก’
‘เป็นอะไรน้องเพลง? ร้องไห้ทำไม?’ ผมวางดินสอลงบนสมุดการบ้านก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะหินอ่อนในสวนหน้าบ้านของตัวเองแล้วเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่มายืนร้องไห้อยู่ข้างรั้วที่กั้นระหว่างบ้านผมกับเธอ
‘คุณ… ฮึก… แม่ร้องไห้อีกแล้ว…ฮือ’
ผมก้มตัวลงเพื่อรอดทางลับข้างรั้วที่พวกเราแอบทำกันไว้เพื่อจะได้แอบเข้ามาเล่นด้วยกันบ่อย ๆ พอลอดเข้ามายืนด้านข้างเพลงพิณก็เอาแต่ร้องไห้น้ำตาเต็มข้างแก้ม เห็นแล้วมันน่าปกป้องชะมัด…
‘คุณอาอาการทรุดลงหรือยังไงกัน ให้พี่ไปตามคุณพ่อมาช่วยไหม?’ ผมบรรจงเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใสนุ่มนิ่มของเด็กน้อยวัยเพียงเจ็ดขวบ เพลงพิณส่ายหน้าช้า ๆ พลางใช้ดวงตากลมโตที่ชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำตามองผมตาแป๋ว
‘คุณพ่อไม่ได้เป็นอะไร… แต่น้องเพลงเห็นคุณแม่แอบมานั่งร้องไห้ค่ะ ฮึก… น้องเพลงสงสารคุณแม่…’
‘โอ๋ ๆ ไม่เป็นไรนะ น้องเพลงไม่ต้องกลัวนะ พี่จะปกป้องน้องเพลงเอง อย่าร้องไห้นะครับ’ ผมลูบเรือนผมสีดำขลับของเพลงพิณด้วยหัวใจสั่นไหว จะว่าผมแก่แดดก็ได้นะ… เพราะผมมีรักครั้งแรกตอนอายุแปดขวบ
ผมรักเด็กผู้หญิงที่น่าปกป้องคนนี้
เพลงพิณ…
.
.
.
ร่างสูงในชุดนักศึกษาถูกระเบียบก้าวเข้ามาภายในห้องของฝ่ายกฎระเบียบหรือที่หลายคนเรียกกันว่าห้องโฟร์เบียร์ ทันทีที่เข้าก้าวเข้ามาก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้หญิงทั้งสามคนที่กำลังนั่งคุยกันอย่างออกรส ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบเพราะยังงุนงงว่าทำไมเขาถึงเข้ามาโดยไม่เคาะประตูสักนิด
“มีอะไรหรือเปล่ามาติน?” ลิเคียว สาวสวยผู้อัธยาศัยดีเป็นฝ่ายไถ่ถามขึ้นมาก่อน ด้วยเพราะเธอกับเขามีตำแหน่งคู่กันจึงไม่แปลกที่ทั้งคู่จะรู้จักกันพอสมควร มาตินี่ยกยิ้มด้วยความเก้อเขินหน่อย ๆ เพราะเขาเองก็ค่อยมีโอกาสได้เจอสี่สาวโฟร์เบียร์พร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้บ่อย ๆ เขาเชื่อแล้วว่าที่ใคร ๆ ก็ขนานนามให้กับสาว ๆ กลุ่มนี้ว่าเสน่ห์ล้นเหลือทั้งกลุ่มมันเป็นเรื่องจริงอย่างไร้ข้อโต้แย้งเลยล่ะ
“เอ่อ… ผมมาหาจินโทนิคน่ะครับ” สายตาคมโฟกัสไปทางสาวสวยเจ้าของใบหน้าเย็นชาที่นั่งอยู่มุมห้องโดยไม่ได้หันมาสนใจเขาผู้มาใหม่สักนิด จินโทนิคยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือในมืออย่างไม่ลดละ ผิดกับสามสาวในห้องที่มองหน้ากันไปมาราวกับแปลกใจว่าทำไมมาตินี่ถึงมาหายัยจอมโหดของพวกเธอได้
“ไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะคู่นี้” เตกีล่าถามด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แถมยังปรายตามองมาตินี่เหมือนไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ อย่าคิดว่าเธอมองไม่ออกนะว่าสายตาที่เขาใช้มองเพื่อนสาวของเธอน่ะมันธรรมดาซะที่ไหนกัน ผู้ชายคนนี้กำลังคิดไม่ซื่อกับเพื่อนรักของเธอแน่ ๆ
“นั่นน่ะสิ… มีธุระด่วนหรือเปล่า? เหมือนยัยจินจะไม่ค่อยสนใจนายสักเท่าไหร่นะ” อนิซเหลือบดวงตาหวานไปทางเพื่อนรักที่ยังคงนั่งอ่านหนังสือนิ่งโดยไม่สนใจคนที่มาหาสักนิด
บางทียัยนี่ก็เย็นชาเกินไปนะ… เธอคิดพลางขมวดคิ้วใส่เพื่อนตัวเองหน่อย ๆ
“คือ… ฉันมีข้อมูลเกี่ยวกับรัฟเฟียนคนเก่ามาบอกน่ะ”
พรึ่บ!
“ว่าไงนะ? ได้ข้อมูลเพิ่มแล้วงั้นเหรอ?”
ทันทีที่ได้ยินจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของมาตินี่ จินโทนิคที่นั่งนิ่งไม่สนใจเขาก็รีบปิดหนังสือในมือพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่มอง ยังมีสาว ๆ อีกสามคนที่มองหน้าเขาด้วยความอยากรู้ไม่ต่างกัน มาตินี่ใช้รอยยิ้มที่ใคร ๆ ต่างก็เรียกมันว่า God Smile ซึ่งจินโทนิคเองก็พอจะรู้ว่าทำไมเขาถึงเอาแต่ยืนเงียบไม่ยอมพูดเรื่องสำคัญนั่นสักที เธอเหลือบตามองเพื่อนรักทั้งสามที่นั่งจ้องหน้ามาตินี่อย่างรอคอยก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปทางประตูห้อง
“งั้นไปคุยกันที่อื่น”
“อ้าวยัยจิน! ทำไมต้องไปที่อื่น?” อนิซทักก่อนคนแรก
“เออนั่นดิ! อยากรู้เหมือนกันนะเว้ย!” ตามด้วยน้ำเสียงขัดใจของเตกีล่า
“อุตส่าห์ตั้งใจฟังอ่ะ โธ่!” ลิเคียวบ่นอุบปิดท้ายอีกคน
“จัดการหน้าที่พวกแกกันก่อนเหอะน่า… เรื่องนี้ฉันจัดการเอง” จินโทนิคบอกเพื่อนเสียงเหนื่อย ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้เพื่อนรักทั้งสามนั่งมองหน้ากันไปมาด้วยความเซ็งจัด
“เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับเพื่อนนะยัยจิน”
“แกก็ด้วยอนิซ ไม่ต้องไปบ่นมันเลย” เตกีล่ามองอนิซด้วยสายตาจับผิดทำให้คนถูกจ้องรีบลุกขึ้นยืนแทบจะในทันที ลิเคียวอมยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำกับท่าทางเหมือนเด็กกำลังปกปิดความผิดของอนิซ
“ขำอะไรลิค เดี๋ยวเถอะ!”
“ก็เปล่า… คิก”
อนิซทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอีกคน ทิ้งให้สองสาวพากันมองตามเพื่อนทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด รู้สึกเหมือนช่วงนี้ทุกคนจะมีความลับกันหมดสินะ ไม่ว่าจะเป็นสองคนนั้นหรือสองคนนี้...