06

3106 Words
“เจ้าไม่เห็นอย่างที่ข้าเห็น แต่ช่างมันเถอะเก็บเรื่องนี้ให้เป็นความลับ ไม่ว่ามันจะเป็นทองของใคร ข้าจะขโมย” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางตั้งใจแล้วจะเอา นางก็จะเอา แผนการของนางอาจจะมีช่องโหว่อยู่บ้าง แต่นางเชื่อว่านางสามารถสร้างแพะรับบาปตัวโตของนางได้อยู่แล้ว ฉู่เหรินเจี้ยนมีจุดอ่อนเป็นสตรี เดิมทีฉู่ซินเยว่เสียดายเงินเหมือนกันที่จะต้องมอบให้แม่นางอันอันผู้นั้น แต่คิดดูแล้วก็มอบทองในห้องนั้นนั่นแหละให้แก่แม่นางอันอัน ดีเหมือนกันไม่เสียเงินแม้แต่เฉียนเดียว “คุณหนู ท่านจะทำเรื่องแบบนี้ไปทำไมก็ไม่รู้” เสี่ยวชิงก็ยังคงไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรนอกจากไปทำงานอย่างปกติ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ฉู่ซินเยว่ยังคงเก็บตัวรอจนถึงวันที่พี่ชายของนางได้ไปเที่ยวหอเสียนหลิง ความจริงนางก็อยากติดตามไปดูเรื่องราวความเป็นมาเป็นไป แต่เพราะคิดย้อนดูแล้ว หากเงินนั่นเป็นของคนอื่นก็หมายความว่าการที่นางจะทำอะไรก็ต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ นางจะย่ามใจทำตามอำเภอใจไม่ได้เด็ดขาด “เสี่ยวชิง หากพี่ชายเจ้าส่งจดหมายรายงานมาก็บอกข้าที ส่วนเงินพวกนี้เตรียมส่งให้พี่ชายเจ้าไปจัดการเรื่องหอเสียนหลิงให้ข้า และเงินส่วนนี้มอบให้พี่ชายเจ้าไปจัดการเรื่องเปลี่ยนแปลงตัวตนของครอบครัวพี่สะใภ้เจ้า” ฉู่ซินเยว่กล่าวย้ำกับเสี่ยวชิง หมู่บ้านซานตงในเมืองอู่โจว เคยประสบภัยพิบัติน้ำท่วมเมื่อหลายสิบปีก่อน ทำให้ผู้คนมากมายต้องตายจากไป หากปลอมแปลงตัวตนเป็นคนจากที่นั่นก็นับว่าเหมาะสม พวกเขาจะได้ย้ายเมืองไปอยู่ซูโจว เมื่อสร้างเรือนก็จะมีศาลบรรพชน ตระกูลของแม่นางไป๋ไม่มีธรรมเนียมป้ายบรรพชนเพราะกลัวทางการจับได้ ก็เพียงแค่นำป้ายบรรพชนตระกูลว่านของนางไปตั้งไว้ เพียงอุทิศตัวเป็นลูกหลานตระกูลว่านแท้จริง บรรพบุรุษตระกูลว่านย่อมไม่ถือโทษโกรธนางอย่างแน่นอน ฉู่ซินเยว่ตั้งใจจะทำให้ตระกูลว่านกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง “เจ้าค่ะ” “คุณชายท่านโปรดถนอมข้าน้อยด้วยนะเจ้าคะ” เสียงอ่อนหวานแสนไพเราะของแม่นางอันอันกล่าว นางมีเรือนกายอวบอิ่ม ผิวกายของนางขาวนวลสะท้อนแสงเทียน ดวงตากลมโตมีน้ำตาคลอหน่วย ท่าทางของนางน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางเปิดเผยจนเห็นเนินอกอิ่มที่แทบจะหลุดออกมาชวนให้เชยชม ฉู่เหรินเจี้ยนไม่ใช่ชายบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านเรื่องราวเช่นนี้ เขาไม่คิดว่าเขาจะได้รับคำเชิญ และได้เป็นผู้ชนะในวสันต์คืนแรกของแม่นางอันอัน ...นางช่างงดงามนัก “เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร เหตุใดข้าถึงชนะในค่ำคืนนี้ของเจ้า” “คะ คุณชายรังเกียจนางโลมเช่นข้าน้อยหรือเจ้าคะ ฮึก... ข้าน้อยเพียงเคยพบท่าน ใจของข้าน้อยกลายเป็นของท่านตั้งแต่แรกพบ วสันต์ค่ำคืนแรกของข้าน้อย ข้าน้อยจึงอยากจะมอบมันให้แก่ท่าน หากว่าท่านไม่เต็มใจ ฮึกก ข้าน้อยขออภัยคุณชายจริงๆ เจ้าค่ะ” แม่นางอันอันกล่าว น้ำเสียงของนางช่างหวานนุ่ม ท่าทางคำพูดแสนถ่อมตนในความต่ำต้อยของนาง หยาดน้ำตาของนาง มันช่างดูงดงามอย่างยากจะละสายตา วสันต์ค่ำคืนแรกต้องใช้กำยานราคาแพงโดยเฉพาะ ใครที่ย่างเท้าเข้ามาในห้องนี้แล้วคิดจะต้านทานกำยาน กับเสน่ห์สตรีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ถูกฝึกฝนมาอย่างพิเศษได้ ก็นับว่าเก่งกาจเกินไปแล้ว ...น่าเสียดายที่คนอย่างฉู่เหรินเจี้ยนไม่ใช่พวกฉลาดขนาดนั้น “ข้าเต็มใจ ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้เจ้าเป็นแต่ของข้าเพียงผู้เดียว แม่นางอันอัน” ฉู่เหรินเจี้ยนกล่าว เขาเข้าไปกอดร่างนุ่มนิ่มของแม่นางอันอัน อีกฝ่ายแสร้งเอียงหน้าก้มเล็กน้อย ให้เขาเชยชมกลิ่นกายหอมกรุ่นจากตัวของนาง ก่อนนางจะเอนกายลงไป เสื้อผ้าอาภรณ์ถูกถอดลงไปกองกับพื้น ผิวกายขาวเนียนนุ่มละมุนถูกลูบไล้ไปตามความเสน่หา แม่นางอันอันยิ้มกริ่ม อย่างน้อยนางก็ได้บุรุษหนุ่มที่ไม่ใช่ไอ้เฒ่าพุงกางที่เวลาร่วมรักจะต้องเอาพุงมาดันนาง ทั้งยังมีกลิ่นสาบคนแก่ที่นางรังเกียจ แต่เมื่อถึงขั้นตอนสอดใส่ทางรัก แม่นางอันอันก็ต้องนิ่วหน้า... มันไม่ใช่เพราะความใหญ่โตจนทำให้นางต้องตกใจ แต่เพราะมันเล็กจนเกินไปต่างหาก... แม่นางอันอันต้องเกร็งร่างกายเพื่อสอดรับกับความเล็กประหนึ่งนิ้วสอดใส่ คุณชายฉู่เหรินเจี้ยนเห็นแม่นางอันอันนิ่วหน้าก็คิดว่านางกำลังเจ็บปวด เขาจูบปลอมประโลมนาง “หากทำเจ้าเจ็บ ข้าขออภัย” เขายังคงคิดว่าตัวเขาทำให้นางต้องเจ็บปวด แต่ไม่เลย แม่นางอันอันได้แต่ต้องเกร็งร่างกายเพื่อไม่ให้เขารู้ว่านางไม่บริสุทธิ์ จนกระทั่งเสร็จกิจ แม่นางอันอันก็ได้แต่ต้องแสดงออกว่านางนั้นหมดเรี่ยวหมดแรงกับเพลงรักที่คุณชายบรรเลงอย่างเร่าร้อน ฉู่เหรินเจี้ยนเห็นแม่นางอันอันนอนหอบเหนื่อยก็ถูกใจนางราวกับว่านางมีมนตราที่ทำให้เขารักใคร่ ฉู่ซินเยว่นั่งอ่านจดหมายบรรยายของมู่หรงเลี่ยงพร้อมกับคำหยาบคายที่เขาเขียนด่าทอนางมาในท้ายจดหมายที่ต้องไปแอบดูบทรักของคนทั้งคู่ ทั้งเขายังมีอารมณ์ขบขันบรรยายถึงขนาดของพี่ชายนาง ว่าแม้แต่ขันทียังมีความเป็นชายมากกว่า น่าเวทนาฉู่เหรินเจี้ยนเสียจริง หน้าตาก็ไม่ได้แย่ รูปร่างสูงใหญ่ นับว่าเป็นบุรุษที่องอาจหล่อเหลา น่าเสียดายมีจุดอ่อนที่เป็นที่ขบขันอะไรเช่นนี้ ฉู่ซินเยว่อ่านจนพอใจ นางก็ยกกระดาษเผากับเทียนก่อนจะโยนลงในกระถางกำยานปล่อยให้มันมอดดับจนกลายเป็นเถ้าถ่านไป “คุณหนูแล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ” เสี่ยวชิงถามด้วยความเป็นห่วง นางไม่นึกเลยว่าคุณหนูจะกล้าทำขนาดนี้ ถึงขั้นตั้งใจให้คุณชายใหญ่ไปติดพันสตรีในหอนางโลม ทั้งที่ปกติแล้วพวกคุณหนูผู้ดีทั้งหลายมีแต่คนเหยียดหยามพวกคนในหอนางโลมทั้งนั้น ใครบ้างอยากจะเข้าไปเกี่ยวพันกับคนพวกนั้นให้เสื่อมเสียเกียรติ “ข้ายังเหลือเวลาอีกมาก คงไม่คิดบุ่มบ่ามอะไร เรื่องจวนที่ซูโจว เห็นทีอาจจะต้องให้พ่อแม่ของแม่นางไป๋เป็นคนจัดการแล้ว อย่างไรวันหน้าพวกเขาก็ต้องเป็นบิดามารดาตัวปลอมของข้า” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางคิดว่านางอาจจะต้องใช้มู่หรงเลี่ยงสักพัก ระหว่างนี้เขาอาจจะต้องเดินทางไปกลับที่ซูโจวบ่อยครั้ง จวนที่ฉู่ซินเยว่ตั้งใจจะสร้างมีจวนตระกูลว่าน และจวนตระกูลมู่ อย่างน้อยนางก็ต้องตอบแทนมู่หรงเลี่ยงให้หนักหน่อย วันหน้าเขาจะเป็นเกราะกำบังชั้นดีให้แก่นาง “แล้วแต่คุณหนูเถอะเจ้าค่ะ” “น้องสาว เจ้าจะไปห้องหนังสือหรือ” เสียงของพี่ใหญ่เรียกฉู่ซินเยว่ นางแย้มยิ้มกับพี่ชายอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขามองหน้าน้องสาวคนนี้อย่างไม่เข้าใจ “เจ้าเป็นคนให้ข้าไปที่หอเสียนหลิงเพื่อสิ่งใดกัน” ฉู่เหรินเจี้ยนกล่าว เขาตามสืบด้วยความสงสัยจนรู้ว่าที่มาทั้งหมดก็คือน้องสาวคนนี้ของเขา แล้วนางจะมาโกหกเขาทำไมกัน ฉู่ซินเยว่ถอนหายใจ นางคำนวณสติปัญญาของคนตรงหน้าพลาดไปเล็กน้อย แต่ว่า... นางไม่ได้กลัวเลยสักนิด “อีกไม่นานข้าก็จะถึงช่วงวัยออกเรือน ข้าไม่ค่อยได้เข้าร่วมงานเลี้ยง ไม่ค่อยได้พบปะผู้คน พี่ใหญ่รู้จักคนมาก ข้าก็อยากให้ท่านช่วยข้า ข้าเพียงอยากออกงานไปเพื่อหาคู่ที่เหมาะสมพอดีกับข้าเจ้าค่ะ ส่วนเรื่องแม่นางอันอัน เดิมทีข้าเพียงตั้งใจจะหาสตรีจากหอเสียนหลิงให้ท่าน แม่นางอันอันเสนอตัวเพราะชอบท่าน ค่าตัวนางจึงไม่ได้แพงขนาดนั้น เจตนาของข้าก็เพื่อเอาใจพี่ใหญ่เท่านั้น เพียงแค่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนเล็กน้อย ท่านอย่าได้คิดมากไปเลย ข้าเป็นเพียงสตรีจะมีเรื่องอะไรไปลวงหลอกท่านได้" ฉู่ซินเยว่กล่าวอย่างยืดยาว พลางเสแสร้งทำท่าทางเหมือนสตรีวัยแรกแย้มที่กำลังขัดเขิน เดิมทีฉู่เหรินเจี้ยนคิดว่านางกำลังล่อลวงอะไรบางอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าแท้จริงแล้วน้องสาวผู้นี้เพียงต้องการแค่หาบุรุษที่เหมาะสมเท่านั้น นั่นไม่แปลกเลยเพราะว่านเหมยเฟิงไม่ค่อยได้รับเชิญจากเหล่าฮูหยินในเมืองหลวงสักเท่าไหร่นัก ฉู่ซินเยว่เองก็ถึงวัยใกล้จะออกเรือน แต่กลับไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน สำหรับฉู่เหรินเจี้ยนการแต่งงานของน้องสาวแต่ละคนล้วนมีค่าสำหรับเขาทั้งสิ้น อย่างน้อยก็เป็นความมั่นคงในอนาคตให้แก่เขาได้ เช่นนั้นเรื่องนี้นับว่าปกติจริงๆ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แล้วเจ้ามีใครที่ถูกใจบ้างหรือไม่เล่า” “ข้าไม่เคยออกจากจวนไปพบใคร ข้าไม่ทราบเลยเจ้าค่ะ เพียงแต่... แต่ข้าเคยพบคุณชายเจียงครั้งหนึ่ง ขะ ข้า” ฉู่ซินเยว่กล่าวพลางก้มหน้างุด ท่าทางของนางขัดเขิน ฉู่เหรินเจี้ยนเข้าใจได้ไม่ยาก คุณชายเจียงผู้นั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรในชาติตระกูลมาก แต่กลับมีความสามารถ และรูปลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ไม่แปลกนักหรอกที่หากสตรีใดได้พบเขา แล้วจะชื่นชอบ เพียงแต่ฉู่เหรินเจี้ยนจำได้ว่าเจียงเว่ยหมิงผู้นี้มีพันธะหมั้นหมายแล้ว แต่ช่างเถอะ… หากว่าฉู่ซินเยว่มีฝีมือ นางจะแย่งชิงมาก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรไป คนอย่างเจียงเว่ยหมิงหากได้เป็นญาติกันก็นับว่าดีทีเดียว เขาถือเป็นศิษย์คนสำคัญในสำนักการต่อสู้ เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ โดดเด่นในหมู่เหล่าบัณฑิตไม่น้อยเลย “เขาหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลกู้แล้ว อีกไม่นานก็คงจะแต่งงานกัน” “เพียงแค่หมั้นหมายไม่ใช่หรือเจ้าคะ” “นี่เจ้า” “ขอเพียงพี่ใหญ่ช่วย เรื่องแม่นางอันอัน ท่านพ่ออาจไม่เห็นด้วย แต่ข้าจะช่วยท่านซื้อตัวนางให้เป็นสมบัติของท่านเจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่กล่าว ดวงตาของนางเป็นประกายมีความหวัง ฉู่เหรินเจี้ยนหัวเราะในลำคอ เดิมทีเขาไม่คิดว่าน้องสาวคนนี้จะมีความร้ายกาจซุกซ่อนไว้แบบนี้ ในอดีตเขาก็เคยเล่นสนุกสนานกันสามคนพี่น้องมาโดยตลอด ฮูหยินคนก่อนก็มักจะใจดี เมตตาพวกเขาสองพี่น้องเสมอ สิ่งใดที่ฉู่ซินเยว่ได้ พวกเขาสองพี่น้องล้วนได้เท่าเทียมกัน เพียงแต่ภายหลังเป็นว่านเหมยเฟิง ทำให้พี่น้องทั้งสามต้องถูกแยกออกไปด้วยฐานะที่แตกต่างกัน นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ไม่เคยสนิทกับฉู่ซินเยว่อีกเลย ถ้าหากเรื่องครั้งนี้จะทำให้พวกเขาพี่น้องกลับมาสนิทสนมกันได้เช่นเดิมก็นับว่าดีนัก เขาจะได้ใช้ประโยชน์จากนางได้ ทั้งในเรื่องการเงินก็ด้วย “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะถูกใจแม่นางอันอันของเจ้า” “ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ แต่เสี่ยวชิงเคยพบแม่นางอันอัน นางบอกว่าสวยอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างนางมีราคาสูงมากอันดับต้นๆของหอเสียนหลิง ข้าไม่รู้ว่าท่านจะถูกใจนางหรือไม่ แต่การได้ครอบครองหนึ่งในสุดยอดสตรีของหอเสียนหลิง ย่อมทำให้พี่ใหญ่พึงพอใจอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่กล่าวราวกับนางเป็นเพียงเด็กสาวไม่ประสีประสาเท่าไหร่นัก ฉู่เหรินเจี้ยนคลายกังวลอย่างสบายใจ โดยไม่นึกถึงสิ่งใดอีก นอกจากรอยยิ้มหวานของแม่นางอันอัน เขามีความสุขมากทีเดียวยามได้อยู่กับนาง “เจ้าเฉลียวฉลาดนัก ใช่... ข้าพึงพอใจนาง แต่ราคาค่าตัวของนางสูงนัก” “พี่ใหญ่วางใจ ข้าเตรียมเงินซื้อนางให้ท่านแล้ว เพียงแต่เรื่องจะพานางเข้ามาในจวน ข้าคงช่วยท่านไม่ได้” ฉู่ซินเยว่กล่าวตามตรง ความจริงนางก็ไม่คิดจะช่วยอยู่แล้ว หากให้แม่นางอันอันเข้ามาในจวน แผนการอาจจะผิดพลาดเอาได้ สู้ให้นางอยู่ที่เดิมแล้วให้เจ้าลูกเต่าโง่นี่คอยแวะเทียวหาน่าจะง่ายกว่า “ถ้าหากข้าไม่คิดจะช่วยเจ้าเล่า” “เช่นนั้นก็นับว่านี่เป็นของขวัญล้ำค่าที่ข้ามอบให้ท่านในฐานะน้องสาวก็ได้เจ้าค่ะ เรื่องบุรุษ ข้าคิดว่าข้าก็ยังมีหลายวิธีนัก” ฉู่ซินเยว่บอกพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป ฉู่เหรินเจี้ยนพยักหน้า ในเมื่อน้องสาวไม่ได้มีแผนการอะไรซับซ้อน นางเพียงแค่ต้องการบุรุษที่เหมาะสมกับตัวนาง เจียงเว่ยหมิงก็ไม่ใช่บุรุษต่ำช้าอะไร อีกทั้งคิดดูแล้วสถานะของน้องสาวกับคุณชายเจียงก็ดูจะเหมาะสมกันอยู่ หากว่าเขาจะให้ความช่วยเหลืออะไร ด้วยฐานะความมั่งคั่งของฉู่ซินเยว่ วันหน้าเขาคงไม่ลำบากขัดสนเรื่องเงินทอง เช่นนั้นมีอะไรไม่ดีกัน ฉู่ซินเยว่กลับเข้าไปในห้องสมุดของท่านพ่ออีกครั้ง นางเข้าไปในห้องลับก่อนจะหยิบทองออกมาหนึ่งก้อน ทว่า…เมื่อนางรื้อค้นของไปกลับพบของมีค่าหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นหยก เครื่องประดับล้ำค่า ดูแล้วเป็นงานละเอียดอ่อนประณีตนัก ฉู่ซินเยว่จับของพวกนี้อย่างเบามือ นางพยายามครุ่นคิดออกมามากมาย ของพวกนี้ล้ำค่าเกินกว่าจะเป็นของจากร้านเครื่องประดับ เกรงว่ามันน่าจะเป็นของที่มาจากช่างในวังเสียมากกว่า ฉู่ซินเยว่รีบไล่ความคิดออกไปก่อนจะรีบกลับออกมา นางหยิบมาเพียงแต่ทอง เพราะเกรงว่าหากหยิบเครื่องประดับออกมาแล้วอาจจะถูกจับได้ “คุณหนูรอง” อนุอี้หร่วนที่ทำหน้าที่เหมือนคนเฝ้าห้องสมุดแห่งนี้กล่าวทักทาย ฉู่ซินเยว่ถอนหายใจก่อนจะหันมามองอนุอี้ “อนุอี้ต้องการจะตรวจค้นอะไรข้าอีกล่ะ” “ข้าไม่ได้เจตนาเช่นนั้น เพียงแต่ทักทายท่านเท่านั้น” “ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านพ่อ หรืออนุอี้จะต้องหวงแหนที่นี่ขนาดนั้น ข้าก็เป็นลูกคนหนึ่งของท่านพ่อ เพียงแต่มาเลือกหาหนังสืออ่าน ข้าไม่เห็นว่าในนี้จะมีสิ่งใดน่าขโมยเลย ของทั้งหมดภายในห้องนี้เทียบกับแจกันที่เรือนข้ายังไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าเหมือนขโมยนักหรืออย่างไร” ฉู่ซินเยว่กล่าวอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินจากไป ความจริงที่นางแสดงท่าทางเช่นนี้ก็เพราะอยากรีบเดินหนีไปต่างหาก หากอนุอี้นึกอยากจะค้นตัวนางอีก ครั้งนี้คงไม่รอดพ้นอย่างแน่นอน อนุอี้เพียงมองตามหลังเท่านั้น เรื่องราวที่คุณหนูรองมาเรือนหนังสือก็นับว่าแปลกจริงๆ เพราะคุณหนูรองไม่เคยย่างกรายสนใจที่นี่มาก่อน แต่นางจะรู้เรื่องความลับได้อย่างไร เห็นทีนางคงจะคิดมากเกินไป ฉู่ซินเยว่กลับมาที่เรือนก็รีบหยิบก้อนทองออกมาสำรวจโดยละเอียด ความจริงในห้องเก็บทรัพย์สินนั้นมืดนัก ครั้งก่อนนางยังเห็นคบไฟ แต่ครั้งนี้นางแทบมองอะไรไม่เห็น วันหลังคงต้องพกตะเกียงไปบ้าง เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบกว่านี้ให้มากนัก “มีตราสัญลักษณ์ประทับจริงด้วย” ฉู่ซินเยว่งึมงำก่อนจะมองบนทอง มันมีส่วนนู่นเด่นออกมา เป็นคำว่า *****(โลกสงบสุขร่มเย็น) ฉู่ซินเยว่มือไม้สั่น นางเคยอ่านตำราประวัติศาสตร์ของราชวงศ์เฉิงฮัว หวงไทเฮาองค์สุดท้ายนั่นเป็นพุทธมามกะ พระนางทรงโปรดคำนี้มากที่สุด และพระนางมักจะสลักคำนี้ไว้ลงบนทรัพย์สินของพระนาง อย่างเช่นทองคำ พวกขันที นางในมักจะได้รับพระราชทานจากพระนาง วิธีดูที่ง่ายที่สุดก็คือคำจารึกบนทอง ผู้คนจะทราบได้ทันทีว่าได้รับพระราชทานมาจากตำหนักฉือหนิง ที่แท้แล้วเหตุใดของจากราชวงศ์เก่าถึงได้มาอยู่ในมือของท่านพ่อกัน หรือที่นางคิดว่ามันเกี่ยวกับเรื่องราวการก่อกบฏในครั้งนั้นก็เกี่ยวพันกับทรัพย์สินพวกนี้ด้วยหรือ “คุณหนูเป็นอะไรหรือเจ้าคะ” เสี่ยวชิงเข้ามาพร้อมกับขนมหวานและถ้วยชาชุดใหม่เพื่อเปลี่ยนให้กับเจ้านาย ฉู่ซินเยว่นิ่วหน้าจนอีกฝ่ายสงสัย “ทองพวกนี้มันมีตราประทับ มันเป็นทองของราชวงศ์เก่าเสี่ยวชิง นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย” “จะ จริงหรือเจ้าคะ คุณหนู ท่านก็ทราบดีว่าราชวงศ์ก่อนโดนโค่นล้มอย่างไร ถ้ามีของพวกนี้อยู่ในจวน ท่านพ่อของท่านอาจจะเป็นคนของราชวงศ์ก่อนก็ได้นะเจ้าคะ" “ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเสี่ยวชิง" ฉู่ซินเยว่กล่าว ที่นางแน่ใจก็เพราะว่าพ่อของนางเป็นพวกของฮ่องเต้ต่างหาก อนุอี้นั่นก็เป็นคนของลิ่งกุ้ยเฟย เป็นไปไม่ได้ที่ท่านพ่อจะเป็นคนของราชวงศ์ก่อน “เช่นนั้นจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะคุณหนู"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD