03

2816 Words
“เกรงว่าในจวนตระกูลฉู่ต่อไปนี้คงมีเรื่องสนุกน่าดูทีเดียว” “คุณหนูไม่คิดจะเข้าไปยุ่งกับพวกเขาหรือเจ้าคะ” “ยุ่งทำไมเล่า ไม่สู้พวกเรานั่งอยู่บนภูดูเสือกัดกันไม่ดีกว่าหรือ” “คนพวกนั้นมีประโยชน์ให้คุณหนูฉกฉวย แย่งชิงด้วยหรือเจ้าคะ” “ไม่มีวันนี้ แต่วันหน้าย่อมมีแน่” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางจำได้ว่าในอดีต ว่านเหมยเฟิงเป็นคนช่วยให้นางได้มีความคืนวสันต์กับเจียงเว่ยหมิง ในตอนนี้นางไม่แน่ใจนักว่ารู้สึกอย่างไรกับเขา แน่นอนว่ามันไม่ใช่ความรัก แต่ก็ต้องยอมรับว่านางอยากได้เจียงฮุ่ยบุตรชายที่เกิดจากนางและเขา นางย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ทางกายกับเขา เรื่องพวกนี้สำหรับหญิงวัยกลางคนที่ผ่านโลกมาเยอะ นางไม่ได้สนใจนักหรอกว่านางควรจะแต่งงานกับชายที่แตะต้องกายของนางตามขนอบอันสมควรพวกนั้น แต่หากจะนางกลับไปเป็นเจียงฮูหยิน เจียงเว่ยหมิงก็ย่อมต้องทอดทิ้งนางให้อยู่กับนางฮูหยินผู้เฒ่านั่นหลายปี เป็นที่อับอายของคนในเมืองหลวง นางไม่มีวันยอมกลับไปเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน นางตั้งใจจะพาลูกของนางหนีออกจากเมืองหลวง นางจะพาเจียงฮุ่ยไปอยู่ในที่ที่ไม่มีใครมาทำร้ายนางและลูกชายของนางอีก “เจ้าค่ะ” “แล้วเจ้าติดต่อกับพี่ชายเจ้าได้หรือยัง” “ยังไม่ได้จดหมายตอบกลับเลยเจ้าค่ะ ไม่ติดต่อกันนานมากแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง” เสี่ยวชิงกล่าว นางมีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง แต่ไม่ได้สนิทกันมากนัก บิดาของนางขายนางตั้งแต่ยังเด็กให้กับตระกูลว่าน ที่ได้มารับใช้คุณหนูก็เพราะว่าฮูหยินท่านเป็นคนส่งนางมาที่นี่ เพื่อให้ดูแลคุณหนูโดยเฉพาะ ทำให้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เสี่ยวชิงจึงไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวบ่อยครั้ง นางมักจะส่งเงินจดหมายให้บิดาของนาง พอบิดาเสียไปก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่ชายอีก อีกทั้งเสี่ยวชิงก็โกรธนักที่ตอนนั้นพี่ชายป่วย ท่านพ่อถึงกับขายนางได้โดยไม่สนใจความรู้สึกของนางเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งโตมานางถึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าไม่เพียงขายนางหาเงินไปรักษาพี่ชาย ท่านพ่อยังส่งนางให้พ้นจากความยากลำบาก ตระกูลว่านมีชื่อเสียงในด้านคุณธรรมอย่างยิ่ง เสี่ยวชิงจึงไม่ได้ลำบากอะไรนัก ทว่า… น่าเสียดายนัก ฉู่ซินเยว่ไม่ได้ใช้แซ่ว่าน คุณธรรมน้ำใจของนางนั้นเปรียบประหนึ่งผืนดินแห้งแล้ง ไม่ได้สักเสี้ยวหนึ่งมาจากท่านตา ท่านยาย หรือท่านแม่เลยแม้แต่น้อย ครั้งนั้นที่นางขายเสี่ยวชิงออกไป ก็ไม่รู้ว่าเสี่ยวชิงจะต้องประสบพบเจออะไรบ้าง เสี่ยวชิงไม่ใช่คนหน้าตาย่ำแย่อะไร ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดนัก เสี่ยวชิงเป็นคนที่ท่านตา ท่านยายอุตส่าห์มอบให้แก่นาง ก่อนที่พวกท่านจะตายจากไป “ข้าก็หวังว่าพี่เจ้าจะใช้ประโยชน์ได้” “คุณหนูอย่าห่วงเลยเจ้าค่ะ พี่ชายของข้า แม้ไม่ได้พบกันนาน แต่จากความทรงจำแล้ว พี่ชายคนนี้เป็นคนซื่อสัตย์มาก พวกเราพี่น้องแม้ไม่สนิทกันนัก แต่ข้าเชื่อว่าเขาสามารถใช้งานได้เจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงกล่าว ชาวบ้านทั่วไปไม่มีใครกล้าหักหลังพวกคนตระกูลขุนนาง เรื่องที่คุณหนูอยากให้เป็นธุระก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไร เพียงแค่ต้องการให้ไปบุกเบิกซื้อที่ดิน สร้างบ้าน เตรียมพร้อมสำหรับที่คุณหนูจะย้ายไปเท่านั้น “อืม หากหาพี่เจ้าไม่เจอ ข้าก็คงต้องหาใครสักคนมาคอยช่วยเหลือเรา” ฉู่ซินเยว่กล่าว จากความทรงจำของนางยังเหลือเวลาอีกเกือบปี โชคดีเหลือเกินที่กลับมาในช่วงเวลานี้ หากเป็นกาลเวลาที่เยาว์วัยกว่านี้ บางทีนางอาจจะตัดใจไม่ยอมมีเจียงฮุ่ยอีกแล้ว นางมักจะคิดเสมอว่าบุตรชายที่ดี หากไปเกิดกับมารดาที่ดีกว่านาง ชีวิตของเขาก็คงไม่ต้องมาเป็นเช่นนี้ แต่นางในตอนนี้เห็นแก่ตัวเหลือเกิน นางยังปรารถนาให้เขาเรียกนางว่าท่านแม่ หากเขาเข้ามากอดนาง นางจะไม่สะบัดเขาออก แต่นางจะอุ้มเขามากอด มาหอมด้วยความรัก หัวใจของนางจะเป็นของเจียงฮุ่ยเท่านั้น นางจะดูแลเขาให้ดีที่สุด เท่าที่นางจะทำได้ ...รอแม่อีกหน่อยนะลูก “ฮูหยินท่านจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะเจ้าคะ นายท่านจงใจทำร้ายท่านถึงขนาดนี้” หนานเซียงคนรับใช้คนสนิทของว่านเหมยเฟิงกล่าวด้วยความคับแค้นใจแทนเจ้านายของตนเอง ว่านเหมยเฟิงไม่คิดเลยว่าสามีจะทำเช่นนี้กับนาง แต่คิดแล้วก็ไม่แปลกนัก ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เกิดจากความรัก แต่สมควรแล้วหรือที่ทำเช่นนี้กับนาง คงเพราะรักนางอนุอี้หร่วนมากสินะ “แล้วข้าจะทำอะไรได้ หากโวยวายก็คงเป็นการหักหน้าของเขา สู้ทำเหมือนไม่รู้ และคอยทำลายยานั่นทิ้งไป หากข้าตั้งครรภ์ได้มั่นคงเมื่อไหร่ ข้าอยากจะเห็นหน้าท่านพี่นักว่าจะรู้สึกอย่างไร ทั้งที่ลงทุนกับยาพวกนี้มากมายขนาดนี้” ว่านเหมยเฟิงกล่าว ยาห้ามครรภ์พวกนี้ไม่ได้มีราคาถูกเลย “เช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ เรื่องพวกนี้มีแต่อนุอี้ที่จะได้ประโยชน์” “นั่นสินะ เช่นนั้นเจ้าส่งยาพวกนี้ไปให้อนุอี้แทนก็แล้วกัน นางจะได้ไม่ต้องมีลูกออกมาขัดหูขัดตาข้า แค่เด็กสองคนนั้นมันก็เกินพอแล้ว” ว่านเหมยเฟิงกล่าวด้วยความคับแค้นใจ นางไม่ดื่มยาพวกนั้น วันหน้านางก็คงตั้งครรภ์ได้ไม่ยาก นางอยากจะรู้นักว่าสามีจะทำหน้าอย่างไรเมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ ฉู่ซินเยว่ในวันนี้สวมชุดสีขาวสะอาดตา นางขอกับว่านเหมยเฟิงต้องการเดินทางไปที่ศาลบรรพชนตระกูลฉู่ ตระกูลฉู่แม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็มีอำนาจมากพอสมควร ท่านพ่อสร้างศาลเจ้าที่อยู่ไม่ห่างไกลจากเมืองหลวงมากนัก ที่นั่นถือเป็นศาลบรรพชนของตระกูลด้วย ทว่า… ความจริงเงินสร้างที่นี่นั้นเป็นเงินของตระกูลว่าน เพราะเดิมทีมันเคยเป็นของคนตระกูลว่าน เพียงแต่ภายหลังท่านตา ท่านยายจากไป คนตระกูลว่านก็จบสิ้นลง มีเพียงท่านแม่ว่านเหมยเฟิงเท่านั้นที่ยังแซ่ว่าน แต่นางหรือจะใส่ใจเรื่องพวกนี้ “คุณหนู พี่ชายของข้ารออยู่ด้านในศาลเจ้าค่ะ” เสี่ยวชิงกล่าว นางส่งจดหมายจนได้รับการตอบรับ พี่ชายของนางเป็นทหารที่มีตำแหน่งเป็นถึงนายกองในกองทัพ ฉู่ซินเยว่ต้องการพบเขาเพื่อพูดคุย หากว่าอีกฝ่ายยินยอมที่จะให้ความช่วยเหลือนาง นางก็จะตอบแทนพวกเขาเป็นอย่างดี “อืม” ฉู่ซินเยว่ถือตะกร้าผลไม้มงคลหลายอย่าง รวมถึงข้าวปลาอาหาร ทั้งยังนำชาหอมหมื่นลี้ ตั้งใจจะมาไหว้ป้ายวิญญาณของท่านตา ท่านยาย และท่านแม่ ในอดีตนางไม่เคยเติบโตมากับท่านทั้งสาม นางไม่เคยใส่ใจบรรพบุรุษของตนเอง แต่เมื่อได้โอกาสในครั้งนี้ ฉู่ซินเยว่จึงอยากจะทำหน้าที่ลูกหลานต่อวิญญาณบรรพบุรุษให้ดี เรือนบรรพชนถูกตั้งไว้ใจกลางศาลบรรพชน ฉู่ซินเยว่เดินตรงเข้าไปในห้องก่อนจะมองป้ายวิญญาณตระกูลฉู่ ดวงตากลมโตจ้องมองเหล่าบรรพบุรุษอย่างเฉยชา ก่อนจะหันไปทางด้านซ้าย บรรพชนตระกูลว่าน และป้ายวิญญาณของท่านแม่ ในอดีตนางไม่เคยคิดเลยว่าท่านแม่จะถูกรังแกมากถึงขนาดนี้ สตรีแต่งออกไปแล้ว ตายย่อมเป็นคนตระกูลอื่น แต่ท่านแม่กลับต้องมาอยู่กับกลุ่มป้ายวิญญาณบ้านเดิมของนาง ฉู่ซินเยว่มองเห็นแขกที่ยืนรอด้านในอยู่แล้ว เพียงแต่นางไม่ได้สนใจก่อนจะเดินไปทางป้ายบรรพชนตระกูลว่าน นางวางของบนโต๊ะก่อนจะเดินมาที่หมอนวางเข่า สองมือของนางยกขึ้นก่อนจะจรดคำนับลงตามแบบพิธีการ เพื่อแสดงความเคารพอย่างเรียบร้อย จากนั้นนางจึงเริ่มจุดธูป รินน้ำชาก่อนจะเรียกขานบรรพบุรุษด้วยน้ำเสียงใสกังวาน ไล่ลำดับชื่อบรรพบุรุษตระกูลว่านลงมา เสี่ยวชิงเดินเข้ามาช่วยคุณหนูตั้งอาหารที่จัดเตรียมมา ฉู่ซินเยว่ยืนครุ่นคิดในใจ บรรพชนตระกูลว่าน ข้าน้อยฉู่ซินเยว่ บุตรหลานต่างแซ่ของพวกท่าน วันนี้ข้ามาพบพวกท่านเพื่อกราบสักการบูชาพวกท่าน ขอให้พวกท่านอำนวยอวยพรให้แก่ข้า และการณ์ที่ข้าตั้งใจจะทำ วันหน้าฉู่ซินเยว่ผู้นี้จะกลับมาใช้แซ่ว่าน เป็นลูกหลานของพวกท่าน และตั้งใจจะพาท่านไปจากที่นี่ ข้าจะดูแลพวกท่านให้สมกับที่พวกท่านยกทรัพย์สินให้แก่ข้า “ท่านคือคุณหนูฉู่ซินเยว่เช่นนั้นสินะ” พี่ชายของเสี่ยวชิงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา ฉู่ซินเยว่พยักหน้าก่อนจะนั่งลงตรงข้ามเขา เสี่ยวชิงมองพี่ชายที่แสดงท่าทางไม่เคารพคุณหนูของตน ก็รู้สึกโมโห แต่ฉู่ซินเยว่กลับทำเพียงไม่ใส่ใจ เสี่ยวชิงเป็นสาวใช้ของนาง แต่คนตรงหน้าไม่ใช่ ย่อมไม่แปลกนักที่เขาจะแสดงท่าทางแบบนั้น “ข้าเพิ่งรู้จากน้องสาวท่านว่านางมีชื่อเดิมว่ามู่หรงเหมย ส่วนท่านก็มีนามว่ามู่หรงเลี่ยง บิดาพวกท่านช่างตั้งได้ดีนัก” ฉู่ซินเยว่กล่าว คนที่จะตั้งชื่อบุตรได้ดีขนาดนี้ย่อมไม่ใช่ชาวบ้านสามัญธรรมดาทั่วไป น่าแปลกที่เสี่ยวชิงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้นางฟังมาก่อน แต่เสี่ยวชิงก็ไม่ได้รู้เลยว่าบิดาของตนเองนั้นมีที่มาอย่างไร “ตระกูลมู่ของข้าเคยเป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็ถูกริบทรัพย์จำนวนมาก ทำให้คนในตระกูลมากมายต้องแตกแยกออกไป บิดาข้าก็เคยเป็นบัณฑิตที่มีความรู้ แต่เมื่อตกทุกข์ได้ยาก จึงไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาได้อีก กลายเป็นเพียงชาวบ้านที่ต้องขายบุตรสาว เพื่อรักษาชีวิตบุตรชาย” อีกฝ่ายกล่าวด้วยแววตาแข็งกร้าว ฉู่ซินเยว่พยักหน้า แสดงว่าเสี่ยวชิงก็นับว่าเป็นคุณหนูคนหนึ่ง พวกเขาไม่ควรจะได้รับความยากลำบากขนาดนี้ อีกทั้งเรื่องที่พวกเขาพูดใช่ว่าจะไม่มีมูลเหตุ เดิมทีการปกครองของราชวงศ์มีการปกครองโดยใช้ผู้แทนกษัตริย์ ไปปกครองแต่ละหัวเมือง แต่วิธีเช่นนั้นถูกยกเลิกทั้งหมด เมื่อพระองค์ถูกขุนนางฉ้อฉลก่อกบฏจนกลายเป็นราชวงศ์ในปัจจุบัน ในชั่วขณะนั้นชนชั้นขุนนางระดับสูงมากมายถูกลดบทบาทอำนาจ ทุกอย่างถูกควบรวมไปอยู่กับส่วนกลาง ทำให้หลายตระกูลต้องตกต่ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ บางตระกูลเลี้ยงทหารไว้ใช้งานส่วนตัวก็ต้องโทษประหารทั้งตระกูล ช่วงนั้นบ้านเมืองระส่ำระสาย กว่าจะกลับมาเป็นปกติได้เฉกเช่นทุุกวันนี้ ล้วนไม่ง่ายเลย “เช่นนั้นเสี่ยวชิงของข้าก็นับว่าเป็นคุณหนูมู่หรงเหมยเช่นนั้นสินะ” ฉู่ซินเยว่เอ่ยปากหยอกเย้าเสี่ยวชิง อีกฝ่ายก้มหน้างุดอย่างเขินอายจนทำให้ฉู่ซินเยว่หัวเราะออกมาเล็กน้อย ความสำราญใจง่ายๆ ก็มีมากมายรอบตัว เหตุใดชีวิตนั้นนางถึงได้จมปลักกับความเครียดความทุกข์ถึงขนาดนั้นกัน “คุณหนูล้อข้าเล่นแล้ว” “ข้าต้องการให้ท่านมาทำงานให้ข้า” “ข้าไม่ทำงานรับใช้ให้ใคร” “แล้วเป็นทหารไม่ต้องรับใช้แม่ทัพหรอกหรือ ทำงานกับข้าไม่เสี่ยงตาย ไม่ต้องทอดทิ้งภรรยากับลูกไว้เบื้องหลัง” ฉู่ซินเยว่กล่าว อีกฝ่ายคงถือฐานะดั้งเดิมของตัวเอง ย่อมไม่อยากรับใช้คุณหนูอย่างนาง เรื่องนั้นก็เข้าใจได้ แต่ก่อนหน้าที่จะเดินทางมานั้น ฉู่ซินเยว่ได้พบกับฮูหยินผู้เป็นภรรยาของมู่หรงเลี่ยงแล้ว นางต้องการให้สามีออกจากราชการทหาร นางไม่อยากเป็นม่าย อีกทั้งนางมีหน้าตาที่งดงาม กริยาก็นับว่าดีเช่นนี้ ชายใดบ้างไม่ปรารถนาในตัวนาง การที่สามีต้องเดินทางไปไกลทุกครั้ง นางจะต้องทนอยู่กับความทุกข์ ความหวาดกลัวอยู่เสมอ ครั้งก่อนที่นางโดนคนรังแกยังมีบิดามารดาของนางคอยช่วยเหลืออยู่ แต่ครั้งต่อไปเล่า บิดามารดาของนางก็แก่ตัวลงทุกวัน นางก็ตั้งครรภ์แล้ว ต้องมาคอยคิดถึงสามีที่ไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายกลับมา นางไม่ปรารถนาชีวิตเช่นนั้นเลย “มันไม่เหมือนกัน ข้าไม่ต้องการทำงานให้กับคุณหนูอย่างท่าน” “เช่นนั้นก็ช่างเถอะ เก็บศักดิ์ศรีอันสูงส่งของท่านไว้ภาคภูมิใจแต่เพียงผู้เดียวเถิด” ฉู่ซินเยว่กล่าวก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับเสี่ยวชิง เสี่ยวชิงตวัดสายตามองพี่ชายด้วยความไม่พอใจ เดิมทีสองพี่น้องก็ไม่ได้ลงรอยกันเท่าไหร่นัก พี่ชายของนางเถรตรงจนโง่เหมือนบิดาไม่มีผิด คนที่ยอมหักไม่ยอมงอเช่นนี้ เสี่ยวชิงเกลียดยิ่งนัก “พี่ชายของข้ายอมหักไม่ยอมงอ คุณหนูหาคนอื่นเถอะเจ้าค่ะ” “เดี๋ยวเขาก็กลับมาเองนั่นแหละ คนแบบนี้ดีแล้ว ซื่อสัตย์ดี อีกทั้งเขายังมีภรรยา และหลานของเจ้าอยู่ คงต้องคิดได้บ้างนั่นแหละ” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางเห็นแววตาวูบไหวของอีกฝ่ายต้องที่นางกล่าว นางทราบดีว่าคนผู้นี้คิดเห็นเป็นอย่างไร ตอนนี้ภรรยาของเขากำลังตั้งท้องได้ไม่กี่เดือน มีหรือที่เขาจะไม่ห่วงภรรยากับลูก พ่อแม่ภรรยาก็แก่ตัวลงทุกวัน จะทอดทิ้งให้อยู่กันเองเลี้ยงตัวเองด้วยเบี้ยทหารก็ใช่ว่าจะเพียงพอ ท่าทางของเขา สายตาของเขามันไม่เหมือนกับเจียงเว่ยหมิง แม้จะรู้ว่านางท้อง แต่กลับไม่เคยสนใจไยดีเด็กที่กำลังจะเกิดมา เขาทอดทิ้งนางมุ่งสู่ชายแดนโดยไม่เคยไถ่ถามนางเลยแม้สักครั้งว่านางเป็นเช่นไร บุตรของนางและเขาเกิดมาเป็นชายหรือหญิง ฉู่ซินเยว่มองออกไปทางนอกหน้าต่าง ปล่อยให้น้ำตาแห่งความคับข้องใจในอดีตไหลออกมา ผู้หญิงคนอื่นได้รับความรักอย่างที่ควรได้ แต่นางกลับไม่เคยเลยสักนิด ยิ่งหวนคิดถึงบิดาใจร้าย เขายังไม่ใจร้ายกับมารดานางเท่ากับที่เจียงเว่ยหมิงกระทำกับนางเลย “แต่พี่ชายของข้าเหมือนบิดาขนาดนั้น เขาคงทอดทิ้งได้โดยไม่ไยดี” เสี่ยวชิงกล่าว “เจ้าก็รู้ว่าพ่อของเจ้าไม่ได้แล้งน้ำใจขนาดนั้น” “แต่...” “เสี่ยวชิง เรื่องบางเรื่องเราเข้าใจไม่ได้ทุกอย่างหรอกนะ อีกอย่างในตอนนี้เจ้าเป็นที่รักของข้ามากที่สุดแล้ว” ฉู่ซินเยว่กล่าว นางในอดีตก็ไม่ใช่ว่าไม่รักลูกชายของนาง นางมักจะมีความสุขทุกครั้งที่ลูกชายทำให้นางภาคภูมิใจมาโดยตลอด เขาเป็นศิษย์ในสำนักศึกษาที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะปรมาจารย์คนไหนสอนสั่งเขา ต่างก็พากันชื่นชมเขา นางเองก็ได้รับคำชมมากมายด้วยความสามารถของลูกชาย คนเป็นแม่อย่างนางหรือจะไม่มีความสุข แต่เพราะนางไม่เคยแสดงออกถึงความรัก นางไม่เคยชื่นชมเขา ทำให้นางไม่กล้าที่จะบอกเขาว่านางภาคภูมิใจในตัวเขามากขนาดไหน สำหรับนางในตอนนี้จึงไม่ได้รูู้สึกหวงแหนคำพูดของตัวเองนัก เพียงแค่คำว่ารัก หากนางรู้สึกก็แค่บอกออกไป ไม่ได้ยากเย็นเลยสักนิด “ตอนนี้ข้าเป็นที่รักของคุณหนู แล้วตอนหน้าล่ะเจ้าคะ จะมีใครมาแทนข้าหรือไม่” เสี่ยวชิงหยอกเย้าฉู่ซินเยว่ นางหัวเราะออกเล็กน้อย เจตนาของเสี่ยวชิงคงหมายถึงบุรุษ แต่นั่นก็ถูก แต่ไม่ใช่ทั้งหมด บุรุษที่ชีวิตนี้นางตั้งใจจะมอบหัวใจให้ทั้งหมด คือบุตรชายของนางคนเดียวเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD