ตอนที่ 19 แนะนำหลานชาย

1216 Words
ซูจิ่งหลง ชายผู้ผูกขาดธุรกิจมืดแทบทุกแขนงทั้งการค้าทาสใต้ดิน ปล่อยเงินกู้อัตราโหดรับงานลอบสังหาร ส่งข่าวลับ ค้าอาวุธเถื่อนหากมีใครจ่ายมากพอ เขาทำได้ทุกอย่างในโลกเงามืด... ซูจิ่งหลงมิใช่เพียงผู้มีอิทธิพลแต่คือ รากฐาน ของทุกอำนาจสกปรกที่ค้ำจุนจักรวรรดิและวันนี้... ที่ร้านน้ำชาส่วนตัวใจกลางเมืองเขาได้เรียกเหล่าผู้นำกลุ่มใต้ดินทั้งหลายมารวมตัวกันไม่ใช่เพื่อเจรจา หรือแบ่งผลประโยชน์แต่เพื่อ แนะนำเด็กคนหนึ่ง พวกมันหลายคนล้วนแล้วแต่เป็นคู่ค้าและเป็นลูกหนี้ของเขา หลานจิ่วอวิ๋น เด็กชายหน้าตาฉลาดเฉลียว ผู้ยังคงนั่งอยู่บนตักของซูจิ่งหลงด้วยแววตาใสซื่อ ไร้เดียงสาราวกับไม่รู้เลยว่าในห้องนี้ มีนักฆ่าที่มือเปื้อนเลือดมานับไม่ถ้วน มีพ่อค้ามืดที่ฆ่าคนมาโดยไม่กระพริบตามีปีศาจในคราบมนุษย์... ที่แค่ชื่อก็ทำให้คนต้องหลบ “ข้าอยากให้พวกเจ้าจดจำใบหน้าของเด็กชายคนนี้ไว้ให้ดี” น้ำเสียงของซูจิ่งหลงราบเรียบ ทว่าเฉียบขาดราวดาบที่ปลอกหนังโดยไม่ให้รู้ตัว “เขาคือหลานชายของข้าเอง” ในโลกของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในแวดวงมืดมนเช่นนี้…คำประกาศเช่นนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อความอบอุ่น แต่เพื่อขีดเส้นแดงเด็กคนนี้ คือสิ่งที่ห้ามแตะต้อง เสียงหัวเราะดังกึกก้องขึ้นทันทีในห้องน้ำชาคนรอบตัวต่างเร่งยิ้มประจบเหมือนฝูงหมาที่แย่งกันสะบัดหางใกล้เจ้าของ “ฮ่า ๆ สมแล้วที่เป็นหลานชายของนายท่าน!”“ดูแววตานั่นสิ! ช่างเฉลียวฉลาดเสียจริง!”“แค่เห็นก็รู้แล้วว่าอนาคตต้องไม่ธรรมดา!” ทุกคำที่พูด…เต็มไปด้วยกลิ่นอายของการเอาตัวรอดและการเลียแข้งเลียขาไม่มีใครกล้าพูดสิ่งที่แท้จริงในใจ เพราะพวกเขารู้ดี ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหายใจแรงต่อหน้าเด็กคนนี้บรรดาของขวัญที่ถูกนำมา ก็ล้วนแล้วแต่มาจากมือของ ลูกหนี้ ของพ่อค้าแห่งความตาย บางคนหอบของเล่นประดิษฐ์เฉพาะตัว ที่มีเพียงชิ้นเดียวในแผ่นดินบางคนส่งขนมหวานจากห้องครัวของตระกูลขุนนางหรือแม้แต่สมุนไพรมงคลที่หายากระดับสุดยอด ก็ถูกวางไว้ตรงหน้าเด็กชายอย่างนอบน้อม ซูจิ่งหลงลูบศีรษะหลานชายเบา ๆ แววตาที่มักเย็นชาในสนามธุรกิจมืด กลับเปล่งประกายความอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด “หลานจิ่วอวิ๋น เจ้าเห็นไหม...มีท่านลุงใจดีมากมาย ขนของขวัญมาให้เจ้า” น้ำเสียงของเขานุ่มนวล ดั่งผู้ใหญ่ใจดีที่มอบความสุขให้เด็กน้อย ดวงตากลมโตจ้องมองของเล่นหายาก ขนมหวานเลิศรส และของขวัญแปลกตาที่กองสุมอยู่ตรงหน้าอย่างตื่นเต้นเขายกมือขึ้นพนมเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงใสชัดถ้อยชัดคำ “ขอบคุณขอรับ” ถ้อยคำเรียบง่าย แต่มากด้วยมารยาทที่งดงามจนเหล่าผู้ใหญ่ที่เฝ้าดูอยู่ต้องพยักหน้ารับ นี่ไม่ใช่เพียงแค่เด็กชายธรรมดา...แต่คือทายาทที่ถูกอบรมมาอย่างดีซูจิ่งหลงยิ้มบาง ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูหลานชาย“จิ่วอวิ๋น เจ้าช่วยลุงหน่อยได้หรือไม่?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แฝงความละมุนละไม “ลองคัดดูว่าเจ้าชอบของเล่นชิ้นไหน ไม่ชอบชิ้นไหน...ขนมไหนอร่อย หรืออันไหนที่เจ้าทานไม่ลง” เด็กชายพยักหน้าอย่างว่าง่ายเขาหยิบของเล่นขึ้นมาทีละชิ้น เล่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไร้เดียงสา“อันนี้...เสียงดังไปหน่อย ข้าไม่ชอบ อันนี้สีสวย ข้าชอบมาก! ขนมชิ้นนี้หวานเกินไป…” ทุกคำตอบฟังดูเหมือนการเลือกของธรรมดาของเด็กน้อยแต่สำหรับซูจิ่งหลง… นี่คือข้อมูล ที่เขาต้องการเขาหันไปกระซิบกับบ่าวรับใช้ประจำตัวเบา ๆ “จดชื่อเจ้าของของขวัญที่เด็กไม่ชอบไว้ให้หมด” บ่าวรับใช้พยักหน้าแล้วเดินแยกออกไปเงียบ ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็น หรืออาจไม่มีใคร กล้าสังเกตในขณะที่หลานจิ่วอวิ๋นยังคงเล่นของเล่นด้วยความสุขเหมือนเด็กทั่วไปแต่ภายใต้รอยยิ้มของซูจิ่งหลงกลับมีเงาแห่งการคัดกรองและคำนวณอย่างเงียบงัน ไม่ว่าจะเป็นขนม...ของเล่น...หรือน้ำใจหากมอบมาแล้วไม่ถูกใจหลานชายของเขาเจ้าของสิ่งนั้น…ก็ไม่สมควรได้รับที่ยืนในเงาของอำนาจเช่นกัน “ฮ่าฮ่าฮ่า! หลานลุง วันนี้ลุงมีความสุขเหลือเกินที่ได้อยู่กับเจ้า”เสียงหัวเราะของซูจิ่งหลงดังก้องไปทั้งโรงน้ำชา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบิกบานแบบที่ไม่ค่อยมีผู้ใดเคยได้เห็นจากพ่อค้าแห่งความตายผู้นี้เขาโอบอุ้มหลานชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ดวงตาที่มักเยียบเย็นและคำนวณตลอดเวลา…กลับทอแววอบอุ่นอย่างจริงใจ “คราวหน้า ลุงจะไปรับเจ้ามาเที่ยวเล่นอีกนะ เจ้าอย่าลืมลุงล่ะ” หลานจิ่วอวิ๋นหัวเราะคิกเบา ๆ พลางพยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น เด็กน้อยไม่มีทางรู้หรอกว่า...รอยยิ้มของเขาในยามนี้ กลับทำให้โลกอันมืดดำของซูจิ่งหลง ดูสว่างขึ้นในชั่วขณะซูจิ่งหลงพยักหน้าให้ข้ารับใช้และองครักษ์ประจำตัว ส่งเด็กน้อยกลับไปยังจวนทุกครั้งที่เลิกเรียน เขามักจะแอบไปรับหลานจิ่วอวิ๋นมาอยู่ด้วย พาเที่ยว เล่น และคอยสั่งสอนเรื่องน้อยใหญ่ ทางด้านของ หลานเยว่ นางเอง...ก็รับรู้ทุกอย่างแต่กลับมิได้เอ่ยปากห้ามหรือขัดขวางในสายตาของนาง การที่ลูกชายมีคนรักและเอ็นดูอย่างจริงใจเช่นนี้...ย่อมไม่ใช่เรื่องเลวร้ายแต่อย่างใดถึงแม้ซูจิ่งหลงจะเป็นบุรุษที่โลหิตเปื้อนมือ เป็นผู้ควบคุมโลกใต้เงาแห่งเมืองหลวง ทันทีที่เงาร่างเล็กของหลานจิ่วอวิ๋นลับจากประตูโรงน้ำชารอยยิ้มละมุนของซูจิ่งหลงก็พลันสลาย...ราวไม่เคยมีอยู่จริง ความอ่อนโยนที่อบอวลในอากาศเพียงครู่ก่อน เหลือไว้เพียงเงาความเงียบสงัดแววตาของเขาไร้อารมณ์ หนาวเย็นจนเหมือนตัดอากาศรอบตัวให้บางเฉียบลงซูจิ่งหลงนั่งนิ่งไม่ไหวติง เขามองผู้คนตรงหน้าอย่างไร้ความรู้สึกคล้ายกับกำลังตัดสินว่า ใครคือ ของที่ควรเก็บ และใครคือ เศษขยะ "ผู้ใดมีรายชื่อให้อยู่ต่อ...ใครไม่มีออกไปได้..."เพียงถ้อยคำสั้น ๆ แต่น้ำเสียงกลับหนักแน่นจนกดบรรยากาศให้ต่ำลงในพริบตาปราศจากคำอธิบาย ไม่มีแม้แต่รอยยิ้มสุภาพ เสียงนั้น...เย็นชา เงียบงันเหล่าผู้ที่ไม่มีชื่ออยู่ในใจเด็กชาย ต่างมีสีหน้ายินดีพร้อมทั้งรีบหนีหายออกไปจากร้านน้ำชาในทันทีเพราะเกรงว่าชายที่อยู่เบื้องหน้านั้นจะเกิดเปลี่ยนใจ "ขอรับ! นายท่าน พวกข้าขอลา" เสียงรองรับดังกระชับ บางคนรีบเดิน บางคนแทบจะกึ่งวิ่งออกไปคล้ายเพิ่งรอดพ้นจากปากเหว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD