หนีสิงห์ปะเสือ

1345 Words
“ลูกติดแม่บ้านที่เป็นเมียเก็บคุณพ่อ ทำไมถึงได้คิดว่าจะเป็นพี่น้องกับลูกเมียหลวงจริง ๆ ล่ะครับ มันไม่ขำเหรอครับพี่” “ทั้ง ๆ ที่นายยังเรียกฉันว่าพี่น่ะเหรอ” “งั้นจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ ‘เกล’” “ปล่อยฉันนะแดนสิงห์!” เธอหยัดตัวลุกขึ้นทันทีที่เขายอมปล่อย ก่อนจะย่นหน้าเมื่อรู้สึกถึงอาการคลื่นไส้ เพราะกลิ่นน้ำหอมของเขา ลำตัวที่สั่นเล็กน้อยนั่นยิ่งทำให้ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม เขากดริมฝีปากกลั้นขำเอาไว้ หากในใจรู้สึกชาดิกทั้งเอ็นดูทั้งเกลียดเกวลินทร์จนอยากฆ่าให้ตายจริง ๆ แดนสิงห์หัวเราะเบา ๆ ยกมือปาดน้ำตาของหญิงสาวบนใบหน้าตัวเอง ก่อนที่สองเท้าเล็กจะก้าวออกจากห้อง น้ำเสียงสนุกสนานก็รีบเอ่ยเตือนเธอด้วยความจริงใจ “อย่าทำตัวเหมือนอยากตายนักเลยครับพี่ ผมไม่แตะต้องพี่ก็ได้ แต่ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป” “ฉันจะแต่งงานอยู่แล้วแดนสิงห์” “ก็ลองดูสิ เพราะใครที่มันคิดจะเอาพี่ไปจากผม...” “...” “ผมจะฆ่ามันเอง” ปลายเท้าเล็กชะงักก่อนหัวเราะอย่างขมขื่น แต่เมื่อเขาเห็นเธอเงียบไปจึงเท้าคางเอ่ยเตือนเธอใต้รอยยิ้มด้วยความใจเย็น “ต่อให้พี่ตาย ไม่ว่าจะวิญญาณ ศพ หรือแม้แต่เถ้ากระดูกสักเสี้ยว ผมก็ไม่ปล่อยให้พี่เป็นของหมาตัวไหนทั้งนั้น” “งั้นถ้านายแตะต้องฉันเมื่อไหร่ก็เตรียมกอดศพหรือเถ้ากระดูกฉันได้เลย” คนฟังหุบยิ้มลง ใบหน้าดำมืดเหลือบมองเกวลินทร์ทั้งที่นัยน์ตากำลังสั่นไหว “ขู่รุนแรงจังเลยนะครับ” “...” เกวลินทร์กำมือแน่น หัวใจที่ด้านชาสั่นระรัวด้วยความกลัว รู้สึกเย็นยะเยือกจับขั้วหัวใจ “คราวหน้าต่อให้จวนตัวยังไง อย่าใช้ตัวแลกกับเรื่องพวกนี้อีกนะครับ ผมไม่ปลื้มเท่าไหร่ รู้ใช่ไหมว่าถ้าผมไม่พอใจป้าวาดจันทร์จะเจอกับอะไร อย่าทำให้คุณป้าลำบากเลยนะครับพี่” แหวะ!!! น้ำลายเหนียวไหลยืดจากริมฝีปากบางลงอ่างล้างหน้าเป็นสาย น้ำตาเปียกชื้นปนกับน้ำที่ถูกวักขึ้นมาล้างหน้าชะล้างน้ำตาที่หลั่งออกมาไม่จบไม่สิ้น ผู้ชายคนนั้นทำให้เธอพะอืดพะอมแทบบ้า ปัง ๆ ๆ “เกลป่วยอีกแล้วเหรอ เป็นอะไรรึเปล่า” แหวะ! อึก “หนู...หนูไม่เป็นไรค่ะแม่” เสียงตอบกลับแหบพร่าจนวาดจันทร์หน้าเสีย คนเป็นแม่ส่งเสียงเรียกลูกสาวคนเดียวอย่างร้อนใจอีกครั้ง “พรุ่งนี้หยุดงานสักวันไปหาหมอเถอะลูก แม่จะบอกคุณแดนเอง” “อย่านะคะ!” “ทำไมล่ะ...” “หนูไม่เป็นไรค่ะ แม่รีบไปพักผ่อนเถอะค่ะ” หญิงสาวทรุดตัวลงบนพื้นพลางปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างเหนื่อยล้า เพดานห้องน้ำที่ว่างเปล่าดูห่างออกไปไกลเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน “อยากตาย...ชะมัด” ริมฝีปากบางพึมพำก่อนจะฟุบลงบนเข่าของตัวเอง คิดถึงเหตุการณ์คืนนั้นที่ได้เกลือกกลิ้งไปบนเตียง เสียงครางกระเส่าและลมหายใจของเขายังดังอยู่ข้างหู เท่านั้นคนอยากตายก็หน้าแดงก่ำ ในความรุนแรงนั้นเขาก็อ่อนโยนกับเธอมากเหมือนกัน “แม่จะไปคุยกับพ่อเขาเอง ให้พ่อเขาไปคุยกับคุณแดนว่าเลิกใช้งานลูกสักที” นั่นไม่ใช่พ่อเธอจริง ๆ สักหน่อย ถึงแม้ว่าเธอจะเรียกเขาว่าพ่อก็ตาม เกวลินทร์ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “บอกว่าอย่าไงคะ!” คนเป็นแม่ชะงักไปก่อนเอ่ยตอบลูกสาวเสียงอ่อย “งั้นก็ได้ แต่ถ้าเป็นหนักกว่านี้ ลูกต้องยอมไปหาหมอกับแม่นะ แม่ไม่บอกพ่อกับคุณแดนก็ได้ แม่จะพาหนูไปเอง” นัยน์ตาหวานเหลือบมองคนในกระจก ดวงตาแดงก่ำหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง ในเมื่อได้ชีวิตใหม่กลับมาอีกครั้ง ทำไมเธอถึงไม่สามารถหลุดพ้นจากเรื่องบ้า ๆ นี่ได้ หวังว่ากับดักที่วางไว้จะช่วยให้เธอหลุดพ้นสักที เกวลินทร์สูดลมหายใจเติมเครื่องสำอางลงบนใบหน้าซีดเซียว สวมแว่นปกปิดรอยบวมช้ำของดวงตา แล้วเดินเข้าไปในร้านยาขนาดเล็กที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดย่านสลัมแออัดใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน เธอแทรกตัวก่อนกลืนหายเข้าไปท่ามกลางผู้คน เพราะผู้คนในย่านนี้มักจะเร่งรีบและสนใจแต่เรื่องปากท้องของตัวเอง จึงเหมาะที่จะซ่อนตัวจากสายตาที่จับจ้อง ทั้งจากสิงหราชและแดนสิงห์ ดวงตาเหนื่อยล้าฉายแววอึดอัด เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังถูกจับตามองตลอดเวลา “ขอยาแก้อักเสบและยาแก้ฟกช้ำด้วยค่ะ” “เป็นอะไรมาคะ” “เหมือนว่ากล้ามเนื้อจะอักเสบ แล้วฟกซ้ำตอนออกกำลังกาย ตอนนี้เลยมีไข้น่ะค่ะ” เกวลินทร์ยิ้มเล็ก ๆ ก่อนจะโกหกบอกสาเหตุออกไป ทั้งเซ็กซ์เร่าร้อนและความทรมานจากการอาเจียนทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะตายเอาจริง ๆ “เหมือนจะอ้วนขึ้นเลย คุณพ่อต้องว่าอีกแน่” เกวลินทร์พึมพำยามกัดนิ้วมองตัวเลขจุดทศนิยมที่ขึ้นจากเดิมเพียงศูนย์จุดสองอย่างกังวลใจ สิงหราชต้องตำหนิเธออีกแน่ เภสัชกรสาวมองท่าทีวิตกนั้นด้วยสายตาเป็นห่วง แค่ชั่งน้ำหนักหญิงสาวกลับมีอาการกระวนกระวายจนตัวสั่น ทั้งที่เธอก็ผอมบางอยู่แล้ว “ขอยาแก้อาเจียนแล้วก็ยาระบายด้วยนะคะ” “ซื้อบ่อยมากเลยนะคะ ขอโทษที่ละลาบละล้วงไม่ทราบว่ามีอาการกินน้อยหรือมากกว่าปกติ หรือล้วงคออ้วกบ้างรึเปล่าคะ” อาการวิตกกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักของเธอทำให้เภสัชสาวถามออกไปอย่างถือวิสาสะ “มีอะไรเหรอคะ” เหมือนว่าจะเป็นทุกอย่างเลย เธอมักใช้อาหารเพื่อหลีกเลี่ยงบทสนทนาบนโต๊ะอาหาร ยัดข้าวเข้าปากคำใหญ่จนมารดาทัก และโดนสิงหราชตำหนิหลังจากนั้นก็ต้องล้วงคออ้วกออก เพราะกลัวว่าจะอ้วนเกินไป “ถ้ามีอาการแบบนี้อยากแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าจะมีปัญหาหรอกนะคะ แค่อยากแนะนำให้ลองปรึกษาดู” “ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะ” เกวลินทร์ดึงแขนเสื้อลงมาปิดข้อมือพลางแสร้งยิ้ม “งั้นรอสักครู่นะคะ” “เอ่อ ขอโทษนะคะ แล้วก็ขอยา...” คุมฉุกเฉิน แต่วันนั้นเขาก็ป้องกันนี่นา คงไม่ต้องกินหรอก หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ “ยาอะไรเหรอคะ ถ้าจำชื่อไม่ได้พอจะบอกอาการได้ไหมคะ” “ไม่เป็นไรค่ะ คิดเงินได้เลยค่ะ” “ค่ะ” เสียงของแผงยาถูกใส่รวมกันในถุง เกวลินทร์ยื่นแบงก์ห้าร้อยให้กับเภสัชกรก่อนจะรับยามา ทว่าวินาทีสุดท้ายที่เงินทอนจะถูกส่งให้ หญิงสาวก็รวบรวมความกล้าพูดออกไป “เอ่อ...คือ...” “คะ?” “...ขอยาคุมฉุกเฉินด้วยค่ะ” เภสัชกรร้านขายยาระบายยิ้มก่อนจะหยิบมันใส่ถุงให้กับหญิงสาว พลางกล่าวขอบคุณอีกครั้ง หญิงสาวเดินออกจากร้านยาแต่ยังไม่ทันก้าวออกไปได้ไกล กลิ่นฉุนกึกถูกโปะลงบนใบหน้าสวย หมับ!!! ตุบ! “อ๊ะ! อื้อออ” สติที่เลือนรางทำให้เธอเห็นเพียงชายในชุดดำสี่ห้าคนกำลังลากเธอขึ้นรถมินิแวนสีดำสนิท ถุงยาในมือหล่นกระจายลงกับพื้น พวกเขาไม่ได้ใจดีพอที่จะเก็บมันให้เธอ เพียงเสี้ยววิก็ได้ยินเสียงประตูที่ปิดลง “โทรบอกนายว่าจับมันได้แล้ว กำลังไปที่มหานคร” มหานคร? “มึงขับรถมันไป” มัจจุราชที่เธอวางกับดักไว้กำลังจะปลดปล่อยเธอแล้ว หญิงสาวกระตุกยิ้มปล่อยสติที่เลือนรางดับมืดพร้อมรอยยิ้มละไม ความตายที่เธอใฝ่หากำลังจะมาถึง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD