Under G Pub
พวกเราเข้ามาด้านในผับแห่งหนึ่งซึ่งการตกแต่งค่อนข้างจะดาร์ก ๆ ร็อค ๆ ต่างจากผับปกติทั่วไปสิ้นเชิง ฉันเกร็งไปหมด รู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“ที่นี่ดูหลอน ๆ จัง” ไม่มีคำไหนจะตรงใจเท่านี้อีกแล้ว มีมี่เห็นสีหน้าฉันไม่ดีรีบกอดแขนแล้วพาเดินมานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่ง ตรงนี้ค่อนข้างสว่างพอสมควร ฉันถอนหายใจ พยายามตั้งสติ
“มันเป็นผับใต้ดินอ่ะจา ก็จะดูหลอน ๆ แบบนี้แหละ แต่จริง ๆ มันไม่มีอะไรน่ากลัวเลยนะ มี่เคยมาหลายครั้งแล้ว"
“มาคนเดียวอะนะ?” ฉันมองเพื่อนรักตาโต มีมี่รีบส่ายหน้า
“ไม่ใช่ ๆ มี่มากับพี่สาวน่ะ”
อ้อ… จริงสิ มีมี่มีพี่สาวแท้ ๆ อยู่คนหนึ่งนี่นะ
“เดี๋ยวจะมีดีเจมาเปิดเพลงก่อน แล้วดึก ๆ ถึงจะมีดนตรีสด จาอยู่เป็นเพื่อนมี่ก่อนนะ” มีมี่อธิบาย กุลีกุจรสั่งเครื่องดื่มให้ฉัน “ดื่มไหมจา?”
“ไม่…” ฉันกำลังจะปฏิเสธ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ฉันอยากจะลองใช้ชีวิตอิสระนี่นะ ไหน ๆ ก็อยากจะลองแล้ว ก็ลองให้มันสุดไปเลย “ก็ดีนะ แต่ขอไม่แรงมาก”
“จัดไปเพื่อนรัก” มีมี่ขยิบตายิ้มกว้าง
เสียงดนตรีแนว EDM มันส์ ๆ ดังกระหึ่มจนแทบไม่ได้ยินเสียงพูดคุยรอบตัว แสงไฟมืดสลัวสลับกับแสงวิบวับของไฟเธค ฉันนั่งจิบเหล้าในมือพลางมองไปบนสเตจเห็นร่างบางของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังทำหน้าที่ดีเจเปิดเพลงอยู่บนนั้น ฉันเห็นหน้าเธอไม่ชัด รู้เพียงว่ายามเธอคนนั้นโยกตัวไปมาพร้อมเสียงดนตรีมันดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก สีผมของเธอโดดเด่นสะดุดตามาก
“สวยใช่ไหมล่ะ” มีมี่เข้ามากระซิบ ฉันละสายตากลับมามอง “นั่น ควีน เธอเป็นดีเจเบอร์หนึ่งของที่นี่เลยนะ ฮอตมากเว่อร์”
“ควีน… งั้นเหรอ” ฉันทวนชื่อนี้เบา ๆ แต่ไม่ได้ใส่ใจนัก
เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงกว่า บูธดีเจเปลี่ยนเป็นวงดนตรีสดขึ้นไปแสดงแทน มีมี่ที่เริ่มเมาโยกตัวตามจังหวะเพลง ส่วนฉันยังไม่เมาเท่าไหร่ แค่มึนหัวเล็กน้อยเท่านั้น
“กรี๊ดดดด! พี่ไวน์!!” ฉันสะดุ้งตกใจกับเสียงกรี๊ดของเพื่อนสาวข้างกาย ก็รู้หรอกว่าเธอเริ่มเมาแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเมาจนสติหลุดขนาดนี้
“เบา ๆ หน่อยสิมี่ ไม่เห็นต้องเรียกดังขนาดนั้นเลย” ฉันจับมีมี่ที่แทบจะนั่งไม่ตรงแล้ว โต๊ะเราอยู่เกือบหน้าสเตจเลยนะ มันเด่นมากพอที่จะทำให้คนอื่น ๆ หันมองได้เลย
“พี่ไวน์ขาาาา!”
โอ๊ยตาย… ฉันชักจะอายขึ้นมาแล้วนะเนี่ย
“มีมี่! ตั้งสติหน่อยสิ หยุดตะโกนด้วย” เพราะตอนนี้บนเวทีกำลังร้องเพลงช้า บรรยากาศภายในผับจึงค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงเพลงเพราะ ๆ จากนักร้องบนเวทีเท่านั้นกับเสียงของมีมี่นี่แหละ
“อุ้ย… พี่ไวน์มองมาทางนี้แล้ว” พอเธอพูดอย่างนั้นฉันก็อดหันมองไปทางสเตจไม่ได้ และก็เห็นว่านักร้องนำกำลังมองมาทางนี้จริง ๆ แต่เหมือนเขา… กำลังมองมาทางฉันหรือเปล่านะ?
“นี่… หยุดเสียงดังก่อน ไม่งั้นจากลับจริง ๆ นะ” ฉันหันกลับมาขู่ มีมี่เหมือนได้สติขึ้นมา เธอจับมือฉันแน่นส่ายหน้ารัว
“ไม่เอา ๆ จาอย่าเพิ่งกลับนะ อยู่เป็นเพื่อนมี่ก่อน”
เฮ้อ…
ฉันได้แต่ถอนใจ นั่งอยู่เป็นเพื่อนมีมี่ต่อไป ยังดีที่เธอหยุดโวยวายแล้ว เสียงเพลงยังคงดังต่อไปเรื่อย ๆ ฉันหันกลับไปมองทางสเตจก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อนักร้องนำคนนั้นยังคงจับจ้องมาทางนี้
ฉันคิดไปเองหรือเปล่านะ… แต่เหมือนเขากำลังมองฉันอยู่เลย?
.
.
.
“แน่ใจนะว่าไม่ให้จานั่งรถไปส่ง” ฉันประคองมีมี่มาถึงจุดขึ้นรถแท็กซี่ เธอโบกมือพลางยิ้มหวานให้ฉัน
“ไม่ต้อง ๆ มี่กลับเองได้ มี่โอเค” พูดว่าโอเคแต่กลับยืนไม่ตรง ฉันพยุงมีมี่ที่ซวนเซไปมา รู้สึกเป็นห่วงจนไม่อยากให้นั่งรถกลับคนเดียวเลยแฮะ “อ๊ะ! นั่นพี่ไวน์นี่นา!”
เอาอีกแล้ว มีมี่ตะโกนเสียงดังอีกแล้ว ฉันแทบกุมขมับ หันมองตามนิ้วเรียวของเธอ ที่ตรงนั้นปรากฏร่างสูงของใครคนหนึ่งกำลังเดินตรงมาทางนี้ เขาหยุดยืนตรงหน้าพวกเรา สายตามองมีมี่ก่อนจะหยุดลงที่หน้าฉัน ริมฝีปากหนาขยับยิ้มเป็นมิตรมาให้
“เป็นเพื่อนของมี่เหรอครับ”
“คะ?” ฉันทวนคำงุนงง เขาเรียกชื่อมีมี่งั้นเหรอ? แสดงว่าทั้งคู่รู้จักงั้นสิ ฉันก็นึกว่ามีมี่แค่ปลื้มเขาฝ่ายเดียวเฉย ๆ เสียอีก
“ใช่ค่าาา นี่จาเพื่อนมี่เอง สวยใช่ไหมล้า” ยัยมี่ขี้เมายิ้มกริ่มส่ายนิ้วไปมา ผู้ชายที่ชื่อไวน์มองเธอพลางยิ้มเอ็นดู
“เมาหนักขนาดนี้ระวังเนเน่ทุบนะ”
“โธ่พี่ไวน์อ่า! อย่าเอาพี่เน่มาขู่มี่ซี๊!” ทั้งคู่หัวเราะชอบใจ มีเพียงฉันที่ยืนมองพวกเขาสลับกันไปมา
“ว่าแต่น้องคือน้องจาใช่ไหมครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ พี่ชื่อไวน์ เป็นเพื่อนกับเนเน่พี่สาวมี่น่ะครับ” พี่ไวน์ยิ้มแนะนำตัว มีมี่กอดแขนฉันพลางหรี่ตามองเขาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“แหม ๆ คงไม่คิดจะจีบเพื่อนมี่ใช่ม้า เพื่อนมี่สวยล่ะซี๊”
“มี่… พูดอะไรเนี่ย เมามากแล้วนะเรา” ฉันกระตุกแขนเพื่อนรัก รู้สึกอายขึ้นมาหน่อย ๆ “เอ่อ อย่าถือสายัยมี่เลยนะคะ เมาทีไรก็ปากรั่วแบบนี้ตลอดเลย”
“โหยจาอ่า มี่ไม่ได้ปากรั่วสักหน่อยยย ก็เพื่อนมี่สวยขนาดนี้ แถมยังโสดด้วย ใคร ๆ ก็อยากจีบทั้งนั้นแหละ ฮิ ๆ” เธอโผกอดฉันอย่างรักใคร่แถมยังซบหน้ากับไหล่ฉันด้วย นี่เมาขนาดไหนกันเนี่ย ถึงกับยืนไม่อยู่แล้วนะ
“มันน่านักยัยขี้เมาคนนี้” ฉันบ่นอุบอิบก่อนหันมายิ้มเจื่อนให้พี่ไวน์ “ถ้างั้นพวกเราขอตัวกลับก่อนนะคะ จาคงต้องไปส่งยัยขี้เมานี่ก่อนค่ะ”
“อ้อ… งั้นไปรถพี่ไหมครับ พี่ต้องเอาของไปให้เนเน่พอดี”
“คะ?” ฉันชะงักมือที่ประคองมีมี่ หันมองคนรับอาสาจะไปส่ง สีหน้าเขาไร้พิษภัย รอยยิ้มเป็นมิตรดูไว้ใจได้ ฉันมองสลับมีมี่กับพี่ไวน์อย่างชั่งใจ
เอาไงดีล่ะเนี่ย…