01
.
.
.
“ลูกของข้า”
เสียงโหยหวนท่ามกลางอากาศหนาวเย็นในคุกใต้ดินที่เต็มไปด้วยความอับชื้น ท่ามกลางความมืดมีเพียงแสงไฟสลัว เสียงร้องแหบแห้งของนางผู้นั้นโหยหวนชวนหวาดผวาเป็นอย่างยิ่ง สตรีวัยกลางคนผู้นี้ในอดีตแล้วนั้น นางเคยเป็นถึงโหวฮูหยินตระกูลเจียง นามของนางคือ ฉู่ซินเยว่
กาลครั้งนั้นเพราะบุตรชายของนางเข้าร่วมกลุ่มกบฏขององค์ชายสิบ สุดท้ายคุณชายผู้นั้นพานพบจุดจบตายด้วยน้ำมือของบิดาที่เลือกอยู่ข้างฝ่ายฮ่องเต้ เรื่องราวในครั้งนั้นเป็นเรื่องราวที่ยังคงโจษจันของผู้คนจนถึงทุกวันนี้ในเรื่องความซื่อสัตย์ของแม่ทัพเจียงที่จงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ ถึงขั้นกล้าลงมือสังหารบุตรชายของตนเอง แต่บ้างก็ว่า... ท่านแม่ทัพเจียงนั้นทำเพื่อกรุยทางให้กับบุตรชายอีกคน เขาจึงไม่ลังเลที่จะสังหารคุณชายเจียงฮุ่ย คุณชายที่เกิดจากฮูหยินเอกที่ท่านแม่ทัพไม่เคยปรารถนามาตั้งแต่ต้น
และตั้งแต่วันที่ฉู่ซินเยว่เห็นบุตรชายตายต่อหน้าของนางด้วยน้ำมือของสามี สติของนางจึงสูญสิ้นไปตั้งแต่ครั้งนั้น นางกอดศพของบุตรชายอยู่เกือบหนึ่งวัน จนกระทั่งมีทหารมาแยกตัวออกไป ฉู่ซินเยว่ถูกขังอยู่ในคุกด้วยความไร้สติ ครอบครัวตระกูลฉู่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับนาง ส่วนแม่ทัพเจียงเคยทูลขอพระราชทานชีวิตของฮูหยินเอก แต่ก็ทำได้เพียงแค่ระงับโทษประหาร ทว่า... บางคนก็ชื่นชมแม่ทัพเจียงที่มีความรักต่อฮูหยินของตน แต่บางคนก็คิดว่าเขาทำเพื่อสร้างภาพเท่านั้น คนที่ฆ่าบุตรชายของตนเองได้ จะมีความรักลึกซึ้งอันใดต่อภรรยาของตนเองได้กัน
ฉู่ซินเยว่ในยามนี้นางไม่ได้สิ้นสติไปโดยสิ้นเชิง บางครั้งนางก็ได้สติ บางครั้งนางก็เสียสติ แต่ละวันคืนในคุกอันเย็นเยียบ นางไม่ได้ลำบากขมากมายนัก ที่นอนของนางยังมีผ้าห่มหนาอุ่น ภายในคุกอันลึกที่สุดของนางมีเตาสำหรับคลายหนาว อาหารที่นางได้รับล้วนเป็นของดีทั้งสิ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความเมตตาของแม่ทัพเจียงผู้เป็นสามี ซึ่งสิ่งของพวกนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่ฉู่ซินเยว่ต้องการมันเลยแม้แต่น้อย
ทุกค่ำคืนฉู่ซินเยว่มักจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตของตนเองอย่างเจ็บปวด นางเป็นคุณหนูตระกูลฉู่ เดิมทีมารดาของนางก็เป็นคุณหนูจากตระกูลว่าน นามว่า ว่านชิงชิง นางได้พบรักกับ ฉู่หงซี ชายหนุ่มที่ต่ำศักดิ์กว่ามาก บิดาของนางเป็นเพียงคุณชายตระกูลขุนนางขั้นไม่สูงแสนธรรมดายากจนจากเมืองอื่นที่เข้ามาสอบในเมืองหลวง แม้จะสอบผ่านก็ได้เพียงตำแหน่งขุนนางอาลักษณ์ไม่สูงมาก แต่เพราะได้เป็นบุตรเขยตระกูลว่าน ทำให้เขาไต่เต้ากลายเป็นขุนนางมีตำแหน่งราชสำนัก แม้จะไม่สูงมากนัก แต่ก็ไม่ถือว่าต่ำต้อยอย่างที่เคยเป็น
ในตอนที่ท่านแม่ได้ให้กำเนิดนาง หลังจากนั้นไม่นานท่านแม่ก็ได้ทราบความจริงว่าท่านพ่อนั้นมีสตรีที่เป็นภรรยาอยู่แล้ว นางมีนามว่า อี้หร่วน ทั้งนางยังมีบุตรชายที่อายุมากกว่าฉู่ซินเยว่ถึงห้าปีนามว่า ฉู่เหรินเจี้ยน และนางผู้นั้นก็กำลังตั้งท้องบุตรอีกคนที่ภายหลังก็คือบุตรสาวนามว่า ฉู่หรูหยวน
ตอนนั้นท่านแม่ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นไร ท่านแม่ทำได้เพียงแต่กล้ำกลืนฝืนทนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้เกิดผลกระทบกับเรื่องอื่น อนุอี้หร่วนจึงได้เข้ามาอยู่ภายในจวนพร้อมกับบุตรทั้งสองของนาง แต่ก็ยังดีที่ฉู่หงซี ผู้เป็นสามีรู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร เขายังคงให้เกียรติ รักใคร่ภรรยาเอกมากกว่าอนุ อี้หร่วนที่แม้จะมาภายหลังก็ยังนอบน้อมถ่อมตน ความสัมพันธ์ของคนภายในจวนจึงเป็นไปได้ด้วยดี
ทว่า... ในตอนนี้ที่ท่านแม่ตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง เกิดโรคระบาดครั้งใหญ่ ท่านแม่ที่ร่างกายไม่แข็งแรง ทั้งยังได้รับโรคนี้มาอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้นางตายไปพร้อมกับเด็กในครรภ์ ยามนั้นฉู่ซินเยว่อายุได้เพียงห้าขวบปีเท่านั้น นางจึงกลายเป็นคุณหนูกำพร้าที่น่าสงสาร ท่านน้าหญิงของนางจึงได้แต่งเข้ามาเป็นฮูหยินเอกเพื่อรักษาสถานะของหลานสาว
ท่านน้าหญิงผู้นี้มีนามว่า ว่านเหมยเฟิง นางเป็นคนที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติ และฐานะ จึงเป็นคนที่นับว่าถือตัวอยู่มาก ฐานะของอนุอี้จึงเริ่มลำบากตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา บุตรนางทั้งสองคนที่เคยเป็นเพื่อนเล่นกับฉู่ซินเยว่ก็ถูกแยกออกจากกัน เพราะฉู่ซินเยว่คือบุตรสาวภรรยาเอก ไม่ใช่บุตรสาวอนุ ทั้งสามพี่น้องจึงได้เหินห่างมาหลังจากเวลานั้น ฉู่ซินเยว่ที่ยังเด็กจึงไม่ได้รู้เรื่องราวอะไรมากนัก แต่ท่านน้าที่กลายเป็นท่านแม่ของนางนั้นใจดีมีเมตตากับนางอยู่มาก ชีวิตความเป็นอยู่ของนางจึงไม่เคยลำบาก จนกระทั่งท่านแม่ผู้นี้มีบุตรสาวเป็นของตนเองนามว่า ฉู่รั่วหลาน ท่านแม่ก็ยังคงรักนางเช่นเดิม ทั้งรักและตามใจเสียยิ่งกว่าบุตรในอุทรของตัวเองเสียอีก
ถึงตอนนี้ฉู่ซินเยว่ก็เข้าใจแล้วว่า ท่านแม่ที่นางเรียกขานอยู่ตลอดอย่างว่านเหมยเฟิงไม่เคยรักนางเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่นางต้องโทษประหาร ตระกูลฉู่กับตระกูลว่านไม่เคยคิดยื่นมือเข้ามาช่วย ท่านแม่ว่านเหมยเฟิงมาเยี่ยมในตอนช่วงระยะแรก ทำท่าทางเป็นห่วงเป็นใย แต่กลับพูดเพียงไม่กี่ประโยคกับฉู่ซินเยว่ แต่ทุกถ้อยคำของนางล้วนสลักลงไปในใจ มันเจ็บปวดประหนึ่งโดนกระบี่แหลมคมกำลังกรีดใจของนาง
…สตรีที่นางเรียกขานว่า ท่านแม่
“ลูกสาวของแม่ในยามนี้ช่างน่าสมเพชเวทนายิ่งนัก พี่สาวตัวดีของข้าในยามนั้นตายตกไปอย่างน่าเวทนา ไม่มีผู้ใดสักคนที่นึกสงสัยในการตายของนาง หึ... ข้านี่แหละที่ปรารถนาอยากจะเป็นฮูหยินขุนนาง อยากจะแย่งชิงสิ่งที่นางครอบครอง ความจริงแม่ของเจ้าตายเพราะข้านี่แหละ อีกอย่างที่เจ้ามีนิสัยร้ายกาจเอาแต่ใจก็เป็นเพราะข้าปรารถนาให้เจ้าเป็นเช่นนี้ เพื่อหวังสักวันว่าความชั่วร้ายของเจ้าจะนำภัยอันตรายมาสู่ตนเอง ฉู่ซินเยว่ สามีของเจ้าถูกหรูหยวนแย่งชิงไป ก็เป็นเพราะข้ายั่วยุนาง ให้แย่งสามีพี่สาว เหมือนที่เจ้าแย่งแม่ทัพเจียงมาจากคุณหนูตระกูลกู้อย่างไรเล่า นึกไม่ถึงว่าช่วงสุดท้ายในชีวิตของเจ้าจะน่าสมเพชอะไรขนาดนี้”
ว่านเหมยเฟิงหัวเราะแผ่วเบาด้วยความสาแก่ใจ เดิมทีนางไม่คิดว่าฉู่ซินเยว่จะเป็นเช่นนี้ แม้ว่าฉู่ซินเยว่จะไม่เป็นที่รักของสามี ถูกทอดทิ้งให้รั้งอยู่เมืองหลวงอย่างเดียวดาย แต่ฉู่ซินเยว่กลับให้กำเนิดทารกเพศชาย ที่เติบโตมาเป็นคุณชายที่เก่งกาจ เฉลียวฉลาด หน้าตาก็นับว่าดีไม่ผิดแผกจากบิดาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะมีคนมากมายก่นด่านินทา หรือให้ความสงสัยเกี่ยวกับการเกิดของคุณชายผู้นี้อยู่บ้าง แต่ยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนบิดา เช่นนั้นแล้วจะถือคำนินทาพวกนั้นจึงนับว่าไร้แก่นสารยิ่งนัก นางไม่คิดว่าฉู่ซินเยว่ที่นางเลี้ยงดูมาอย่างตามอกตามใจจะอดทนต่อคำติฉินนินทาได้มากมายถึงเพียงนี้ ทั้งที่นางโดนสามีหยามเกียรติ ครอบครัวสามีที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก ฉู่ซินเยว่ยังคงใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ เป็นฮูหยินที่ผู้คนนับหน้าถือตา ยิ่งสามี กับบุตรชายของนางประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ฐานะของนางก็ยิ่งสูงขึ้น นางเกลียดเหลือเกิน ฉูู่ซินเยว่เหมือนพี่สาวของนางในตอนนั้นไม่มีผิด โชคชะตาวาสนาทุกอย่างเข้าข้างนางเสียหมด นางเกลียดยิ่งนัก แต่เมื่อวันนี้มาถึงนางกลับรู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก
และเรื่องราวความแค้นของ ฉู่หรูหยวน ที่แค้นฉู่ซินเยว่ถึงขั้นปีนเตียงพี่เขย ก็เพราะในขณะนั้นอนุอี้หร่วนป่วยหนัก ฉู่หงซีผู้พ่อไปทำงานต่างเมือง ว่านเหมยเฟิงรังแกไม่ยอมให้ท่านหมอมารักษา และไม่ยอมให้นำแม่ของนางออกจากจวน ตอนนั้นนางกับฉู่เหรินเจี้ยนตั้งใจมาขอให้ฉู่ซินเยว่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ นางที่ห่างเหินจากความสัมพันธ์พี่น้องมาเนิ่นนาน ทั้งยังถูกว่านเหมยเฟิงปลูกฝังความคิดที่รังเกียจลูกอนุมา ทำให้นางไม่ยอมให้ความช่วยเหลือ ทั้งยังตัดความสัมพันธ์ เหยียดหยามสองพี่น้องอย่างเย็นชา เป็นเหตุให้อนุอี้หร่วนต้องตายจากไป
เรื่องราวในครั้งนั้นไม่เพียงแต่ฉู่หรูหยวนกับฉู่เหรินเจี้ยนโกรธนาง รวมทั้งท่านพ่อยังโกรธนางเป็นอย่างยิ่ง สตรีที่เขารักมากที่สุดก็คืออนุอี้หร่วน เขาไม่เคยชายตาแลสตรีอื่นใดเลยแม้แต่น้อย มารดาของฉู่ซินเยว่ที่เขาแต่งด้วยนั้นก็เพราะต้องการขยับฐานะของตนเอง เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางไปสู่ตำแหน่งขุนนาง แต่เขาก็ตอบแทนนางด้วยการแต่งเป็นฮูหยินเอก ให้เกียรตินาง และรักใคร่ เชิดชูนางตามสมควร แต่เมื่อฉู่ซินเยว่ไร้ใจถึงเพียงนี้ ตั้งแต่เรื่องราวครั้งนั้น ความสัมพันธ์ของสองพ่อลูกก็นับว่าตัดขาดกันตั้งแต่ตอนนั้น
ทั้งที่ความจริงแล้วมันเป็นความผิดนางจริงๆหรือ...
ฉู่เหรินเจี้ยนเป็นคนฉลาด เขาทำงานให้กับองค์ชายสิบร่วมกับหลานชาย
สุดท้ายก็ทรยศหลานชายกับองค์ชายสิบ
เป็นเหตุให้บุตรชายของนางต้องตาย
ฉู่ซินเยว่ไม่เคยเป็นมารดาที่ดี นางลุ่มหลงในความรักต่อเจียงเว่ยหมิง แม้ว่าเขาจะหมั้นหมายชอบพอกันอยู่กับคุณหนูกู้ ในยามนั้น ฉู่ซินเยว่ไม่เพียงไม่สนใจ นางกลับคิดว่านางนั้นมีรูปโฉมงดงาม ฐานะของนางก็ดีว่าคุณหนูกู้ผู้นั้นมาก แม้ว่านางจะฉวยโอกาสลวงเจียงเว่ยหมิงจนนางสามารถตั้งครรภ์ และแต่งมาเป็นฮูหยินเอกของเขาได้ แต่เขาก็ไม่เคยนึกให้อภัยรักใคร่นางเลยแม้แต่น้อย ตลอดเวลาที่ฉู่ซินเยว่ตั้งครรภ์ นางคาดหวังว่าบุตรคนนี้ของนางจะทำให้เจียงเว่ยหมิงให้อภัย เมตตา และเริ่มรักใคร่นางบ้าง อย่างไรแล้วนางก็คือภรรยาเอกที่ได้ให้กำเนิดบุตรชายของเขา ทว่า… มันไม่เคยเป็นเช่นนั้นเลย
ฉู่ซินเยว่จึงเริ่มเกลียดชังบุตรชายตัวเอง นางไม่เคยตั้งใจเลี้ยงดูเขาเลย แต่ก็ยังดีที่ท่านย่าของเขายังเมตตารักใคร่เลี้ยงดูอยู่บ้าง แต่ภายหลังที่ฉู่หรูหยวนแต่งเป็นอนุเข้ามา นางให้กำเนิดทารกคู่หงส์มังกร มีท่านนักพรตทำนายทายทักว่าเด็กทั้งสองจะนำพาความรุ่งโรจน์มาสู่ตระกูลเจียง ทำให้เจียงฮุ่ยบุตรชายของนางไม่ถูกท่านย่ารักใคร่อีกเลย เด็กน้อยต้องเติบโตมาอย่างยากลำบาก มารดาร้ายกาจโง่เขลา กว่าที่ฉู่ซินเยว่จะรู้ว่าตัวนางรักบุตรชายมากแค่ไหน ก็ตอนที่รู้เรื่องว่าเขาร่วมมือกับองค์ชายสิบ ก่อกบฏ เขาถูกกองทัพที่นำโดยบิดาของตัวเองกวาดต้อนจนจนมุม
เจียงเว่ยหมิงลงมือสังหารบุตรชายด้วยมือของตัวเอง ฉู่ซินเยว่จำภาพนั้นได้ดี มันยังคงติดตานาง หลอกหลอนนางทุกค่ำคืน ยามที่นางหลับตานางมักจะพานพบแต่ความเจ็บปวดที่บุตรชายตาย และนางยิ่งเจ็บปวดมากกว่านั้นคือตลอดเวลาที่ผ่านมา นางเป็นมารดาที่แย่เพียงใด นางเข้าใจแล้วว่าต่อให้เจียงเว่ยหมิงไม่รักนาง มันก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว นางไม่เข้าใจเขาเลยแม้แต่น้อย นางอาจจะไม่ใช่คนที่เขารัก แต่เหตุใดถึงได้ลงมือกับลูกอย่างโหดร้ายถึงเพียงนั้น พยัคฆ์ร้ายยังไม่กินลูกของตนเอง เหตุุใดเขาถึงได้อำมหิตขนาดนั้น เกลียดนางฆ่านางไม่ง่ายกว่าหรือ…
ฉู่ซินเยว่จำได้เพียงกลิ่นคาวเลือด กับน้ำเสียงอ่อนแรงของบุตรชายที่พูดกับนางเพียงสั้นๆ ว่า
ท่านแม่...
นางกอดร่างบุตรชายที่สิ้นลมหายใจในอ้อมกอดของนาง ฉู่ซินเยว่กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด น้ำตาของนางไหลออกมา นางไม่เคยร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน นางอุ้มท้องเขามานานหลายเดือน แม้ว่านางจะใจร้ายกับเขา แต่นางก็ยังคอยมองพัฒนาการทุกย่างก้าวของเขา นางยังจดจำวันที่เขาเดินเตาะแตะมาเกาะชายกระโปรงของนาง เสียงน้อยๆเรียกขานนางว่าท่านแม่อย่างไม่ชัดเจนได้ไม่เคยลืม แม้ว่านางจะเย็นชาต่อเขา แต่นางก็ภาคภูมิใจที่เขามีสติปัญญา ความสามารถที่ดีเยี่ยม นางเคยสงสัยว่าเจียงเว่ยหมิงเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าลูกของนางและเขาเก่งกาจขนาดนี้ เขาเคยภาคภูมิใจในตัวลูกบ้างหรือไม่
แต่การที่เขาสังหารบุตรชายของนางมันก็ชัดเจนแล้ว ว่าเขาเกลียดนาง เกลียดลูกของนาง...
แม้ว่าชีวิตภายในคุกจะไม่ได้ลำบากขนาดนั้น ฉู่ซินเยว่ไม่ได้รับโทษประหาร แต่นางรู้ว่ามันเป็นเพียงความต้องการอันจอมปลอมของเจียงเว่ยหมิง เขาเจตนาที่จะกักขังนางไปชั่วชีวิต ให้นางต้องจมกับความทุกข์ที่นางเคยกระทำ สิ่งที่นางทำผิดพลาดไป ฉู่ซินเยว่จึงได้แต่หัวเราะยิ้มบ้างราวกับคนเสียสติ บางครั้งนางเหม่อลอย บางครั้งนางนอนนิ่งเอาแต่จ้องมองผนังด้านบน
“พี่สาว ท่านเอาแต่เหม่อลอยทั้งวันไม่เบื่อหรือ” เสียงของฉู่รั่วหลานน้องสาวคนเล็ก ฉู่ซินเยว่แม้จะถูกขังอย่างไม่รู้วันเดือนปี แต่นางก็รู้ว่าน้องสาวคนนี้ปรารถนาตำแหน่งฮูหยินเอกของท่านแม่ทัพ ที่แม้แต่ฉู่หรูหยวนที่เป็นอนุยังไม่ได้ตำแหน่งนี้ น่าเสียดายที่พี่น้องสามคนต้องมาแย่งชิงผู้ชายคนเดียว ฉู่รั่วหลานอายุไม่น้อยแล้ว สามีของนางตายจากไปหลังแต่งงานไม่นาน ทำให้นางถูกครหาว่าเป็นหญิงชั่วที่ทำให้สามีตาย นางจึงกลับมาอยู่ในตระกูลฉู่ ยิ่งเรื่องราวของการก่อกบฏ ทำให้ตระกูลฉู่ตกต่ำ นางจึงไม่อาจแต่งงานใหม่ได้โดยง่าย แม้ว่าท่านพ่อจะพยายามหาบุรุษที่เหมาะสม นางที่เห็นว่าพี่เขยของนางไม่ได้แต่งตั้งฮูหยิน นางเอกก็ปรารถนาอยากจะเป็นฮูหยินตระกูลเจียง เพราะในตอนนี้เจียงเว่ยหมิงพี่เขย ได้มีตำแหน่งเป็นถึงโหว ได้รับพระราชทานนามนำหน้าว่าเจิ้ง นับว่าตระกูลเจียงในยามนี้รุ่งโรจน์ยิ่งนัก หากนางได้เป็นโหวฮูุหยิน ชีวิตของนางจะดีสักเพียงใดกัน
“มาทำไม”
“ข้าว่าแล้วว่าท่านต้องไม่ได้เสียสติขนาดนั้น แต่เอาเถอะ ข้ากลัวว่าท่านจะเหงาก็เลยนำของฝากมาฝากท่าน ท่านจะได้ไปอยู่กับบุตรชายของท่านเป็นอย่างไร” ฉู่รั่วหลานกล่าวก่อนจะวางของอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้นายทหารพวกนั้นรู้ว่านางพกพาสิ่งใดมา คราวก่อนฉู่ซินเยว่ดึงฉู่รั่วหลานเข้ามาใกล้ ก่อนจะใช้นิ้วเขียนบางอย่างลงบนฝ่ามือ
กริช
ฉู่ซินเยว่ยิ้มอย่างเหม่อลอยก่อนจะมอบกุญแจให้กับฉู่รั่วหลานตามสัญญา นางมอบกุญแจเก็บทรัพย์สินอันมั่งมีที่นางถือครอง ของพวกนั้นเป็นของตระกูลว่านฝั่งมารดาของนาง ภายหลังมารดาของนางแต่งงานออกมา ไม่นานท่านตาท่านยายก็พากันป่วยด้วยโรคติดต่อ ทรัพย์สินของตระกูลว่านนั้นมีมากมายจริงๆ ฉู่รั่วหลานยิ้มอย่างมีความสุข สำหรับฉู่ซินเยว่แล้ว ทรัพย์สินเงินทองพวกนั้นจะมีความหมายอะไร เจียงเว่ยหมิงหวังให้นางมีลมหายใจอย่างเจ็บปวด แต่นางจะไม่ให้เขาสุขสมหวังอย่างแน่นอน
เจียงฮุ่ย
ชาติหน้าขอให้เราสองคนได้เกิดมาพบเจอกันอีกนะลูก
ขอให้แม่ได้ชดใช้ในสิ่งที่แม่ได้ทำกับลูก...
ฉู่ซินเยว่หยิบกริชอันแหลมคมออกมา นางหยิบมันแทงเข้าหาตัวเองอย่างแรงจนมิดด้าม ไม่มีแม้แต่ความหวาดกลัวต่อความเจ็บปวด นางรับรู้ถึงความเจ็บปวดในร่างกายที่นางได้รับ ในหัวของนางพลางครุ่นคิดถึงบุตรชาย ลูกโดนชายผู้นั้นทำร้ายมันคงเจ็บมากใช่หรือไม่… ร่างของฉู่ซินเยว่หงายหลังลงไปนอนบนที่นอน นางยิ้มรับกับเส้นทางแห่งความตายด้วยความยินดี ความเจ็บปวดทรมานที่เกิดขึ้นก็แค่เพียงชั่วคราว นางไม่ได้หวาดกลัวต่อความตาย ลมหายใจของนางเริ่มขาดห้วง ร่างกายของนางกระตุกไปมาไม่กี่ครา ก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงไป ฉู่ซินเยว่หวังเพียงนางจะลืมความเจ็บปวด เพียงได้ข้ามสะพานไน่เหอ ดื่มน้ำแกงลืมเลือนของยายเมิ่ง
…
เรื่องราวการตายของโหวฮูหยินโด่งดังไปทั่วเมืองหลวง แม้ว่านางจะได้รับโทษติดคุก แต่สถานะของนางกลับไม่เคยเปลี่ยนแปลง นางยังคงเป็นฮูหยินของเจิ้งโหวตระกูลเจียง เขาพาร่างไร้วิญญาณของนางออกมาจากคุก ทำพิธีร่วมกับร่างของบุตรชายที่เขาเก็บไว้ หวังให้พวกเขาทั้งสองแม่ลูกได้เดินทางไปสู่ปรโลกด้วยกัน
แม่ทัพเจียงมองโลงตรงหน้าทั้งสองด้วยความรู้สึกผิด...
เขาไม่ได้อยากให้เรื่องราวมันดำเนินมาเป็นเช่นนี้เลย แต่ทว่า... กาลเวลาก็เปรียบดั่งสายตาไม่มีวันที่มันจะย้อนคืนกลับไปแก้ไขได้ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแค่ ชั่วชีวิตนี้ของเขาตั้งใจที่จะไม่รับสตรีคนไหนเข้ามาแทนที่ตำแหน่งของฉู่ซินเยว่อีก เขาจะให้นางเป็นภรรยาของเขาแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…
ทว่า… เรื่องพวกนี้สำหรับคนตาย มันไม่สำคัญเลยสักนิด
ฉู่ซินเยว่เมื่อตายแล้วนางก็จากไปในทันที นางหรือจะรู้เรื่องราวในภายหลังของคนที่นางไม่นึกสนใจอีกแล้ว
สิ่งที่ฉู่ซินเยว่ต้องเผชิญมาโดยตลอดคือความทุกข์อันแสนเนิ่นนานมาหลายปี ความรู้สึกเปลี่ยวเหงาที่สามีไม่รักใคร่ นางต้องทะเลาะกับพี่น้องเรื่องของบุรุษ แย่งชิงมาตลอดทั้งชีวิต สุดท้ายชีวิตของนางก็จบลงที่การสูญเสียบุตรชายต่อหน้าต่อตา นางเคียดแค้นก็จริง แต่ที่นางเกลียดที่สุดก็คือตัวนางเอง เพราะนางทำตัวเองชีวิตถึงได้มาในจุดนี้ หากนางเฉลียวใจสักนิด นางจะไว้ใจว่านเหมยเฟิงหรือ…
เป็นเพราะนางโดยแท้ แย่งชิงบุรุษของผู้อื่น
ยัดเยียดตัวเองเข้ามา ทั้งที่เขาไม่ต้องการ แล้วปรารถนาจะให้เขารักใคร่ เมตตา
คิดจะใช้ลูกที่เขาไม่เต็มใจให้เกิดมาเรียกร้องความรักจากชายผู้นั้น
นางเนี่ยแหละที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทั้งปวง…