“ฉันถามว่าเธอทำไปทำไม!”
“ไม่คิดว่าฉันแค่หลงรักคุณเหรอคะ”
“หลงรักฉันเหรอ หึ คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะไม่กล้าฆ่าเธอรึไง”
ทันทีที่ปืนถูกชักออกจากสูทตัวสวย ปลายกระบอกปืนก็หันมาที่หญิงสาว เธอจรดหน้าผากตนเองกับปลายกระบอกปืนพลางช้อนตามองใหญ่ตระการ
นัยน์ตาที่เคยเฉยชาสั่นระริก
“ได้โปรดฆ่าฉันทีค่ะ”
“ใจกล้าดีจริง ๆ นะ” ใหญ่ตระการแสยะยิ้มอย่างชอบใจ หากแต่เมื่อเอียงศีรษะสบกับดวงตาคู่สวย สายตาเธอราวกับรอเวลาที่ลูกปืนจะแล่นเข้าไปในศีรษะที่เขาใช้ยึดในตอนปล้นลมหายใจ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นี้มันกำลังปั่นป่วนอารมณ์เขา
ไม่มีความกลัวในสายตาคู่นั้น
ราวกับรอให้เขาฆ่าเธอจริง ๆ
กริ๊ก!
มือของใหญ่ตระการสั่นเล็กน้อย
“คิดว่าฉันจะไม่กล้าฆ่าเธอรึไง”
“ฉันหวังว่าคุณจะกล้าต่างหาก คุณเป็นคนเดียวที่จะฆ่าฉันได้นี่คะ”
ปัง!!!
เฮือกกก
เสียงหยุดหายใจของเหล่าบอดีการ์ดดังขึ้น ยกเว้นเกวลินทร์ที่ทำเพียงหลับตาลง ภาวนาว่าช่วงเวลาเจ็บปวดจะไม่นานนัก
ลูกตะกั่วร้อนถากผ่านต้นคอ ตัดช่อผมให้ร่วงลงพื้น เลือดสีแดงสดผุดออกจากรอยถลอกบนผิวสวยเป็นเม็ดเล็ก แล้วรวมเป็นหยดไหลลงเป็นทางยาว
ยังไม่ตาย...
เกวลินทร์ตัวสั่นเทารู้สึกว่าหูเธออื้ออึงไปข้างหนึ่ง ความเจ็บปวดเรียกให้เธอลืมตาขึ้นสบกับดวงตาเย็นชาของเขา
เสี้ยวหนึ่งมีระลอกคลื่นสั่นระริกอยู่ในนัยน์ตาคู่นั้น
กวางน้อยของใหญ่ตระการยังตัวสั่นระริก ชายหนุ่มหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าสูทวางลงบนแผล ใช้มือกดกำมันแนบลำคอระหงแน่นจนเธอแทบขาดอากาศหายใจ
“อึก แคก ๆ”
หายใจไม่ออก...ปลายเท้าเล็กตะเกียกตะกายไปบนพื้นเฉอะแฉะ
“พอความตายมาถึงทำไมถึงดิ้นรนล่ะ กล้าดียังไงมาใช้ฉันเป็นเครื่องมือฆ่าตัวตาย”
“...”
“นอนกับฉันเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องทำก่อนตายด้วยรึไง”
“...” สมองของเธอเบลอเกินกว่าจะคิดคำตอบ ลมหายใจหอบกระเส่า ทำได้เพียงพึมพำตอบกลับแผ่วเบา “ฉันไม่...รู้”
“มีหมาจรจัดอีกหลายตัวที่อยากมีชีวิตอยู่ ตะเกียกตะกายเพื่ออยู่รอด แต่คุณหนูอยู่สุขสบายที่ใส่เสื้อผ้าราคาแพงกว่าทองอย่างเธอกลับมาขอความตายงั้นเหรอ” คนที่เคยเก็บขนมปังที่ถูกเหยียบจนบี้แบนเต็มไปด้วยเศษหินกินประทังชีวิตอย่างเขาได้แต่หัวเราะ
“ชีวิตเธอมีอะไรเศร้านักหนา”
ในตอนนั้นเขากินไปร้องไห้ไป อ้อนวอนต่อฟ้าดินขอให้ตัวเองได้อยู่รอด แต่คนตรงหน้ากลับยอมทิ้งชีวิตง่าย ๆ
“แต่ฉันไม่อยากดิ้นรนอีกแล้ว ฉันแค่...อยากตาย”
“เอาตัวกลับไปส่งพวกมัน บอกว่าถ้าคุมคนของตัวเองไม่อยู่คราวหน้าฉันจะส่งกลับไปแค่ร่างไร้วิญญาณ” ใหญ่ตระการถอนหายใจเฮือก หันไปสั่งลูกน้อง สายตาคมกริบมองปราดไปยังคนด้านหลังสี่ห้าคนที่เริ่มขยับตัวอย่างอึดอัด
เกวลินทร์เหม่อลอยกับสิ่งที่ได้ฟัง ความเจ็บที่ข้อมือและลำคอทำให้หญิงสาวร้องไห้ออกมา
“ไม่นะคะ ฉันไม่อยากกลับไป ขอร้อง...”
ทิ้งตัวลงกับพื้นก่อนจะปล่อยสติให้ดับวูบ
“ทำไม...นี่!!!”
ดวงตาคนเย็นชาเบิกกว้างเพียงชั่วครู่ ปลายเท้าที่กำลังสืบเข้าช้อนร่างเล็กก้าวถอยหลัง แล้วหันหลังเดินออกจากประตูไปในทันที มีเพียงเสียงเข้มที่สั่งลูกน้องไล่หลังออกมา
“ยังไงก็เป็นลูกของสิงหราช อย่าหนักมือจะดีกว่า พาขึ้นไปชั้นแปดแล้วตามหมอมา”
“ครับนาย”
‘พี่ไม่ควรมองคนอื่นสิ’
‘อย่า…ปล่อยฉันนะ’
‘พี่เป็นของผมไม่ใช่เหรอ พี่ควรมองแค่ผมสิ ทำไมถึงตกลงแต่งงานกับมันล่ะ’
ริมฝีปากที่เธอขยะแขยงมาตลอดกำลังจะประกบลงมา น้ำตาที่หลั่งริน ร่างกายที่ดิ้นรนจนเหมือนไร้หนทางกำลังถูกครอบครองช้า ๆ ในตอนนั้นเธอดิ้นรน กรีดร้องเหมือนคนไร้สติก่อนจะถูกเขาครอบครองสำเร็จในที่สุด
ชีวิตเธอในชาติที่แล้ว
นางเอกที่ถูกเลี้ยงให้เติบโตมากับพระเอกอย่างแดนสิงห์ พระเอกธงแดงที่ยึดติดกับเกวลินทร์ ก่อนที่เขาจะกักขังเธอไว้ในกรงที่ไม่มีทางออก แต่ในสองบรรทัดสุดท้ายเสียงปืนก็ดังขึ้น เมื่อนางเอกจ่อปืนเข้าที่ขมับและยิงตัวเองปิดฉากนิยายรักต่อหน้าพระเอก
กลายเป็นนิยายโศกนาฏกรรม
ทันทีที่ลูกกระสุนทะลุเข้าสมอง เศษเนื้อและสมองที่สาดกระเด็นไปทั่วกำแพง เธอก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังดำเนินอยู่มันคือนิยายที่ถูกเขียนขึ้น แล้วเธอก็ตื่นมาอีกครั้งในโลกใบเดิม
ครั้งแรกเธอยิงตัวตาย
ครั้งที่สองเธอผูกคอตาย
และครั้งที่สามเธอกินยาฆ่าตัวตาย
แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องย้อนกลับมาในตอนช่วงอายุยี่สิบสี่อยู่ดี ไม่ว่าจะหนีเท่าไหร่ก็ไม่พ้นมือของแดนสิงห์ คราวนี้เธอเลยคิดจะลองตายด้วยฝีมือตัวร้ายอย่างใหญ่ตระการดูบ้าง
มีเพียงความตายที่เธอจะหลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี่
“เฮือกกก ฉันอยากเจอคุณใหญ่ค่ะ” ทันทีที่ลืมตาตื่นขนตาที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาก็กะพริบถี่ ๆ หญิงสาวรีบบอกเจตจำนงของตัวเองทันที ไม่แม้แต่จะคิดด้วยซ้ำว่าเขาจะเป็นใคร
ภูผายกยิ้มให้เธอก่อนจะก้มหัวตอบรับคำขอ
“ผมจะแจ้งนายให้ครับ”
ไม่รู้ทำไมเขาถึงสุภาพกับเธอ เกวลินทร์ขยับเปลือกตา มองห้องพักที่ดูเหมือนจะเป็นห้องรับรองแขกของมหานคร
ถ้าเขาไม่ฆ่าเธอและเธอก็ฆ่าตัวตายไม่ตาย
คงมีทางเดียวคือขอความคุ้มครองจากใหญ่ตระการ
หัวสมองเล็กคิดอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะผล็อยหลับเมื่อเวลาผ่านไปนานหลายชั่วโมง นายใหญ่แห่งมหานครไม่ได้ว่างขนาดที่จะขอพบก็ได้พบ
ใหญ่ตระการก้าวเข้ามาในห้องที่อุดอู้ เขาขยับเนกไทก่อนจะถอดเสื้อสูทออกโยนมันให้ฌอน นั่งไขว่ห้างก่อนจะใช้ปืนเขี่ยใบหน้าสร้างความรำคาญให้เธอ
ใบหน้ายุ่งของคนหลับทำให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
“เธอบอกอยากพบนาย สงสัยจะเผลอหลับไปน่ะครับ” ฌอนเอ่ย
ไม่นานดวงตาคู่สวยก็สะลึมสะลือขึ้น เธอพลิกตัวจนนอนตะแคงอยู่ข้างเตียง โดยมีสายตาของมาเฟียหนุ่มจับจ้องอยู่
“ถ้าหายดีแล้วก็กลับบ้านเธอไปได้แล้ว” พูดแค่นั้นเขาก็ลุกออกไป
หญิงสาวเบิกตากว้าง รีบคว้าชายเสื้อของเขาไว้ทันควัน “แต่งงานกันเถอะค่ะ”
“อะไรนะ” ใหญ่ตระการชักสีหน้า
“ถ้าคุณไม่ฆ่าฉัน เราก็แต่งงานกันเถอะค่ะ คุณเองก็กำลังหาผู้หญิงที่จะอยู่เงียบ ๆ เหมือนตาย เพื่อแต่งงานอยู่ไม่ใช่เหรอคะ ฉันทำได้ค่ะ”
นัยน์ตาสีฟ้ามองใบหน้าหวาน เขาหันกลับมาแล้วยกเข่าวางลงบนเตียงคร่อมสองแขน ใช้สายตาดันเกวลินทร์ลงบนเตียง
ตุบ!
รอยยิ้มเย็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชา “ฉันไม่ค้าขายอะไรที่ขาดทุน”
หญิงสาวเม้มปากแน่น แล้วคว้าต้นคอแกร่งโน้มเขาเข้ามาหา จนเธอได้กลิ่นบุหรี่เย็นจากลมหายใจเขาที่ยังกรุ่น
“แต่ฉันทำได้ทุกอย่างค่ะ”
“หึ พอฟื้นจากความตายแล้วปากเก่งเลยนะ มาดูกันว่าเธอจะทำอะไรได้บ้าง จูบได้รึเปล่า”
“ค่ะ”
“แล้วถ้ามากกว่านั้น” มุมปากเขายกขึ้นจนเกิดรอยยิ้ม ก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อเสียงสั่นของคนที่บอกทำได้ทุกอย่างตอบเขากลับมา
“มะ...หมายถึงกอดเหรอคะ”
“อย่ามาแกล้งโง่ ฉันไม่หลงกล พักผ่อนซะแล้วค่อยมาคุยกัน”