“เจ็บ… มันเจ็บ” เสียงแหบแห้งเอ่ยขณะนอนกำมือแน่น สองตากลมมีหยาดน้ำใสไหลออกมาไม่หยุด “คุณ บะ เบาหน่อย”
ฟู่วว!
ลมหายใจร้อน ๆ พ่นออกมาขณะใบหน้าคมบิดเบี้ยวไม่ต่างกับคนที่นอนอยู่ ช่องทางคับแคบที่แทรกตัวเข้าไปได้ทำให้ชีคหนุ่มหายใจติดขัด ความอ่อนนุ่มปนอุ่นแต่แรงบีบรัดไม่ธรรมดาทำให้ยากจะขยับกาย หากถอนออกก็คล้ายจะขาด หากขยับเข้าก็แน่นหนึบจวนจะขาดใจ
“เธอ… ซี๊ดด” กลีบปากหนาเม้มกันแน่นเมื่อสะโพกสอบเริ่มโยกเบา ๆ มือสองข้างกำต้นขาอ่อนของคนตรงหน้าไว้ หลุบตาลงมองแก่นกายร้อนผ่าวที่กำลังเคลื่อนตัวผ่านช่องแคบชื้นแฉะด้วยความพอใจ มองของเหลวสีแดงปนใสไหลอาบกายแกร่งแล้วอารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน พอสะโพกสอบเริ่มโยกถี่ขึ้น ช่องทางคับแคบก็ยิ่งลื่นชื้นราวกับว่าคนตรงหน้าปรับตัวได้แล้ว
“อ๊าา” กายบางแอ่นขึ้นเมื่อความเสียวซ่านเข้ามาแทนความเจ็บปวดก่อนหน้า สองขาเรียวที่เคยสั่นเกร็งจนปวดหนึบตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลง “…จะจบตอนไหนคะ” คำถามนี้ทำชีคหนุ่มแค่นขำออกมา
“ฉันเพิ่งเริ่ม สโรชา”
ปึก!
“อ๊าา” เสียงครางกระเส่าของร่างน้อยดังสลับกับเสียงคำรามของชีคหนุ่ม จังหวะเอวสอบที่ขยับโยกไปมาถี่ ๆ เกิดเป็นเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องห้อง ยิ่งสโรชาร้องครางดังขึ้นเท่าไร หัวใจแกร่งก็เต้นโครมครามไม่หยุด ยิ่งจ้องมองดวงหน้าน้อยที่บิดเบี้ยวราวกับทรมาน มองคิ้วเรียวที่ย่นชนกันราวกับกำลังอดทน ก็ยิ่งปลุกเร้าอารมณ์กระสันของเขาให้เพิ่มมากขึ้น
“คุณ… ตรงนั้นมัน…” ดวงตากลมมีแพขนตาเปียกชุ่มมองเจ้าของกายแกร่งที่ขยับโยกตัวเข้าหาในจังหวะถี่รัว “ตรงนั้นมันรู้สึกแปลก ๆ”
“ตรงนี้หรือเปล่า” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามพร้อมช้อนตามองร่างอรชรเบื้องหน้า สะโพกสอบผ่อนจังหวะให้เบาลงแล้วใช้นิ้วใหญ่บดขยี้ทับทิมเม็ดงามกลางหว่างขาสาวแรง ๆ “ตรงนี้ใช่ไหม”
“อ๊ะ อ๊าา ไม่เอา” คราวนี้ร่างน้อยบิดเร่าไปมาด้วยความเสียวซ่าน จุดอ่อนไหวที่ถูกนิ้วมือใหญ่กระตุ้นทำให้หยาดน้ำหวานเริ่มไหลออกมา ทั้งแรงตอดรัดของช่องทางคับแคบก็ตอบสนองรุนแรงขึ้น จนกายแกร่งที่แช่ตัวอยู่ทนไม่ไหวต้องเริ่มขยับ
ปึก!
“อื้อ!” เอวสอบกระแทกเข้าหากายสาวถี่ ๆ ขณะมือข้างหนึ่งยังคงบดขยี้ทับทิมเม็ดน้อยรุนแรง
“อ๊าสส!” ชีคหนุ่มเปล่งเสียงคำรามออกมาติด ๆ ยามที่ช่องแคบตอดรัดกายแกร่ง ทั้งพึมพำในลำคอหนายามที่ร่างกายกระตุกเกร็ง และขบเม้มปากยามที่สองขาเรียวกอดเกี่ยวเอวเขาแน่นขึ้น
“พะ พอแล้ว ไม่ไหวแล้ว” เสียงแหบแห้งร้องบอกเมื่อร่างกายกระตุกเกร็งไปแล้วหลายครั้ง
“ขอแรงกว่านี้แล้วจะพอ” ชีคหนุ่มโน้มตัวลงไปกระซิบข้างใบหูเล็กก่อนจะตวัดลิ้นสากหยาบชื้นไปตามติ่งหู ขบเม้มเนื้อนิ่มเบา ๆ จนร่างน้อยเสียววาบ
“ลุกขึ้น” เสียงทุ้มบอกขณะกดปลายจมูกคมลงบนแก้มเนียนข้างหนึ่งแล้วกระตุกสองแขนเรียวเบา ๆ สโรชารีบโอบกอดรอบคอหนาเอาไว้เมื่อคนตรงหน้าอุ้มกระเตงเธอลงจากโต๊ะทำงาน
“อ๊ะ” แต่ทันทีที่สองเท้าแตะพื้น ความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่ต้นขาและกึ่งกลางกาย แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว คนตรงหน้าก็หมุนตัวเธอให้หันหน้าเข้ากับโต๊ะทำงานแล้วกดแผ่นหลังลง “ทำอะไรคะ”
“ที่ถามนี่ไม่รู้จริง ๆ เหรอ” เสียงดุว่าแล้วใช้เท้าเขี่ยรองเท้าส้นเข็มที่กองอยู่กับพื้นเข้ามาใกล้ ๆ สองเท้าเรียว “สวมรองเท้าซะ ความสูงมันไม่ถึง”
ปึก!
“อื้อ! ดะ เดี๋ยวก่อน อ๊าา” ปากบอกว่าความสูงมันไม่ถึงแต่ด้านหลังกลับแทรกเข้ามาแบบไม่บอกกล่าว สโรชาพยายามทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นเข็มขณะฟุบหน้าลงกับขอบโต๊ะทำงาน ปล่อยให้คนด้านหลังปลดปล่อยพลังเข้ามาไม่หยุด
“อ๊าสส” เสียงคำรามของชีคหนุ่มดังขึ้นถี่ ๆ เมื่ออยู่ในท่วงท่าที่กายแกร่งเข้าไปได้ลึก สะโพกสอบโยกเร็วขึ้นเป็นจังหวะถี่รัว ความเสียวซ่านปนเจ็บแปลบเริ่มเล่นงานสโรชาอีกครั้ง สาวน้อยเปล่งเสียงครางออกมาอย่างไม่อายเหมือนก่อนหน้า ปลดปล่อยอารมณ์ที่เคยอดกลั้นให้ล่องลอยไปพร้อมเขา
“คุณ… อ๊าา” มือใหญ่สองข้างบีบเคล้นบั้นท้ายงามรุนแรงจนเกิดเป็นรอยแดงก่ำ ขณะเดียวกันสะโพกสอบก็อัดกระแทกเข้ามาไม่ยั้ง ยิ่งช่วงล่างของเธอหลั่งน้ำหวานสีใสออกมามากเท่าไร ความลื่นชื้นก็ทำให้กายแกร่งขยับโยกได้ถี่รัวมากขึ้นและถนัดขึ้นมากเท่านั้น
“อ๊าสส!” เสียงคำรามของชีคหนุ่มดังออกไปถึงด้านนอก จนบอดี้การ์ดที่ยืนคุ้มกันอยู่เสียสมาธิไปครู่หนึ่ง ปกติแล้วไม่มีหญิงสาวคนไหนทำให้เจ้านายของพวกเขาร้องครางได้ดังขนาดนี้มาก่อน
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะ แบบนี้มัน...” ปึก! “อื้อ!” ประโยคคำพูดแปรเปลี่ยนเป็นเสียงร้องครางเมื่อขาข้างหนึ่งถูกมือใหญ่ยกขึ้นไปพาดบนบ่าแกร่งเอาไว้ ท่วงท่านี้ทำให้สโรชาหายใจติดขัดและร้องไม่ออก ใบหน้าหวานฟุบลงบนขอบโต๊ะทำงานขณะด้านหลังถูกใครบางคนรุกล้ำเข้ามาไม่หยุด
“ขอแรงกว่านี้แล้วจะหยุด” เสียงแหบพร่าเอ่ยเมื่อรู้สึกได้ว่ากายบางไม่ไหวแล้ว “ขอแรงกว่านี้ สโรชา” ว่าแล้วก็เร่งจังหวะสะโพกให้เร็วขึ้นและหนักหน่วงขึ้นกว่าทุกครั้ง กอดรัดเรียวขาที่พาดบนบ่าไว้แน่น ยามที่ร่างน้อยสั่นเกร็งก็กดจูบลงบนต้นขาข้างนั้นแล้วกระหน่ำจังหวะให้ถี่ขึ้นรัว ๆ
ปึก ปึก ปึก!
“อ๊ะ อ๊าา คุณ…”
ปึก ปึก ปึก!
“คุณ อ๊ะ อ๊าา มะ ไม่ไหวแล้ว…”
“เรียกชื่อฉันสิ ถ้าอยากให้จบเร็ว ๆ”
“อะ อาซิซ อ๊าา”
“เรียกอีก อ๊าสส”
เสียงหอบปนแห้งดังสลับกับเสียงกระแทกของผิวเนื้อนับครั้งไม่ถ้วน ยิ่งเรียวปากสวยเอื้อนเอ่ยชื่อเขา ความหื่นกระหายก็เพิ่มมากขึ้น
“เรียกอีก”
“อาซิซ”
ปึก ปึก ปึก
“อ๊าสส” จังหวะหนักหน่วงที่โหมกระหน่ำจนไม่รู้จะจบลงตรงไหน จนในที่สุดก็ผ่อนแรงลงเมื่อชีคหนุ่มไปถึงขอบสวรรค์ วงแขนแกร่งปล่อยเรียวขาบนบ่าให้เป็นอิสระ ทว่าสโรชากลับทรงตัวไม่อยู่จนคนตัวใหญ่กว่าต้องประคองไว้
“ต้องไปซื้อเสื้อ” ประโยคแรกที่สโรชาเอ่ยหลังจบภารกิจทำให้เจ้าของวงแขนถอนหายใจ
“รู้แล้ว”
“ต้องไปซื้อเดี๋ยวนี้ค่ะ ไม่งั้นฉันจะใส่อะไรกลับบ้าน” ดวงตากลมค่อย ๆ ปรือขึ้นจ้องมองใบหน้าคมคายของคนที่กำลังอุ้มเธอไปยังประตูลับ
“เดี๋ยวสั่งคนไปซื้อให้” ดวงตาคมกริบจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของคนในอ้อมแขนขณะแตะหนังสือเล่มหนึ่งบนชั้นวางชั้นล่างสุด พลันนั้นชั้นหนังสือก็ค่อย ๆ เคลื่อนออกจากกัน เผยให้เห็นอีกด้านที่เป็นห้องนอนขนาดใหญ่
“ฉันอยู่ในห้องนี้ได้นานแค่ไหนคะ” คนที่ถูกวางบนเตียงเอ่ยถามขณะพยุงตัวลุกขึ้น ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบห้องนอนที่ตกแต่งอย่างหรูหราและเป็นโทนสีเดียวกับห้องทำงาน ไม่คิดว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้มานอนบนเตียงของผู้ชายที่เพิ่งรู้จัก
“แล้วแต่เธอ” เขาตอบขณะล้มตัวลงนอนข้างกัน
“จะทำอีกเหรอคะ” ร่างเล็กสะดุ้งโหยงพลางขยับตัวหนี ไม่คิดว่าเจ้าของห้องจะขึ้นมานอนด้วย
“แล้วเธอไหวไหมล่ะ” ดวงตามีเลศนัยมองมาทำให้สโรชารีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้
“จะบ้าเหรอคะ แค่นี้ฉันก็จะจับไข้อยู่แล้ว”
“ถ้างั้นก็นอนเงียบ ๆ”
“คุณจะนอนเฉย ๆ ใช่ไหม”
“อาซิซ”
“คะ?”
“ต่อไปให้เรียกแบบนั้น”
“…พรีมค่ะ” ถึงจะชะงักไปเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องแบบนั้นจากปากของเขา แต่พอตั้งสติได้ก็รีบพูดเรื่องของตัวเองบ้าง “ชื่อเล่นชื่อพรีมค่ะ” คนตาแป๋วหันตะแคงข้างมองร่างใหญ่ที่หันมาสบตาด้วย
“อือ”