ภายในโถงกว้างของตึกบริษัทเอกชนอริลในชุดสุภาพเรียบร้อยกอดแฟ้มเอกสารแนบอกไว้แน่น ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ อย่างประหม่าเล็กน้อย ส่วนทรายที่เดินเคียงข้างมาในชุดกระโปรงเรียบ ๆ ทว่าดูคล่องแคล่ว กลับแอบยิ้มขำกับท่าทางเกร็ง ๆ ของเพื่อน
“ไอ้ริล!! ใจเย็นหน่อย เรามาแค่แจ้งเรื่องฝึกงานเอง ไม่ใช่มาสอบสัมภาษณ์นะ” ทรายกระซิบพลางสะกิดแขนเพื่อน
“ก็... ที่นี่มันดูทั้งใหญ่ทั้งหรูหรา ริลกลัวจะทำอะไรผิดแล้วเสียชื่อคนฝากอย่างเจ๊คิม” อริลตอบเสียงแผ่ว ไม่นานทั้งคู่ก็เดินไปถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่สาวยกยิ้มอย่างสุภาพทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเห็น
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาติดต่อเรื่องอะไรคะ??”
“พวกเรามารายงานตัวฝึกงานค่ะ” ทรายรีบเอ่ยขึ้นพลางส่งเอกสารฝึกงานให้
เจ้าหน้าที่รับไปตรวจสอบครู่หนึ่งก่อนเงยหน้ากลับมา “อ๋อ ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวดิฉันจะติดต่อฝ่ายบุคคลให้”
สองสาวพยักหน้ารับพร้อมกัน อริลยืนบีบแฟ้มในมือตัวเองแน่นขึ้น ส่วนทรายก็หันมายิ้มให้กำลังใจเพื่อนเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเป็นมืออาชีพของบริษัทใหญ่
อริลกับทรายนั่งรออยู่ที่โซฟารับรองใกล้เคาน์เตอร์ ดวงตากลมของอริลยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้นปนประหม่า ขณะที่ทรายนั่งเอนหลังสบาย ๆ คอยหยอกเพื่อนให้ผ่อนคลาย
“ไอ้ริล แกจะตื่นเต้นอะไรขนาดนี้”
“จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไง ก็บริษัทนี้ตกแต่งไว้หรูมากเลยนะ”
“ก็จริงของแก ที่นี่สวยเวอร์วังอลังการ ถ้าได้มาทำงานจริง ๆ ก็คงฟินน่าดู”
“ก็นั่นแหละ บรรยากาศดีอาจใช่ แต่เพื่อนร่วมงานนี่สิไม่รู้จะยังไง…”
“หึ ๆ ก็จริง” ยังไม่ทันที่บทสนทนาจะจบ เสียงรองเท้าหนังที่ก้าวกระทบพื้นหินอ่อนก็ดังใกล้เข้ามา มั่นคง หนักแน่น และทรงพลังจนบรรยากาศทั้งโถงเปลี่ยน ทุกสายตาเผลอหันไปตามโดยอัตโนมัติ
ร่างสูงในสูทสีเข้มปรากฏขึ้นเอ็นเจใบหน้าเรียบขรึมดึงดูดความสนใจโดยไม่ต้องพยายาม อริลเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว และทันทีที่สายตาสบกัน หัวใจเธอก็เหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะ
มือที่กอดแฟ้มแนบอกเผลอกำแน่นขึ้น ความทรงจำเก่าแล่นกลับมา ผู้ชายคนนี้ที่เธอเคยแอบหวั่นไหว แต่ต้องพยายามตัดใจเพราะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นแฟนของคิมพี่สาวคนสนิท ทว่าความจริงคือ… เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของอาร์เจ คนรักของคิม
“โห หล่อว่ะ…” ทรายอุทานเบา ๆ แล้วรีบยกมือปิดปากเมื่อรู้ว่าพูดดังเกินไป
เอ็นเจปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะชะงักและก้าวเข้ามาใกล้กว่าเดิม สายตาคมจับจ้องไปที่อริลเหมือนกำลังนึกทบทวน ครู่หนึ่งริมฝีปากได้รูปก็คลี่ยิ้มบาง ๆ
“อริล!? น้องสาวของคิมใช่ไหม??” เสียงทุ้มทักอย่างมั่นใจ แต่แฝงความอบอุ่น อริลตะลึงไปเล็กน้อยอย่างไม่คิดว่าเขาจะจำเธอได้ก่อนพยักหน้า
“เอ่อ… ใช่ค่ะ”
“นี่มาฝึกงานที่นี่ใช่ไหม อาร์เจบอกผมไว้แล้ว” ประกายในดวงตาของเอ็นเจอ่อนลงทันที ราวกับความขรึมเย็นเมื่อครู่ถูกละลาย
“ค่ะ พี่เอ็นเจ… นี่ทราย เพื่อนริลค่ะ”
“สวัสดีค่ะ” ทรายรีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเก้อ ๆ
“สวัสดีครับ” เอ็นเจรับไหว้พลางพยักหน้าด้วยมารยาทเรียบง่าย แต่เสน่ห์กลับทำให้บรรยากาศรอบตัวอบอุ่นขึ้น
“งั้นเอาไว้เจอกันนะครับ พี่มีธุระขอตัวก่อน” เขาทิ้งรอยยิ้มบางไว้ก่อนหมุนตัวก้าวออกไป เหลือเพียงหัวใจของอริลที่ยังเต้นแรงไม่หยุด กับทรายที่หันมามองเพื่อนแล้วกระซิบเสียงแผ่วเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่
“โอ๊ย… ตายแน่แก งานนี้ไม่ใช่แค่ฝึกงานแล้วละมั้ง หล่ออย่างที่เจ๊คิมบอกจริง ๆ ด้วย”
“ทราย แกก็เวอร์เกินไป”
“ไม่เวอร์ย่ะ ผู้ชายหล่อขนาดนี้ ไม่ผิดหวังจริง ๆ ที่มาฝึกงานกับแกที่นี่”
“ไปได้แล้ว พี่พนักงานเขาเรียกแล้ว”
สองสาวเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปชั้นบนที่เป็นสำนักงาน อริลยังรู้สึกได้ถึงจังหวะหัวใจที่ยังไม่เป็นปกติ ขณะที่ทรายเอาแต่หันมามองหน้าเพื่อนพลางทำท่าล้อเลียนจนเกือบหลุดหัวเราะ
“คุณอริล คุณทราย เชิญนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมีหัวหน้างานเข้ามาแนะนำ” พนักงานฝ่ายบุคคลกล่าวพร้อมส่งยิ้มสุภาพให้ ก่อนจะขอตัวออกไป
ห้องรับรองชั้นในตกแต่งหรูหราไม่แพ้โถงใหญ่ ด้านหนึ่งเป็นกระจกใสสูงจรดเพดานมองเห็นวิวเมือง อีกด้านมีโต๊ะประชุมยาววางเรียงแฟ้มไว้หลายชุด อริลนั่งกอดแฟ้มแนบอก สายตายังว้าวุ่นอยู่กับการปรากฏตัวของเอ็นเจเมื่อครู่
“แก… ทำใจดี ๆ หน่อยเถอะ ไม่งั้นหัวหน้างานคิดว่าแกเป็นโรคประสาทพอดี” ทรายกระซิบหยอกแต่ก็ไม่ลืมเหลือบตามองประตูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ทราย!! แกเลิกแซวริลได้แล้ว”
“ก็แกมันน่าแซวไหมนี่ รู้ตัวไหมยิ่งตอนแกมองพี่เอ็นเจสุดหล่อนะตาแกเป็นประกายวิบวับ” ทรายยิ้มเจ้าเล่ห์มองอริลด้วยสายตาจับผิด แต่อริลยังไม่ทันได้ตอบอะไร เสียงเปิดประตู แกร๊ก… ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบในห้องรับรอง อริลสะดุ้งเฮือก หัวใจเผลอเต้นแรงจนแทบหลุดจากอก ขณะที่ทรายรีบหันไปมองอย่างตื่นเต้น
ร่างสูงในสูทเข้ารูปสีเข้มก้าวเข้ามาพร้อมกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ ที่แผ่วลอยตาม เขาไม่ได้มองใครทันที แต่ใช้เวลาเพียงครู่กวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนหยุดอยู่ที่สองสาวนั่ง
“…” ดวงตาคมสบเข้ากับอริลในทันที ความรู้สึกเหมือนเวลาในห้องหยุดหมุนไปชั่วขณะ เอ็นเจนิ่งไปเสี้ยววินาที ก่อนที่ริมฝีปากจะคลี่ยิ้มออกมา
“เจอกันอีกแล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น แต่แฝงความนุ่มลึกที่ทำเอาอริลแทบกลืนน้ำลายไม่ลง
“นี่พวกเราจะได้ฝึกงานกับพี่เอ็นเจงั้นเหรอ!?” ทรายเบิกตากว้างหันขวับมามองหน้าเพื่อนแล้วกระซิบเบา ๆ เกือบไม่ทันเก็บเสียง
อริลหน้าแดงจัดทันทีมือที่กอดแฟ้มสั่นน้อย ๆ ขณะพยายามควบคุมสีหน้าให้เป็นปกติแต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งลน เอ็นเจก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด แววตาคมที่มองมาไม่ใช่ความเย็นชาที่เธอเคยคิด แต่เป็นอาการขี้เล่น
“ตั้งแต่วันนี้ไป ก็มาช่วยงานพี่… ถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาได้ตลอดนะ” คำพูดนั้นเรียบง่ายของเอ็นเจแต่กลับสะกดทุกลมหายใจของอริล จนทรายถึงกับต้องยกมือปิดปากตัวเองเพื่อกลั้นเสียงกรี๊ด
“ขอบคุณค่ะ/ขอบคุณค่ะ”
หลังจากการคุยกับเอ็นเจเสร็จอริลกับทรายก็ถูกปล่อยให้นั่งพักที่มุมเล็ก ๆ ใกล้หน้าต่าง ระหว่างที่ทรายกดโทรศัพท์เล่นอย่างสบายใจ เสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้นบนหน้าจอของอริล ‘เจ๊คิม’ อริลรีบกดรับทันที
“ฮัลโหลคะเจ๊” เสียงใสเจือหัวเราะของคิมดังลอดมาตามสาย
[ไงจ๊ะ น้องสาวคนเก่ง รายงานตัวฝึกงานเรียบร้อยแล้วใช่ไหม??]
“ค่ะ เจ๊ ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเรียบร้อยดี” อริลตอบเสียงนุ่ม ทั้งที่ในใจยังวุ่นวายไม่หายกับเหตุการณ์เมื่อครู่
[อืม… เจ๊ลืมถามไปเลยนะ ว่าวันนี้ใครเป็นคนมาดูแลน้องเจ๊] คิมถามเสียงเนือย ๆ เหมือนไม่ใส่ใจแต่แฝงรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ อริลชะงัก ใจเต้นวูบขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เอ่อ… ก็… พี่เอ็นเจค่ะ” ฝั่งปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสียงหัวเราะเบา ๆ จะดังตามมา
[อ๋อ… อย่างงั้นเองเหรอ] น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยเลศนัยจนทำให้อริลหน้าแดงจัด
“เจ๊… อย่ามาแซวนะ!!” อริลรีบประท้วงเสียงเบา กลัวว่าทรายซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ จะได้ยิน แต่เพื่อนสาวก็หันมามองพร้อมทำหน้าล้อเลียนเหมือนรู้อยู่แล้ว
[ก็ไม่ได้แซวอะไรนี่ แค่ถามเฉย ๆ แต่ถ้าคนที่ดูแลเป็นเอ็นเจจริง ๆ ก็สบายใจได้แล้วล่ะ] คิมพูดจบพร้อมหัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนเปลี่ยนเรื่อง
[ยังไงก็ทำตัวดี ๆ ล่ะ อย่าเผลอทำพี่เขาหวั่นไหวนะ เข้าใจไหมน้องสาว??]
“เจ๊คิม!!” อริลหลุดเสียงโวยออกมาอย่างลืมตัว หน้าแดงก่ำจนทรายต้องหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง คิมยังหัวเราะคิกคักก่อนทิ้งท้าย
[โอเค ๆ ไม่กวนแล้ว เดี๋ยวเจ๊ไว้โทรหาตอนเย็นนะจ๊ะ] แล้วก็ตัดสายไป ทิ้งให้อริลนั่งมองโทรศัพท์ด้วยใบหน้าแดงซ่านไปถึงหู ทรายที่นั่งมองอยู่หันมาเลิกคิ้วพลางเอ่ยแซว
“อืม… พี่เขาทำหวั่นไหวเหรออริล?? เจ๊คิมพูดถูกแฮะ แกนี่แหละตัวอันตราย”
“ทราย!! เลิกพูดเลยนะ” อริลยกมือขึ้นตีแขนเพื่อนเบา ๆ แต่ในใจกลับร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่อยู่