“ขะ ข้าก็ไม่ทราบเหมือนกันเจ้าค่ะ ผู้ให้บอกว่าไม่ใช่เรื่องของสตรี แค่อยากฝากมาเชิญท่านเท่านั้น” ฉู่ซินเยว่ส่ายหน้าแสร้งไม่เข้าใจ ทั้งที่นางก็รู้ดีว่าในจดหมายเชิญนั่นคืออะไร งานประมูลวสันต์นางโลมคืนแรกของหอเสียนหลิงนั้นมีแต่คนใหญ่โตทั้งนั้น คุณชายอย่างฉู่เหรินเจี้ยนหรือจะมีวาสนาได้รับเชิญ ฉู่ซินเยว่ซื้อตัวของแม่นางอันอันไว้รอเขาแล้ว มันช่างสะเทือนเงินทองของนางนัก สตรีหนึ่งคนกับคืนแรกลวงหลอก กลับทำเงินได้มากมายมหาศาล บางคนราคาแพงเสียยิ่งกว่าสินสอดที่เจ้าสาวผู้หนึ่งได้รับเสียอีก แต่คิดดูแล้วมันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ นางจะลากสตรีนางนั้นมาทำลายล้างผลาญชีวิตของฉู่เหรินเจี้ยนให้ไวขึ้น ตอบแทนบุญคุณที่เขากับบุตรชายของนางให้ดีสมกับเป็นคนแซ่เดียวกัน
“เช่นนั้นก็เอามา”
“เจ้าค่ะ งั้นข้าขอตัวนะเจ้าคะ” ฉู่ซินเยว่กล่าวก่อนจะเดินกลับไป ฉู่เหรินเจี้ยนมองจดหมายในมือก่อนจะเปิดมันออกมา จดหมายเชิญของหอเสียนหลิง เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย หอเสียนหลิงเป็นสถานที่เริงรมย์ของพวกขุนนางชั้นสูง พ่อค้าวาณิชผู้มั่งมี เขาเองก็เคยได้มีโอกาสไปร่ำสุรากับเพื่อนในสำนักศึกษาได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ด้วยเขาไม่ได้มีเงินทองมากมายขนาดนั้น บิดาเพิ่งเป็นขุนนางใหม่ ไม่ได้มาจากตระกูลที่สืบทอดกันมา หากคิดดูแล้วในจวนนี้คนที่มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดก็คงจะเป็นฉู่ซินเยว่ที่ได้รับมรดกมากมายจากตระกูลว่าน เขามองเทียบเชิญตรงหน้าก่อนจะเห็นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งที่ถูกสอดใส่มาด้วย แม้จะไม่รู้ว่าใครเป็นผู้มอบให้ แต่การที่ได้ไปเที่ยวที่นั่น อาจจะทำให้เขาได้พบสหายรู้ใจที่มาจากชนชั้นสูง บางทีอาจจะได้พบกันหนทางก้าวหน้าอย่างที่บิดาของเขาเคยทำมาก่อน
ฉู่เหรินเจี้ยนยกยิ้มก่อนจะเดินกลับเรือนอย่างอารมณ์ดี ฉู่ซินเยว่ที่แอบยืนมองผลงานตนเองพลางเหยียดยิ้มเล็กน้อยด้วยความพึงพอใจ เกรงว่าวันหน้าฉู่เหรินเจี้ยนจำต้องใช้เงินจำนวนมากก็คงจะต้องมาหาพึ่งพานางหลายครั้งหลายหนอย่างแน่นอน และนี่ก็จะเป็นการป้ายสีในการใช้เงินของเขาได้เป็นอย่างดี ฉู่เหรินเจี้ยนจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในการตายของนาง สิ่งของมีค่าบางอย่างที่นางสั่งทำของเสมือน บางส่วนนางตั้งใจจะนำไปขาย และบางส่วนที่เป็นของสำคัญก็เก็บเอาไว้ ที่นางขายของบางส่วนก็เพราะต้องการสร้างหลักฐานว่าในตลาดนั้นมีข้าวของของคุณหนูฉู่ออกมาขาย ด้วยฐานะของนางไม่มีทางที่จะขายของพวกนั้นเองอย่างแน่นอน หน่วยสืบสวนสอบสวนย่อมต้องตามรอยข้าวของ เงินทอง แรงเหตุจูงใจในการสังหารนาง ถึงตอนนั้นนางจะเพิ่มเหตุให้ลงมืออีกสักส่วนสองส่วน ฉู่เหรินเจี้ยนอาจจะหนีพ้นผิด แต่ไม่มีทางพ้นปากชาวบ้านอย่างแน่นอน ว่านเหมยเฟิงที่อยากจะมีบุตรชาย นางย่อมต้องลงมือจัดการผสมโรงให้ฉู่เหรินเจี้ยนหมดความชอบธรรมไปเสียให้สิ้น
“คุณหนู ท่านจะยอมให้เงินคุณชายไปล้างผลาญเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เสี่ยวชิงกล่าว ตั๋วเงินนั่นมีมูลค่าเกือบหนึ่งร้อยตำลึงทอง คุณหนูกล้ามอบให้คุณชายขนาดนั้นได้อย่างไร ฉู่ซินเยว่หัวเราะเล็กน้อย นางหยิบกุญแจที่ท่านแม่เคยมอบให้นางก่อนตายออกมา
“กุญแจนี่เป็นที่เก็บทรัพย์สินลับของท่านพ่อที่อยู่ในห้องหนังสือ ท่านแม่มอบให้ข้าไว้ มันมีทั้งหมดสามดอก หนึ่งดอกอยู่กับท่านพ่อ อีกหนึ่งอยู่กับอนุอี้หร่วน และดอกสุดท้ายเป็นดอกที่ท่านแม่สั่งทำโดยไม่ให้ใครรู้ และมันเป็นของข้า” ฉู่ซินเยว่กล่าว เดิมทีนางไม่เคยใส่ใจกุญแจดอกนี้ ท่านพ่อมาจากตระกูลที่ยากจนจะหาอะไรมามีทรัพย์สินมากมายเทียบเท่ากับที่นางมี จนกระทั่งที่ฉู่เหรินเจี้ยนได้กลายเป็นคุณชายคนสำคัญ และนางได้เห็นความมั่งคั่งของเขานั่นแหละ นางถึงได้รู้ว่าความจริงท่านพ่อร่ำรวยยิ่งนัก ฉู่เหรินเจี้ยนจึงสามารถใช้เงินซื้อตัวนางโลมอย่างแม่นางอันอันมาเลี้ยงดูที่จวนได้
“นายท่านน่ะหรือเจ้าคะที่จะมีเงินทองถึงขั้นต้องมีกุญแจลับพวกนี้ด้วย”
“พรุ่งนี้ก็คงได้รู้กัน” ฉู่ซินเยว่กล่าว ก่อนจะเดินกลับจวนด้วยความสบายใจ ระยะหลังนางมักจะไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกับใคร เพียงอ้างว่าป่วย น่าเสียดายที่ไม่มีใครสักคนที่จะห่วงใยมาสนใจนางเลยสักคน แต่เป็นเช่นนี้ก็ดี ยามที่นางลงมือ นางจะไม่รู้สึกผิดอะไรมากมายนัก
ฉู่ซินเยว่ในอีกวันหนึ่ง นางแสร้งเข้าไปในห้องสมุดของท่านพ่อ นางไม่ค่อยมาที่นี่บ่อยครั้งนัก แต่ก็ได้พบกับอนุอี้หร่วน ความสัมพันธ์ของนางและสตรีผู้นี้ไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรกันมากมายนัก เพราะมารดานางไม่ได้ปฏิบัติต่ออนุอี้หร่วนเลวร้าย อีกทั้งฉู่ซินเยว่ก็ไม่เคยทำสิ่งใดให้หมางใจต่ออนุอี้หร่วนสักครั้ง
“อนุอี้” ฉู่ซินเยว่กล่าวทักทายอีกฝ่ายที่เพิ่งเดินออกมาจากด้านใน นางแอบรู้สึกเสียดายเล็กน้อย วันนี้ท่านพ่อคงจะอยู่ด้านใน นางคงไม่อาจเข้าไปในห้องลับที่เก็บทรัพย์สินของท่านพ่อได้แล้ว คิดแล้วก็เสียดายนัก “ท่านพ่ออยู่ด้านในหรือ”
“นายท่านไม่ได้อยู่ด้านในหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่มาจัดเก็บข้าวของที่นายท่านทำงานเมื่อคืนเท่านั้น” อนุอี้กล่าวอย่างสุภาพกับนาง คงเพราะเช่นนี้มั้งที่ทำให้ท่านพ่อทั้งรักทั้งเอ็นดูนางเป็นที่สุด เสน่ห์ของสตรีก็เป็นเช่นนี้ ในอดีตฉู่หรูหยวนก็เป็นคนโปรดของสามีนาง ของพวกนี้มันถ่ายทอดทางสายเลือดจริงๆ
“เช่นนั้นข้าขอตัวเข้าไปด้านในก่อนอนุอี้” ฉู่ซินเยว่กล่าวก่อนจะเดินเข้าไป นางเดินเลือกหนังสือทำท่าทางเหมือนปกติ หนังสือของท่านพ่อมีจำนวนไม่น้อยเลย ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกปรัชญาทั่วไป ประวัติศาสตร์การเมือง และเรื่องเล่าที่จดบันทึกกันมาตั้งแต่ในครั้งอดีต ฉู่ซินเยว่เดินไปที่กองหนังสือบนตู้ที่มีกระถางกำยาน ก่อนจะขยับกระถางเพื่อใช้กุญแจในการประตูห้องลับ เดิมทีนางไม่รู้เรื่องนี้เลย ท่านแม่ก็ตายตอนนางห้าขวบ กุญแจนี้เป็นของที่ท่านแม่ได้มอบให้กับนางก่อนที่ท่านแม่จะตาย ทั้งยังย้ำว่าอย่าให้ใครรู้โดยเด็ดขาด ไม่คาดคิดว่าท่านแม่จะอธิบายขั้นตอนการเปิดประตูนี้ผ่านฉากกั้นราคาแพงที่เป็นมรดกชิ้นสำคัญของนาง กว่าฉู่ซินเยว่จะรู้เรื่องพวกนี้ก็เป็นบุตรชายของนางทั้งนั้นที่เป็นคนไขปริศนาได้ ตัวนางหรือจะฉลาดเฉลียวพอจะรู้เรื่องพวกนี้
ฉู่ซินเยว่เห็นบานประตูขนาดใหญ่ทำงาน นางหันไปมองเสี่ยวชิง อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปเฝ้าต้นทาง ฉู่ซินเยว่ไม่คิดเลยว่าภายในจวนจะมีห้องลับที่ซับซ้อนแบบนี้ นางเดินลงไปถามทางเดินที่แสนอับชื้น ก่อนจะตระหนกตกใจเมื่อเห็นทรัพย์สินจำนวนมาก เดิมทีนางคิดว่าท่านพ่อจะเก็บเป็นตั๋วเงิน แต่สถานที่อับชื้นเช่นนี้คงไม่มีใครคิดจะวางตั๋วเงินอย่างแน่นอน นางเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากก่อนจะเดินสำรวจก็พบกับกล่องทองหลายหีบ มันมากมายจนนางไม่คิดไม่ฝัน ครอบครัวตระกูลว่านนับว่าร่ำรวยแล้ว ยังเทียบไม่ได้กับทรัพย์สินตรงหน้าเลย ที่แท้ท่านพ่อไม่เคยมายุ่มย่ามกับทรัพย์สินของนาง ก็เพราะว่าท่านพ่อมีมากมายกว่านี่เอง
ของที่เก็บไว้ ท่านพ่อใช้คนเดียวก็คงจะไม่หมดหรอกเจ้าค่ะ…
ไม่สู้ให้ลูกสาวคนนี้ช่วยดูแลไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ…
ฉู่ซินเยว่ยิ้มก่อนจะเดินออกมาโดยไม่มีหยิบทองแม้แต่ชิ้นเดียวติดตัวออกมาเลยสักชิ้น นางเก็บกุญแจเอาไว้ที่เดิมก่อนจะมานั่งอ่านหนังสือ ทำเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น เสี่ยวชิงได้แต่ยืนมองท่าทางของคุณหนูที่แปลกประหลาดไป ท่าทางเช่นนี้เป็นอาการที่แสดงออกถึงความอารมณ์ดี ฉู่ซินเยว่ฮัมเพลงในลำคอพลางอ่านหนังสือที่ก็ไม่รู้ว่ามันคือหนังสืออะไร นางเพียงเปิดผ่านๆเท่านั้น
“เจ้าเข้ามาที่นี่ทำไม” เสียงขู่ตะคอกของชายวัยกลางคนดังขึ้น ฉู่ซินเยว่ตกใจจนทำหนังสือในมือร่วงหล่น ท่านพ่อยืนอยู่ด้านหน้าเรือนหนังสือพร้อมกับอนุอี้ที่ยืนด้านหลัง เกรงว่าเมื่อครู่นางอนุผู้นี้คงวิ่งไปฟ้องท่านพ่อล่ะมั้ง หรือว่าการตายของมารดานางอาจจะไม่ใช่ฝีมือของว่านเหมยเฟิงอย่างที่นางเข้าใจ หรือเพราะท่านแม่ทราบความลับนี้ของท่านพ่อ แสดงว่าเงินใต้ดินนั่นย่อมเกี่ยวพันกับเรื่องราวบางอย่าง ไม่เช่นนั้นคนอย่างท่านพ่อจะมีเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหน อีกทั้งการไขปริศนาในครั้งนั้นของเจียงฮุ่ย เขาไม่เพียงแก้ปริศนาที่ฉากกั้นได้ แต่กลับเอ่ยปากขอกุญแจกับนาง ฉู่ซินเยว่ในตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรมาก นางจึงยกให้อย่างง่ายดาย หรือเพราะมันเกี่ยวพันกับการกบฏด้วย
“ละ ลูกเพียงเข้ามาหาหนังสืออ่านเท่านั้น เหตุใดท่านพ่อต้องดุลูกด้วยเจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่แสร้งละล่ำละลักหวาดกลัวกับเสียงดังกัมปนาท สีหน้าของฉู่หงซีผู้เป็นบิดาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด โชคดีนักที่นางไม่ได้หยิบอะไรออกมาจากห้องนั้น ไม่เช่นนั้นหากท่านพ่อจับได้ นางได้ตายก่อนวัยอันควรเป็นแน่
“พวกเจ้าค้นตัวนาง” ฉู่หงซีกล่าวกับข้ารับใช้สตรี พวกนางทั้งหลายต่างพากันมองหน้าด้วยความไม่กล้า คุณหนูฉู่ซินเยว่เป็นคุณหนูใหญ่ของจวน ฐานะก็ไม่ใช่ต่ำต้อย หากพวกนางทำให้คุณหนูขุ่นเคืองใจ เกรงว่าฮูหยินก็คงจะไม่ยอม เสี่ยวชิงที่เห็นท่าจะไม่ดีรีบวิ่งไปทางเรือนใหญ่เพื่อฟ้องว่านเหมยเฟิงให้มาช่วย ฉู่ซินเยว่เดินถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
“ทะ ท่านพ่อจะทำอะไร ข้าแค่เข้ามาอ่านหนังสือ เหตุใดท่านจะต้องทำเหมือนข้าเป็นขโมยด้วย”
“ร้อยวันพันปีเจ้าไม่เคยมาที่นี่ แล้ววันนี้เหตุใดต้องเข้ามาด้วย”
“ทำไมเจ้าคะ ที่นี่ให้เฉพาะพี่ใหญ่กับน้องสามเข้ามาได้ แต่ข้าเข้ามาไม่ได้หรือ”
“ค้นตัวนางเดี๋ยวนี้” ฉู่หงซีตะโกนสั่งข้ารับใช้ พวกนางจำต้องกรูกันเข้ามาจับฉู่ซินเยว่ นางพยายามดิ้นรนขัดขืนพลางร้องไห้เสียงสั่นท่าทางตื่นตระหนกตกใจ โชคดีที่เรือนหนังสือนั้นอยู่ไม่ไกลจากเรือนใหญ่ ว่านเหมยเฟิงรีบเดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“มีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องบุตรสาวข้า” ว่านเหมยเฟิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ ฉู่ซินเยว่แสร้งร้องไห้วิ่งเข้ามากอดท่านแม่
“ทะ ท่านแม่ ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อต้องการอะไรเจ้าค่ะ เหตุใดถึงให้คนมารื้อค้นตัวข้าก็ไม่รู้ ฮึกก” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางคิดว่าท่านพ่อก็คงหวงทองพวกนั้น จนเป็นวิตกจริตไปแล้ว คิดดูแล้วชาติก่อนนางก็ไม่เคยมาที่นี่จริงๆ น่าเสียดาย ถ้ารู้ว่าท่านพ่อร่ำรวยขนาดนี้ นางจะขโมยให้หมดเนื้อหมดตัวเลยเชียว อย่างน้อยอนาคตนางไม่ทำมาหากิน บุตรชายของนางคงร่ำรวยไปจวบจนรุ่นลูกรุ่นหลาน
“ท่านพี่ ท่านทำแบบนี้ได้อย่าง เยว่เอ๋อร์ไม่ใช่เป็นบุตรของท่านเชียวนะ”
“ก็นางเข้ามาที่นี่”
“แล้วที่นี่มันทำไม ก็แค่ห้องหนังสือ หรือท่านซ่อนอะไรเอาไว้” ว่านเหมยเฟิงกล่าว นางคับแค้นใจที่เขาวางยาห้ามครรภ์กับนาง ทั้งยังมีเรื่องที่คิดจะรังแกฉู่ซินเยว่ ยิ่งทำให้นางโกรธ ยิ่งมองอนุอี้หร่วน นางก็ยิ่งเคียดแค้นใจ ตอนนี้นางต้องอดทนทำเหมือนว่านางไม่รู้อะไร ยาพวกนั้นก็ได้แต่ส่งไปให้อนุอี้หร่วนดื่มกินทุกวัน อยากทำให้นางท้องไม่ได้ดีนัก เช่นนั้นก็ให้อนุท่านดื่มยานั่นไปแทนเถอะ
“ข้าแค่จะค้นตัวนางเท่านั้น”
“นี่ท่านกล้าสงสัยเยว่เอ๋อร์หรือ นางมั่งคั่งร่ำรวยกว่าท่าน ในห้องนี้มีสิ่งใดให้ขโมยกัน” ว่านเหมยเฟิงกล่าว ฉู่ซินเยว่กลัวว่าท่านน้าของนางจะล่วงเกินท่านพ่อ ในเมื่อนางไม่ได้เอาสิ่งใดไปก็เพียงแค่ให้ค้นตัวเท่านั้น
“ท่านแม่อย่าทะเลาะกับท่านพ่อเลย ลูกบริสุทธิ์ใจ ลูกไม่เคยขโมยอะไรออกไป หากท่านพ่ออยากตรวจก็ให้อนุอี้มาตรวจดูก็ได้เจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่กล่าวพลางมองไปทางอนุอี้ ว่านเหมยเฟิงที่ได้ยินก็เข้าใจได้ทันทีว่าอนุอี้เป็นคนไปฟ้องสามีนั่นเอง ที่นี่เป็นสถานที่ที่ลูกอนุเข้าออกได้เท่านั้นหรือ ลูกภรรยาเอกเข้าออกไม่ได้หรืออย่างไร จวนมีกฎจวน เมืองมีกฎเมือง ข้อไหนตราใดที่ห้ามมิให้บุตรภรรยาเอกเข้ากัน
“ทำไมเจ้าคะท่านพี่ สถานที่นี้มันสงวนไว้แค่เฉพาะลูกอนุหรืออย่างไร” ว่านเหมยเฟิงกล่าว นางจ้องมองสามีด้วยความไม่พอใจ อีกฝ่ายก็ทำได้เพียงสงบปากสงบคำ หากผู้อื่นทราบถึงความลำเอียงที่เขาปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบุตรีภรรยาเอก ภายภาคหน้าฉู่หรูหยวน กับฉู่เหรินเจี้ยนก็จะได้รับความยากลำบาก ผู้คนในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ ส่วนใหญ่พวกเขาต่างก็เป็นลูกภรรยาเอกทั้งนั้น ถ้าเขาลำเอียงเข้าข้างลูกอนุรู้ไปถึงหูผู้อื่น เกรงว่าวันหน้าบุตรอันเป็นที่รักทั้งสองก็จะใช้ชีวิตลำบาก
“ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น เพียงแต่ในนี้มีของล้ำค่าควรเมือง ร้อยวันพันปีนางไม่เคยย่างกรายเข้ามา ข้าก็เพียงแต่สงสัยเท่านั้น”
“ทะ ท่านแม่ ลูกบริสุทธิ์ใจ ท่านกับอนุอี้เป็นคนตรวจดูก็ได้เจ้าค่ะ” ฉู่ซินเยว่กล่าว ท่านพ่อและข้ารับใช้ชายจึงพากันออกไปทั้งหมด ฉู่ซินเยว่ปลดเปลื้องอาภรณ์ชั้นนอก โชคดีที่กุญแจของท่านแม่สามารถหักเป็นสร้อยที่ดูแปลกตาทำให้อนุอี้ไม่ได้สนใจที่จะมองมัน ส่วนท่านแม่ว่านเหมยเฟิงก็เอาแต่มองอนุอี้ด้วยแววตาชิงชัง “อนุอี้ไม่มีสิ่งใดแปลกประหลาดใช่หรือไม่”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“หากท่านอยากตรวจเสี่ยวชิงด้วยก็ได้นะเจ้าคะ แต่ขะ... ข้าอยากรู้ว่าสิ่งใดของท่านพ่อหาย” ฉู่ซินเยว่กล่าวน้ำตาปริ่มจะไหลออกมาอีกครั้ง ท่าทางของนางน่าสงสารจนทำให้ว่านเหมยเฟิงโมโหยิ่งนัก อนุคนหนึ่งแต่กลับมีอำนาจใหญ่โตทำให้บุตรีภรรยาเอกคนสำคัญร้องไห้ได้ มันช่างยุติธรรมเสียเหลือเกิน
“นั่นสิ สิ่งใดที่หายไป ถึงกับต้องมาค้นตัวของเยว่เอ๋อร์ นางเป็นถึงบุตรีภรรยาเอก ไม่ใช่คนนอกจวน ฐานะตระกูลว่านของข้าก็ไม่ได้ยากจนต่ำต้อย จะมาขโมยของอะไรพวกนี้” ว่านเหมยเฟิงกล่าวก่อนจะผลุนผลันออกไปหาฉู่หงซีทันที ฉู่ซินเยว่ได้แต่แอบยิ้มอยู่แต่ภายในใจ วันหน้าก็ตัดข้อสงสัยในตัวนางไปได้ โชคดีของนางเสียจริงที่ไม่ถูกความโลภเข้ามาบดบัง วันหน้านางยังมีโอกาสขโมยของอีกมาก หีบตำลึงทองพวกนั้นมีมากมายนัก นางทยอยขนหลังจากสร้างจวนเสร็จก็คงยังทัน คิดแล้วก็มีความสุข
เจียงฮุ่ยของแม่ ...แม่จะสร้างความมั่งคั่งให้เจ้าเอง
“คุณหนูท่านสร้างความวุ่นวายเหลือเกินนักเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงกล่าวด้วยความสงสัย หลังจากกลับมาคุณหนูก็เอาแต่นั่งปักผ้าหัวเราะอารมณ์ดีตลอดวัน อีกทั้งลายปักผ้าพวกนั้นก็เป็นลายมงคล ราวกับจะมีเรื่องมงคลอะไรก็ตาม
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าภายในห้องแห่งนั้นที่ข้าเข้าไปมันมีอะไร”
“อะไรกันเจ้าคะ”
“ทองจำนวนมากอย่างไรเล่า ข้าไม่คิดเลยว่าท่านพ่อจะมั่งคั่งร่ำรวยขนาดนี้” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางยังเอาแต่คิดว่าจะขโมยของพวกนั้นออกไปอย่างไร และจะขนย้ายพวกมันอย่างไรไม่ให้ท่านพ่อรู้ ในระยะไม่ถึงหนึ่งปี นางจะต้องทำเช่นไรกัน ไหนจะต้องวางแผนหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมารับโทษขโมยทองแทนนาง อีกอย่างนางคาดหวังว่าว่านเหมยเฟิงจะตั้งครรภ์อีกครั้ง อนุอี้ที่เงียบขรึมคงไม่อยู่เฉยแน่ นางเองก็เป็นแม่เหมือนกัน แม้ว่าอนุอี้จะไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย แต่นางเชื่อว่าอนุอี้ไม่ธรรมดาอย่างที่นางเห็นแน่นอน อย่างน้อยนางก็รู้ว่าในห้องนั้นมีอะไร
“เหลวไหล คุณหนู นายท่านจะมีทองมากได้อย่างไร เมื่อก่อนยังต้องใช้เงินของฮูหยิน เอ๊ะ... แต่ว่าระยะหลายปีมานี้ ตั้งแต่ฮูหยินสิ้นไป ตั้งแต่ท่านอายุได้ครบสิบขวบปี ทรัพย์สินทุกอย่างของมารดาท่าน และของตระกูลว่านก็ถูกส่งให้ท่านทั้งหมด นายท่านไม่เคยเข้ามายุ่งเลยนะเจ้าคะ ทั้งเงินที่เคยเอาไปก็เอามาคืนจนครบ น่าแปลกเหมือนกันนะเจ้าคะ” เสี่ยวชิงกล่าวด้วยความแปลกใจ ฉู่ซินเยว่ไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้ เพราะมันก็นานมากแล้วสำหรับนาง ที่แท้แล้วเงินพวกนั้นอาจจะไม่ใช่ของท่านพ่อ