คำพูดของเขาเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง แพรพรรณที่นั่งเงียบมาตลอด หันขวับมามองคนรักทันที ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“แพรทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คุณก็รู้ดี” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“รุตคะ...แพรว่าพวกเราควรเลิกกันเถอะ ถึงยังไงเรื่องนี้มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้อยู่ดี”
เธอเอ่ยปากขึ้น ทุกอย่างมันเกินเลยไปมากแล้ว ตอนนี้วิศรุตมีข่าวกับน้องสาวจนสื่อเล่นโจมตีไม่หยุด และไม่มีทางที่สองไม่ลูกนั้นจะยอมหยุดเหมือนกันหากยังไม่สมหวังและตอนนี้เธอเองก็ไม่ใช่คนตัวคนเดียว เธอมีลูกที่ต้องปกป้องเธอจะไม่ยอมให้สองแม่ลูกนั้นรู้เด็ดขาดเพราะมันหมายถึงความปลอดภัยของเธอกับลูก
การที่เธอเลือกที่จะจบความสัมพันธ์จึงเป็นทางเลือกเดียวที่คิดได้ตอนนี้
แต่คำว่า 'เลิกกัน' ที่หลุดจากริมฝีปากบาง กลับทำให้ชายหนุ่มที่กำลังขับรถถึงกับชะงัก พวงมาลัยในมือสั่นน้อย ๆ กรามแกร่งขบแน่นจนเห็นเป็นสัน
เขาชะลอความเร็วลงอย่างรวดเร็วก่อนจะจอดรถสนิทข้างทาง ใบหน้าคมตวัดสายตามามองเธอด้วยแววตาที่ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ ทั้งตกตะลึง
“คุณพูดแบบนั้น ง่ายไปไหมแพร” เขากัดฟันแน่น เสียงเข้มเจือสั่น มือหนายื่นออกไปจับหัวไหล่ของเธอทั้งสองข้าง บังคับให้เธอหันมาสบตาเขาเต็ม ๆ
“เงยหน้ามามองผม แล้วพูดอีกครั้งสิ ว่าคุณต้องการจะเลิกกับผมจริง ๆ”
ดวงตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาฉ่ำวาวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า อารมณ์เดือดดาลปะทุอยู่ในอกจนแทบระเบิดออกมา แต่เขาก็ยังพยายามข่มไว้ ข่มจนมือที่จับไหล่เธอไว้แน่น เริ่มสั่นเล็กน้อย
เขาพยายามอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่ตะคอกใส่เธอ ทั้งที่ตอนนี้เขาอยากจะตะโกนถามเธอเหลือเกินว่าเธอไม่คิดจะสู้เพื่อพวกเราบ้างเลยหรือยังไง?
เขารักเธอ รักฉิบหาย แต่เธอกลับเอาแต่หนี...
ครั้งที่แล้วเธอก็หายไปโดยไม่บอกกล่าว กลับมาอีกทีก็เจอเรื่องเฮงซวยที่เขาถูกใส่ร้ายพอดี
แล้วตอนนี้...เธอจะหนีไปอีกแล้วเหรอ?
วิศรุตสูดลมหายใจลึก ข่มกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา ก่อนจะเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงต่ำ เจือความน้อยเนื้อต่ำใจจนแทบปิดไม่มิด
“หึ! คุณบอกเลิกผมง่ายจังเลยนะแพร ทั้งที่เราเพิ่งนอนด้วยกัน รู้อะไรไหมผมรักคุณจะตายห่า ถ้าจะให้เลิกผมคงทำไม่ได้หรอกนะ ลืมไปเถอะเรื่องนั้น”
เขาแค่นเสียงออกมา กักเก็บทุกอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะปล่อยมือจากเธอแล้วหันหน้ากลับไปมองถนนด้านหน้า ร่างหนาทิ้งตัวเอนพิงพนักเบาะอย่างแรง ความเงียบงันเข้าครอบงำจนได้ยินแต่เสียงลมหายใจของกันและกัน
“แล้วคุณจะทำอย่างไรคะรุตในเมื่ออีกหน่อยก็ต้องแต่งงานกับน้องสาวแพรแล้ว” เสียงเหนื่อยล้าเอ่ยออก เธอเองก็เหนื่อยเหลือเกินแล้วตอนนี้ ทุกอย่างมันถาโถมเข้ามาจนเธอแทบจะรับไม่ไหว
“จะไม่มีงานแต่งเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละแพร!! หากผมจะแต่งงานกับใครนั่นก็คือคุณคนเดียว จำเอาไว้เลย!!”
พูดจบวิศรุตก็เคลื่อนรถออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่คุยกับเธออีกจนถึงบ้าน ส่วนแพรพรรณรู้ว่าตอนนี้อารมณ์เขาไม่ดีเธอจึงนั่งเงียบโดยไม่พูดอะไรออกมาเหมือนกัน
รถสัญชาติคันสีขาวเคลื่อนตัวเข้ามาจอดในบ้านหลังใหญ่อย่าง ช้า ๆ แต่เบื้องหน้าที่ปรากฏไม่ใช่บ้านตามที่ใครหลายคนอาจเข้าใจ แต่เป็นคฤหาสน์หลังโต ออกแบบอย่างสวยงาม ลานหน้าบ้านมีน้ำพุขนาดใหญ่ตั้งตระหง่าน และยังมีรูปปั้นแบบกรีกโบราณทั้งเสาและสถาปัตยกรรมล้วนออกแบบคลาสสิคจัดวางอย่างลงตัวไม่มีที่ติ
แน่นอนว่าเธอเคยมาที่นี่แล้วในฐานะแฟนของวิศรุต แต่ไม่ได้มาบ่อยเท่านั้น เพราะส่วนมากก็เอาแต่ไปขลุกอยู่ที่คอนโดของเขานั่นแหละ
“ผมอยากให้คุณอยู่ที่นี่นะแพร หลังจากนี้ผมต้องไปดูงานสามวัน คุณจะอยู่ที่นี่โดยมีแม่บ้านคอยดูแลรวมทุกอย่าง ไม่ต้องไปไหนอีก คุณไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงมากแค่ไหน ผมไม่อยากให้เราห่างกันเลย อีกอย่างคุณจะได้ไม่ต้องหนีผมไปไหนอีกแล้ว”
เขาจับศีรษะของคนรักโน้มเข้ามาจูบทั้งหน้าผากและเส้นผม เป็นการแสดงความรักอย่างที่เขาเคยทำ ทุกอย่างยังคงเป็นวิศรุต เขาแสดงความรักที่อ่อนโยนกับเธอเสมอมา ข้อนี้แพรรู้ดีกว่าใคร เขาพาเธอเข้าไปพักผ่อนในห้องที่คุ้นเคย ภายในใจรู้สึกสับสนว่าการที่เธออาศัยอยู่ที่นี่เป็นเรื่องที่ดีจริงหรือ ไม่อยากคิดว่าน้องสาวรู้จะตามมาฉีกอกเธอถึงที่บ้านวิศรุตหรือเปล่า
แต่ในตอนนี้เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนแล้วตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเต็มที หลังจากอาบน้ำทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก็ล้มตัวลงนอนโดยมีร่างสูงของเจ้าของบ้านนอนกอดเธอหลับไปตลอดทั้งคืน
ทางฝั่งของศศิจันทร์ตอนนี้เธอหัวเสียไม่น้อยงานง่าย ๆ แค่นี้ทำไมพวกมันยังทำไม่ได้
"ฉันโอนเงินให้แล้ว และพวกแกก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีกนะ!!" เธอกรอกเสียงลงไปตามสายด้วยความหงุดหงิดงานก็ทำไม่สำเร็จยังจะกล้ามาขอเงินอีก ไอ้พวกสารเลวเอ๊ย!! หญิงสาวส่งเสียงผรุสวาสอยู่หลายคำก่อนจะเดินออกจากห้องในโรงแรมด้วยความโมโหสุดขีด เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา!!!
ทั้งที่ครั้งนี้เธอ ต้องการเอาเขาให้อยู่หมัดแล้วแท้ ๆ มันดันพลาดอีกจนได้
...
ผ่านมาอาทิตย์นึงที่เธออยู่บ้านวิศรุตด้วยความหวาดระแวงและสิ่งที่เธอกังวลก็เป็นจริงขึ้น เมื่อศศิจันทร์สืบรู้ว่าเธอไม่ได้ไปเที่ยวที่ภาคเหนืออย่างที่มันบอกพ่อ แต่กลับไปขลุกอยู่ในบ้านของคนที่เธออยากแต่งงานด้วย
“ทำไมพี่รุตทำกับศศิแบบนี้คะ!”
หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงเพลิงโทรหาเจ้าของบ้านก่อนที่จะก้าวลงจากรถ เธอมองคฤหาสน์ใหญ่โตที่ตัวเองเฝ้าฝันว่าจะได้เป็นคุณนายในบ้านหลังนี้ หากเทียบกับบ้านตัวเอง ที่นี่ใหญ่กว่าหลายเท่า แค่นี้ก็รู้ว่าเขาร่ำรวยขนาดไหน นี่เป็นอีกเหตุผลที่จะต้องจัดการกับพี่สาวให้สิ้นซาก วิศรุตจะได้ไม่หลงละเมอไปกับความสวยของนังพี่สาวต่างแม่ได้อีก
“คุณพูดเรื่องอะไรศศิ อย่าลืมว่าเราควรจะพูดกันในชั้นศาลหากว่าคุณอยากไกล่เกลี่ย แต่รู้เอาไว้ด้วยว่าผมไม่ยอมความแน่เพราะชื่อเสียงผมเสียหายเช่นกัน”
เขาเอ่ยเสียงออกมาตามสายด้วยใบหน้าเบื่อหน่ายเต็มที
“พี่รุตไม่ชนะหรอกค่ะ และนังแพรก็ไม่ชนะด้วยเพราะศศิจะทำให้มันเป็นนังผู้หญิงหน้าผี พี่รุตจะได้ไม่ต้องไปสนใจมันอีกอย่างไรละคะ คิก ๆ” น้ำเสียงที่พูดออกมาช่างราวกับคนวิปริต ไม่ต่างจากเสียงหัวเราะที่เบ่งบานออกมาจากริมฝีปากแดงอย่างกับเลือดไก่และน้ำเสียงนั่นก็ทำเอาวิศรุตร่างเย็นเฉียบขึ้นมา
เขารีบวางปากกาที่จรดลงบนเอกสาร มือหนากระชับโทรศัพท์แน่น
“นี่คุณจะทำบ้าอะไร! ใจเย็น ๆ ก่อนนะศศิ”
“พี่รุตรู้ไหมคะ ตอนนี้ศศิอยู่ที่ไหน...คิก~~ บ้านสวยดีนะคะ"
เธอยังคงเอ่ยเสียงหวานที่ฟังเย็นยะเยือกจับใจ เท้าของวิศรุตรีบก้าวออกจากห้องทำงานทันที ใบหน้าคมเข้มดูน่ากลัวจนใครที่เห็นพากันเดินหนี
"คุณจะทำอะไร" เขาเอ่ยเสียงต่ำอย่างน่ากลัว แต่ปลายสายกับหัวเราะแผ่วเหมือนกับไม่รู้สึกรู้สา ก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้วิศรุตรีบวิ่งออกมา อย่างไม่รอช้า
เลขาหน้าห้องที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเจ้านายจะไปไหน ถึงกับอ้าปากค้าง เพราะเห็นเจ้านายเข้าลิฟต์ไปแล้ว
"ศศิก็จะเอาน้ำกรดสาดหน้ามันยังไงล่ะคะ!ดูสิว่าพี่รุตจะยังรักยังหลงมันอีกหรือเปล่า!!” เธอขู่อาฆาตเสียงเย็นผ่านทางมือถือ ก่อนที่จะตัดสายไป
“บ้าเอ๊ย!!” เขาสบถออกมาแล้ววางมือถือ วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตแม้อีกไม่นานจะต้องเข้าประชุมก็ตาม แต่เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เรื่องร้ายแรงถึงขนาดนี้เขาคงรอไม่ไหว ต้องรีบกลับบ้านไปหาแพรพรรณก่อนเป็นอันดับแรก
ศศิจันทร์บุกเข้าบ้าน ถึงขนาดขู่จะสาดน้ำกรดใส่คนรัก เขาไม่รู้หรอกว่าเธอจะทำจริงหรือเปล่าแต่คนอย่างศศิจันทร์ไว้ใจไม่ได้
วิศรุตรีบขับรถด้วยความเร็วเกินกำหนด เพื่อกลับไปถึงบ้านให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นก็ต่อสายโทรศัพท์หาแม่บ้านแต่ก็ไม่มีคนรับยิ่งทำให้เขาใจร้อนรุ่มไปหมด
ในขณะเดียวกันกับที่ศศิจันทร์กำลังเดินทางเข้าไปข้างในบ้านอย่างย่ามใจ เธอรู้สึกสนุกขึ้นมาเมื่อตัวเองจะได้เป็นฝ่ามือเพชฌฆาตเพื่อสำเร็จโทษพี่สาวขึ้นมาจริง ๆ
“อย่างน้อยหากใบหน้าเละเทะกลายเป็นเนื้อเน่า คงไม่มีผู้ชายคนไหนอยากนอนด้วยหรอกนะอีแพร โชคร้ายจริง ๆ ขนาดอยู่ในบ้านผู้ชายแล้วยังไม่หมดเวรหมดกรรม ฉันจะกดแกให้จมดินเลยทีเดียว!”