“ใครจะกล้าตีน้องสาวที่แสนน่ารักได้ล่ะครับ” เขาพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับใจออกไป
และคนที่ได้ยินก็รู้สึกเสียใจอยู่ลึก ๆ ที่เป็นได้แค่น้องสาวของเขาเท่านั้น อย่างเธอคงเป็นได้แค่น้องสาวสินะ มากกว่านั้นคงไม่มีสิทธิ์
“ค่ะพี่ชาย ไปกันเถอะค่ะ” เธอทำเป็นร่าเริง หยิบกระเป๋าสะพายไหล่แล้วเดินนำเขาออกจากห้อง
...................
ในห้องกินข้าวของออฟฟิศ
ธิมาดานำอาหารที่สั่งซื้อมาเทใส่จาน หยิบแก้วและเหยือกใส่น้ำแข็ง แล้วหยิบน้ำเปล่ามาเทใส่ จัดทุกอย่างลงบนถาดเสร็จแล้วจึงยกไปให้ยุทิตย์ที่ห้องทำงาน และได้เจอฐวรรษกับทิตยาพอดี
“จะไปกินข้าวกันเหรอ”
“ค่ะพี่แฟน ไปทานด้วยกันไหมคะ”
“ไม่ไปจ้ะ เพราะพี่สั่งข้าวกล่องมาแล้ว เชิญอร่อยกันสองคนเถอะจ้ะ พี่เอาข้าวไปให้ท่านประธานก่อนนะ” เธอทำหน้าทะเล้นใส่พวกเขาแล้วเดินผ่านไป
…………….
เกือบ ๆ สี่โมงเย็น ขณะที่ธิมาดากำลังนั่งทำงาน โทรศัพท์มือถือที่เป็นเบอร์ส่วนตัวของเธอก็ส่งเสียงดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดู..เห็นชื่อเพื่อนสนิทจึงรีบกดรับสาย
“ว่าไงณา แม่ฉันเป็นอะไรหรือเปล่า”
(ไม่ได้เป็นอะไร ตอนนี้แม่เธอสบายดีจนฉันงง)
“ทำไมล่ะ” เธอก็งงกับคำพูดแปลก ๆ ของเพื่อนที่เป็นนางพยาบาล
(เมื่อเช้ามาจ่ายค่ารักษาของแม่แล้วเหรอ แล้วไปยืมเงินใครมา) คำถามที่ได้ยินจากเพื่อนทำให้เธอเริ่มงงหนักไปอีก
“เดี๋ยวก่อนนะณา จ่ายค่ารักษาอะไร ฉันยังไม่รู้เรื่องเลยนะ ว่าจะถามเธออยู่เหมือนกันว่าค่ารักษาเท่าไหร่ เพราะฉันยังไม่เห็นยอดเลย”
(ไม่รู้เรื่องได้ยังไง จะบอกว่าจ่ายผิดคนก็คงไม่ใช่หรอกนะ เพราะแม่เธอก็ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้ว จ้างพยาบาลเฝ้ายี่สิบสี่ชั่วโมงอีกต่างหาก) เพื่อนสาวรายงานเป็นขั้นเป็นตอน
“เฮ้ย! จริงดิ”
(เออ จริง ๆ)
“แต่ฉันยังหาเงินไม่ได้เลยนะแก บัตรเครดิตก็เพิ่งทำเรื่องไปเอง” เธอบอกกับเพื่อน
(เอางี้ก็แล้วกันนะแฟน เย็นนี้เลิกงานแล้วแกมาหาฉันที่โรงพยาบาลนะ แล้วค่อยมาคุยกัน ตอนนี้ฉันต้องไปทำงานก่อนนะ โดนหัวหน้าเขม่นแล้ว)
หญิงสาววางสายจากเพื่อนหลังจากรับปากไปแล้ว เธอดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ อีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะถึงเวลาเลิกงาน แต่เธอมีเอกสารที่ต้องทำให้เสร็จก่อนถึงกลับบ้านได้ จึงตัดสินใจวางมือจากงานอื่น แล้วรีบทำงานด่วนก่อน
……………..
โรงพยาบาล
ธิดามาลงจากรถแท็กซี่แล้วรีบเดินไปหาเพื่อนรักที่แผนกทันที พวกเธอคุยกันอยู่ประมาณสิบนาที และได้คำตอบว่าถ้าอยากรู้ว่าใครเป็นคนจ่ายค่ารักษา และสั่งย้ายมารดาไปห้องพิเศษ เธอต้องไปคุยกับฝ่ายการเงิน
“ฉันจะขอย้ายแม่กลับไปห้องเดิมได้ไหมณา”
“ตอนนี้ฉันว่าคงไม่ได้หรอก เอาไว้คุยกับเจ้าหน้าที่ก่อนดีกว่านะแก ฉันได้ยินมาว่าเขาจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดนะ วันนี้ฉันก็ยุ่ง ๆ ตั้งแต่มาเข้าเวร เลยไม่ได้ไปถามกับฝ่ายการเงินให้รู้เรื่อง ก็เลยไม่มีคำตอบให้แกนี่แหละ แกก็อย่าเพิ่งเครียดไปเลย คงไม่มีใครมาแกล้งแกหรอก เงินตั้งเยอะขนาดนั้น จ่ายก็คือจ่าย จ่ายแล้วมาขอคืนทีหลังคงเป็นไปไม่ได้”
ธิมาดาจึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ คุยกับเพื่อนอีกไม่กี่ประโยคก็ขอตัวไปเยี่ยมมารดา
……………
ฐวรรษยังคงนั่งอยู่ในห้องทำงาน ทั้งที่เลยเวลาเลิกงานมาแล้วเกือบสามชั่วโมงแล้ว.. เขามีงานค้างนิดหน่อยและทำเสร็จไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากำลังใช้ความคิด คิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมา คิดถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งเขาก็ไม่มั่นใจเลยว่าเธอคิดกับเขาแบบไหนกันแน่ หลายวันมานี้เธอถึงทำให้เขาหวั่นไหวและมีความหวัง แต่วันนี้เขาเหมือนถูกน้ำถังใหญ่ ๆ มาสาดใส่ ดับไฟแห่งความหวังของเขาทิ้งไปดื้อ ๆ
เขานึกถึงเหตุการณ์เมื่อช่วงกลางวันที่ไปกินข้าวกับเธอ
“ปลายใช่มั้ย..จำเราได้หรือเปล่า” คนที่เดินเข้ามาดักหน้าส่งยิ้มกว้างให้เธอพร้อมตั้งคำถาม
“ณัฐ ณัฐจริง ๆ ด้วย กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมเราไม่รู้เรื่องเลย” เธอทักกลับอย่างยินดี
“ไม่เจอตั้งนานสวยขึ้นเป็นกอง ณัฐว่าจะเข้ามาจีบ ที่ไหนได้กลายเป็นเพื่อนเรานี่เอง” หนุ่มหน้ามนที่เข้ามาทัก ชวนคุยได้ไหลลื่น ไม่สนใจเขาที่ยืนหัวโด่อยู่ทั้งคนสักนิด
“แฮ่ม” และเขาก็ทนไม่ไหว ต้องทำเสียงกระแอมเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“เอ้อณัฐ นี่พี่ต้นจ้ะ เอ่อ..พี่เค้าเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายเรา พี่ต้นคะ นี่เพื่อนปลายค่ะ ชื่อณัฐ เราเคยเรียนคณะเดียวกัน เป็นรุ่นน้องของพี่แฟนเหมือนกันค่ะ”
“สวัสดีครับพี่ต้น ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้เขาแล้วส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ผิดกับเขาที่ไม่อยากจะทักทายหนุ่มรุ่นน้องนัก เพราะรู้สึกหึงหวงที่เขามาตีสนิท และกล้าบอกความในใจกับหญิงสาวอย่างเปิดเผย
“สวัสดีครับ” เขาจึงทักกลับเพียงสั้น ๆ
“ปลายมาทานข้าวกับพี่ต้นแค่สองคนเหรอ ขอณัฐนั่งด้วยได้มั้ย อยากคุยกับปลายน่ะ” เขาไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย
“ได้สิ ไม่มีปัญหา เชิญจ้ะ”
ไม่ได้ ไม่ต้องนั่ง มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย ไอ้ตัวมารความสุข.. เขาได้แต่ขับไล่ฝ่ายนั้นอยู่ในใจขณะเดินตามหลังพวกเขาไปเงียบ ๆ
หญิงสาวเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว ก็จัดการสั่งอาหาร
“เดี๋ยวณัฐมานะ ขออนุญาตนะครับพี่ต้น” ขณะที่กำลังรออาหารอยู่นั้น เขาก็พูดขึ้นแล้วลุกจากไป