“บุตรชายของข้าอย่างไร”
“คุณหนู ท่านยังไม่แต่งงานจะมีคุณชายน้อยได้อย่างไร”
“ไม่ต้องแต่งงานก็มีได้ เจ้านี่ช่างใสซื่อเสียเหลือเกิน”
“คุณหนูท่านอย่าพูดจาเหลวไหลเชียวนะเจ้าคะ ท่านเป็นถึงคุณหนูตระกูลขุนนาง จะมีเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร” เสี่ยวชิงกล่าว ฉู่ซินเยว่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะไม่สนใจอะไรอีก นางเดินทางกลับมาที่จวนก็ทำเหมือนเช่นเดิมในทุกวันด้วยการจดบันทึกช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์บ้านเมือง โชคร้ายไปเสียหน่อยที่นางไม่ค่อยสนใจเรื่องบ้านเมือง ทำให้นางไม่ค่อยรู้เรื่องนี้เท่าไหร่นัก
หลายวันผ่านไปฉู่ซินเยว่ยังนึกว่ามู่หรงเลี่ยงจะปฏิเสธนางเสียแล้ว แต่เขากลับส่งจดหมายตอบตกลงมา ฉู่ซินเยว่อ่านจดหมายก่อนจะยิ้มมุมปาก นางยกจดหมายเผากับเทียนตรงหน้า เสี่ยวชิงไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของคุณหนูเลย แต่ก็คิดว่าคุณหนูคงมีเหตุผล แต่ไม่ว่านางจะพยายามค้นหาเหตุผลอย่างไรก็ไม่เจอเลยสักนิด
“เสี่ยวชิง เจ้าคงสงสัยใช่หรือไม่ว่าข้าทำทั้งหมดเพราะอะไร”
“สงสัยสิเจ้าคะ ท่านถึงกับสั่งคนปลอมแปลงทรัพย์สินขึ้นมา เพื่ออะไรกัน” เสี่ยวชิงถาม คุณหนูสั่งให้นายช่างในตรอกเล็กที่ไม่รู้ว่าคุณหนูทราบได้อย่างไร ว่าเขาเป็นนายช่างที่มีฝีมือ ทั้งที่คุณหนูอาศัยอยู่แต่ภายในจวนแท้ๆ แต่เหตุใดคุณหนูถึงทำเช่นนี้
“เจ้าเคยได้ยินกลยุทธ์จักจั่นลอกคราบหรือไม่”
“เรื่องพวกนั้นข้าจะรู้ได้อย่างไรเจ้าคะคุณหนู”
“ก็เพียงแต่ทำเหมือนว่าตาย แล้วก็ขนทรัพย์สินย้ายหนีไปยังสถานที่ที่พี่ชายเจ้าจะไปบุกเบิกไว้ให้” ฉู่ซินเยว่กล่าว เสี่ยวชิงยิ่งไม่เข้าใจกันไปใหญ่ มีเรื่องอันใดกันที่คุณหนูจะต้องหนีแบบไร้ร่องรอยขนาดนั้น ทั้งที่สถานะของคุณหนูก็ไม่ใช่ว่าจะลำบากอะไรมากมายนัก
“เหตุใดกันเจ้าคะ”
“เสี่ยวชิงตอนนี้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ แต่เชื่อข้าเถอะว่าข้าคิดดีแล้ว”
“ไม่ถามแล้วก็ได้เจ้าค่ะ ลึกลับเสียเหลือเกิน” เสี่ยวชิงกล่าวอย่างแง่งอน ก่อนจะออกไปทำงานอย่างอื่นของตัวเอง ฉู่ซินเยว่ได้แต่นั่งมองข้าวของภายในเรือนของนาง ไม่รู้มาเพียงปีเดียว ช่างคนนั้นจะทันลอกเลียนแบบได้หมดหรือไม่ ช่างคนนี้นางจำได้ว่าเขาเคยทำงานให้กับบุตรชายของนาง เขามีฉายานามว่าเซียนหัตถาทอง กล่าวกันว่าเป็นยอดฝีมือด้านการลอกเลียนแบบของล้ำค่า ตอนนี้เขายังไม่มีชื่อเสียงมากนัก นางก็ยินดีทุ่มเงินจำนวนมาก หากเขาลอกเลียนมันได้ทั้งหมด นางอยากจะรู้นักหากคนพวกนั้นคิดว่าได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองของนาง แต่กลับมารู้ภายหลังว่ามันเป็นของปลอมทั้งหมด เช่นนั้นก็จะสนุกสนานน่าดูชม
อีกเพียงแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
เราคงจะได้พบกัน ...เจียงเว่ยหมิง
“คุณหนูต้องการให้ข้าทำอะไรกันแน่ เหตุใดจะต้องลากภรรยากับลูกของข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย” การนัดพบของฉู่ซินเยว่และมู่หรงเลี่ยงเริ่มต้นขึ้นภายในร้านน้ำชา ก่อนหน้านี้ฉู่ซินเยว่ได้พูดคุยกับแม่นางไป๋มาก่อนแล้ว ความจริงแผนการในครั้งนี้นางไม่ได้คิดจะใช้ภรรยาของมู่หรงเลี่ยงเลย แต่ทว่า... ประวัติของนางนับว่าน่าสนใจไม่น้อย
“ก็แค่อยากให้ท่านตัดสินใจได้ไวขึ้น ตัวท่านเป็นบุรุษ คิดถึงแต่บ้านเมือง แต่สตรีคนหนึ่งคิดถึงแค่สามีกับลูกของตัวเองเท่านั้น ชีวิตท่านสิ้นกลางสมรภูมิรบ ใครบ้างจะจดจำนามของท่านได้ ก็มีเพียงแค่ภรรยาท่าน บุตรชายท่านเท่านั้นที่จุดธูปไหว้ท่าน สุดท้ายภรรยาต้องกลายเป็นม่าย บุตรชายต้องกำพร้า ข้าก็อยากให้ท่านคิดให้มากหน่อยก็เท่านั้น” ฉู่ซินเยว่กล่าว ชีวิตภรรยาทหารน่าเวทนา ตัวนางเองก็ไม่แตกต่างกัน แม้สามีจะเป็นถึงแม่ทัพ แต่ยามที่เกิดสมรภูมิสงคราม นางก็มักจะต้องนอนผวาอยู่ทุกค่ำคืนไป เมื่อครั้งเขาเดินทางกลับมาเมืองหลวง นางพาบุตรชายวัยสิบขวบยืนรอเขา ทว่า... เขากลับไปหลับนอนกับฉู่หรูหยวนเสียได้ นางต้องถูกเขาหักหน้า ทำร้ายน้ำใจไม่รู้กี่ครั้งกี่คราว ถึงชีวิตนั้นนางจะแย่ แต่นางก็ไม่เคยอดอยาก อาหารมีครบถ้วน บุตรชายได้เล่าเรียนหนังสือ ยังเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน แต่ภรรยานายทหารชั้นล่างเล่า ชีวิตลำบากกว่ามากนัก
“แล้วเจ้าต้องการอะไรกันแน่”
“ข้าต้องการออกจากเมืองหลวง ต้องการหาคนที่จะไว้ใจได้มาถ่ายเททรัพย์สินของข้า ข้าต้องการสร้างชีวิตใหม่ในเมืองอื่น ละทิ้งตัวตนเก่าของข้า” ฉู่ซินเยว่กล่าวกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มู่หรงเลี่ยงขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณหนูน้อยตรงหน้าอายุน้อยกว่าน้องสาวของเขาเสียอีก แต่นางกลับดูเป็นคนสุขุม เฉลียวฉลาด รู้จักการพูดจาหว่านล้อมผู้คน เมื่อครู่คำพูดของนางบาดลึกในใจของเขานัก ภรรยากลายเป็นม่าย บุตรชายต้องกำพร้า ที่น่าตกใจคือนางต้องการละทิ้งตัวตน… เหตุใดกัน
“เจ้าจะทำเช่นนั้นไปทำไม ชีวิตของเจ้าลำบากนักหรืออย่างไร”
“ข้ามีเหตุผลของข้า มันไม่เกี่ยวกับเรื่องไม่ดี แค่เพราะข้าไม่อยากเป็นฉู่ซินเยว่เท่านั้น ทรัพย์สินที่ข้าต้องการย้ายไปก็เป็นของคนตระกูลว่าน ข้าไม่ต้องการแบ่งมันให้กับพี่น้องของข้า ไม่อยากเข้าไปแย่งชิงวุ่นวายกับคนในตระกูลฉู่” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางก็ตอบได้เพียงนี้ จะให้นางตอบว่าอนาคตนางจะปีนเตียงเจียงเว่ยหมิง จนท้องแล้วหนีหายไปก่อนงานแต่งเช่นนั้นหรือ ใครจะบ้าเชื่อกัน ในตอนนี้เจียงเว่ยหมิงก็เป็นแค่เพียงคุณชายตระกูลไม่ใหญ่โตที่ยังไม่ได้โดดเด่นมากขนาดนั้น
“เช่นนั้นแล้วเหตุใดต้องเป็นข้า”
“ก็เพราะเจ้าเป็นพี่ชายของเสี่ยวชิง เป็นคนที่น่าจะไว้ใจได้”
“คุณหนูฉู่ ท่านยังเยาว์วัยนัก เหตุใดถึงได้ใสซื่อเช่นนี้” มู่หรงเลี่ยงกล่าวพลางหัวเราะเสียงเย็น การกระทำของเขาคล้ายกับการดูหมิ่นดูแคลนราวกับว่านางเรื่องที่นางกำลังจะทำนั้นโง่เสียเต็มประดา ฉู่ซินเยว่เข้าใจ อีกฝ่ายแค่ยังสับสนที่ไม่อยากจะทำงานให้นางเท่าไหร่นัก
“ตระกูลว่านของข้าไม่มีทายาท ข้าต้องการใช้แซ่ว่าน ภรรยาท่านก็ต้องการไม่ใช่หรือ”
“เจ้าหมายความว่าเช่นไร” มู่หรงเลี่ยงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แววตาของเขาแข็งกร้าว ท่าทางตกใจอยู่ในที ฉู่ซินเยว่เพียงคลี่ยิ้มมุมปาก ความลับของภรรยาเขา ย่อมต้องเป็นภรรยาของมู่หรงเลี่ยงเองนั่นแหละที่เล่าให้นางฟัง เจตนาก็เพื่อจะให้ฉู่ซินเยว่หาวิธีบังคับให้สามีของนางเลิกเป็นทหาร และหาอย่างอื่นทำแทน อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเป็นทหาร เดิมทีนางก็สนับสนุนทุกการกระทำของสามี แต่ตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว นางไม่อยากให้ลูกของนางต้องลำบาก
“ก็หมายความว่าข้ารู้ความลับเรื่องภรรยาของท่าน ไม่ต้องสงสัยอะไรนักหรอก ภรรยาท่าน แม่นางไป๋เป็นคนบอกข้าเองทั้งหมด"
“หากเจ้าแพร่งพรายเรื่องนี้ไป ข้าจะฆ่าเจ้า”
“ไม่ต้องห่วงหรอก คิดดูแล้วภรรยาท่านมีประโยชน์กับข้ามากทีเดียว”
“หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าจะให้พ่อแม่ภรรยา และภรรยาของท่านเปลี่ยนไปใช้แซ่ว่านของตระกูลฝ่ายมารดาข้า และข้าจะปลอมตัวเป็นบุตรสาวคนเล็กของพวกเขา เป็นน้องสาวภรรยาของท่าน เพียงเท่านี้ข้าก็จะสามารถใช้ชีวิตในตัวตนใหม่ได้ไม่ยาก”
“คุณหนูฉู่ ท่านอย่าคิดว่าอะไรมันง่ายอย่างที่ท่านนึกคิดนัก ท่านจะหาสาเหตุอะไรมาหนีโดยไม่มีใครตามหา”
“ก็ความตายอย่างไร ไม่มีใครนึกอยากตามหาคนตายหรอกนะ”
“ท่านตาย แล้วข้าวของของท่าน หากท่านปลอมของพวกนั้น แล้วครอบครัวท่านจะคิดอย่างไรที่มันเป็นของปลอม”
“ครอบครัวข้าไม่ได้เป็นเช่นอย่างที่คนภายนอกคิดนักหรอก ข้ามีวิธีทำให้คนพวกนั้นไม่สงสัยคนตายหรอก” ฉู่ซินเยว่กล่าว เรื่องพวกนี้นางตั้งใจวางแผนการไว้หมดแล้ว พี่ชายของนางในยามนี้เติบโตเป็นบุรุษวัยกลัดมัน เขามีจุดอ่อนมากมายที่นางสามารถใช้ประโยชน์ได้ไม่ยาก จากความทรงจำของนาง จำได้ว่าฉู่เหรินเจี้ยนไปหลงสตรีในหอนางโลมคนหนึ่ง สตรีนางนั้นภายหลังจะถูกซื้อตัวออกจากหอนางโลมมาเป็นอนุของพี่ชายนาง ฉู่ซินเยว่จำได้ไม่ลืมว่าท่านพ่อนั้นโกรธมากขนาดไหนกับเรื่องนี้ นางตั้งใจจะใช้จุดอ่อนเรื่องนี้เพื่อทำให้นางสามารถละทิ้งตัวตนเดิมได้
“เช่นนั้นหากข้าช่วยเจ้าแล้วจะได้สิ่งใด”
“เงิน และหากว่าภายหน้ามีการทำการค้า ข้าให้เจ้าออกหน้า รายได้ส่วนหนึ่งที่ได้มาเจ้าก็เอาไป” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางรู้ดีว่าใต้หล้านี้สตรีจะออกหน้าทำมาหากินนั้นยากนัก อีกอย่างนางคือคนที่ตายจากไปแล้ว จะให้นางออกมาเที่ยวเร่ขายของ พูดคุยทำการค้าก็คงไม่เหมาะนัก สำหรับสตรีแล้วพวกนางก็เกิดมาล้วนแต่ต้องอยู่ภายในจวน หากย้อนเวลาได้ นางอยากจะกลับไปสังหารคนที่มันบัญญัติหลักความเชื่อเช่นนี้เสียให้สิ้น ทำให้ชีวิตสตรีนับร้อยนับพันต้องเดือดร้อน โดนกดขี่ให้คลอดลูก เป็นเครื่องบำเรอตัณหาอยู่ภายในกำแพงจวน
“ได้ เช่นนั้นเจ้าก็เลือกเมืองมาว่าจะให้ข้าย้ายไปไหนทำอะไร”
“หมายความว่าเจ้าตกลงแล้วใช่หรือไม่”
“แต่ภรรยาข้าจะต้องมีแซ่ มีตระกูลอย่างที่เจ้าบอก”
“แน่นอนว่าบิดามารดาของนางด้วย” ฉู่ซินเยว่กล่าว มู่หรงเลี่ยงพยักหน้า ภรรยาของเขามาจากตระกูลซุน พวกเขาเป็นตระกูลใหญ่ที่มีเชื้อสายมาจากราชวงศ์เจียทางใต้ ลูกหลานทั้งหมดถูกตามไล่ล่า ภรรยาของเขาและครอบครัวไม่อาจมีป้ายวิญญาณ ไม่มีแม้แต่ชื่อแซ่และที่มาอื่นใด แม้จะใช้แซ่ปลอม แต่ก็ไม่อาจมีตัวตนได้อย่างถูกต้อง ต้องคอยระแวดระวังภัยมาตลอด นี่เป็นอีกเหตุผลที่มู่หรงเลี่ยงยอมตกลงโดยง่าย ไม่เพียงฉู่ซินเยว่กุมความลับสำคัญนี้ นางยังเอ่ยปากที่จะช่วย การอยู่อย่างไร้ตัวตน ต้องคอยหวาดระแวงมาหลายปีก็ทำให้มู่หรงเลี่ยงอดเป็นกังวลไม่ได้ หากว่าปัญหานี้ถูกแก้ไข วันหน้าบุตรของเขาก็คงไม่ต้องลำบากอย่างที่ผู้ใหญ่เคยเผชิญมา
“หวังว่าเจ้าจะรักษาสัจจะ”
หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาฉู่ซินเยว่ได้เลือกเมืองซูโจวเป็นถิ่นฐานแห่งใหม่ ที่นั่นไกลจากเมืองหลวงประมาณห้าร้อยลี้ ก็นับว่าไม่ไกลมากนัก แต่ก็ห่างไกลพอที่จะหลบซ่อนจากสายตาของผู้คนได้ดีทีเดียว ฉู่ซินเยว่ไม่คิดจะไปไกลจากเมืองหลวงขนาดนั้น วันหน้าหากบุตรชายของนางปรารถนาที่จะเข้ามาเรียนก็จะได้ง่ายต่อการเดินทาง และหากตัวตนของนางเปิดเผยขึ้นมา ในยามนั้นนางก็คงมีวิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่แล้ว
“คุณหนู ท่านตั้งใจจะติดต่อกับพวกหอนางโลมเสียนหลิงทำไมเจ้าคะ เป็นคุณหนูในห้องหอจะต้องไปยุ่งกับคนชั้นต่ำพวกนั้นทำไมกัน”
“แม่นางอันอันผู้งดงาม ข้าตั้งใจจะซื้อวสันต์ค่ำคืนแรกของนางให้พี่ชายของข้า” ฉู่ซินเยว่กล่าว ฉู่เหรินเจี้ยนเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้บุตรชายของนางต้องตาย แม้ว่านางไม่ปรารถนาที่จะแก้แค้นอะไรใครนัก แต่ทว่า… มันก็อดไม่ได้ที่นางจะต้องมอบของขวัญอันสมน้ำสมเนื้อให้แก่เขา เพราะอย่างไรโชคชะตาก็ต้องนำพาคนทั้งสองมาพบกันอยู่แล้ว แม่นางอันอันผู้งดงามเติบโตมาในหอนางโลม นางจะรอดพ้นจนมีวสันต์ค่ำคืนแรกได้อย่างไร เกรงว่ายังไม่ปักปิ่นผมนางก็คงจะผ่านมามากมายหลายกระบวนท่าแล้ว ไม่เช่นนั้นนางจะมีความสามารถในการยั่วเย้าใจบุรุษได้อย่างไร ฉู่ซินเยว่จำได้ว่าสตรีนางนี้ท้ายที่สุดก็ต้องตาย เพราะนางคบชู้สู่ชาย สวมหมวกเขียวใบโตให้พี่ชายนางอยู่หลายปีจนคลอดทารกตัวอ้วนมาให้พี่ชายนางอุ้มจนโต ทว่า... ก่อนตายนางได้เอ่ยประโยคสะเทือนเลื่อนลั่นด้วยการเหยียดหยามแท่งหยกของฉู่เหรินเจี้ยนว่ากุดสั้น ราวกับเห็ดที่ยังไม่เติบโต ทั้งยังบอกกล่าวว่าใครที่ได้ครอบครองแท่งหยกนั่น ย่อมต้องปรารถนาแท่งหยกของบุรุษอื่นมาชดเชยความทุกข์ตรมในใจ ไม่เพียงแต่เท่านั้นนางพูดทิ้งท้ายว่าตัวนางอยากจะกลับไปทำงานที่หอนางโลม มากกว่าเป็นอนุของชายกุดด้วนผู้นี้ ในตอนนั้นเรื่องราวเหล่านี้กลายเป็นที่ขบขันในเมืองหลวง ว่ากันว่าคนชราได้ยินหัวเราะกันจนฟัดหลุดร่วงออกมา ฉู่ซินเยว่เองก็จำได้ว่านางรื่นเริงบันเทิงใจเพียงใด อารมณ์ของนางนั้นดีไปนานนับเดือน เมื่อคิดถึงสีหน้าบูดเบี้ยวของฉู่เหรินเจี้ยน
“คุณหนู เหตุใดท่านถึงได้ทำอะไรแปลกประหลาดนัก คุณชายใหญ่เคยดีกับท่านเสียเมื่อไหร่”
“ไม่ดีกับข้าก็ไม่เป็นไร แต่ข้าอยากจะทำดีกับเขาสักหน่อยนี่”
“ท่าทางของคุณหนูดูไม่ได้หวังดีสักนิด” เสี่ยวชิงกล่าว ฉู่ซินเยว่หัวเราะเล็กน้อย นางก็ไม่หวังดีจริงๆ นั่นแหละ พวกการประมูลวสันต์คืนแรกของหอนางโลม ราคาสูงนัก ทั้งที่พวกนางก็ไม่ใช่สตรีบริสุทธิ์อย่างแท้จริง เพียงแค่มีวิธีการลวงหลอกบางอย่างกับการแสดงอันแสนแยบยลไว้ตบตาเจ้าคนโง่เขลาที่ตกหลุมพรางเข้ามาเท่านั้น
ฉู่ซินเยว่ติดต่อกับหอนางโลมโดยใช้มู่หรงเลี่ยงเป็นคนกลางในการติดต่อ ก่อนที่จะให้เขาไปเตรียมตัวเป็นธุระในการสร้างบ้าน ย้ายถิ่นฐานให้แก่นาง ความจริงฉู่ซินเยว่ก็อดหวาดกลัวเรื่องที่จะถูกโกงไม่ได้ แต่คิดดูแล้ว ความลับของภรรยาเขา นางสามารถแจ้งทางการให้ตามล่าพวกเขาได้ไม่ยาก อีกทั้งแม่นางไป๋ตอนนี้ก็กำลังตั้งครรภ์ มู่หรงเลี่ยงคงไม่กล้ากับนาง อีกทั้งเสี่ยวชิงก็อยู่กับนาง คิดดูแล้วสถานการณ์ทุกอย่างช่างเป็นใจให้นางเสียจริง
“พี่ใหญ่เจ้าคะ” ฉู่ซินเยว่ทักทายฉู่เหรินเจี้ยนที่กำลังเดินผ่านไป พี่ชายผู้นั้นหันมามองน้องสาวด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจนัก เดิมทีมารดาของเขามาก่อนใคร แต่กลับได้เป็นเพียงแค่อนุก็เพราะมารดาของฉู่ซินเยว่มาจากตระกูลใหญ่ และให้ความมั่งคั่งกับบิดาได้มากกว่า คิดแล้วก็แค้นใจนัก แต่เมื่อเห็นแววตากระจ่างใสของเด็กสาวผู้หนึ่ง เขาก็นึกคิดอยู่บ้างว่ามันก็ไม่ใช่ความผิดของฉู่ซินเยว่เสียหน่อย อีกอย่างมารดาของนางไม่ได้ปฏิบัติเลวร้ายกับท่านแม่ และเขาสองคนพี่น้อง ฉู่เหรินเจี้ยนจึงได้คลายความข้องใจลงได้บ้าง
“มีอะไร”
“มีคนฝากหนังสือเชิญท่านมาเจ้าค่ะ”
“หนังสืออะไร”