ผ่านไปเพียงวันเดียวแก้วตากลายเป็นเจ้าของไร่ทรัพย์สักทองกว่าพันไร่มูลค่าหลายร้อยล้านบาท มีสามีชื่อนายนิรุจน์คนร่างยักษ์
กำลังยืนเงียบๆปล่อยใจปล่อยอารมณ์ไปกับสายลมและแสงแดดระหว่างต้นยางสองต้นที่เธอเคยผูกเปลนอนเมื่อตอนเด็ก
"ปริ๊นๆ" เสียงแตรรถดังอยู่ใกล้ๆจนต้องหันไปมอง
"ขึ้นรถ ผมจะพาไปดูไร่"
แก้วตาเหลียวมองไปตามเสียงเรียกนั้น เธอเห็นผู้ชายท่าทางทรนงใบหน้าคมประจำที่คนขับนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถกระบะตอนเดียวสภาพค่อนข้างเก่า
"ฉันไม่ไปกับนายหรอก"
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่นิ่วหน้า เขาลงจากรถปิดประตูเสียงดังปัง!แบบไม่กลัวประตูจะหลุดเดินอาดๆมาที่เธอ
"อย่าเรื่องเยอะ ผมจะพาไปทัวร์ไร่"
เมื่อแก้วตาไม่ยอมไปด้วยเขาจึงแกล้งทำท่าจะอุ้ม เธอก็รีบชิงวิ่งขึ้นรถไปเสียก่อน
"ไอ้ยักษ์บ้า เรื่องอะไร"
"ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดีจะหนีทำไมให้เหนื่อยไปแต่แรกก็จบแล้ว"
แก้วตาได้ยินเพียงเสียง หึ หึ ชอบใจไล่หลังพยายามไม่สนใจคนที่ชอบใช้อำนาจข่มขู่ เมื่อเขาขึ้นรถเธอก็นั่งเอาตัวพิงไว้กับขอบประตูรถมองไปด้านหน้า
"มะรืนนี้ผมจะไปลาออกจากบริษัท คุณคอยผมอยู่ที่บ้านดีๆนะ"
ไปเถอะ สาธุ 99...
"จะไปไหนก็เรื่องของนายไม่เห็นต้องบอกเลย"
"ได้ไง เราเป็นสามีภรรยากันคุณลืมไปแล้วหรือไง ต่อไปนี้จะไปไหนทำอะไรก็ต้องบอกกันถึงจะถูก"
ฟังแล้วเธออยากบ้าของจริง...
มุมปากของนิรุจน์หยักขึ้นเหมือนรู้เท่าทันความคิดของแก้วตาทุกอย่าง
"คุณไม่ต้องคิดว่าจะหาเรื่องหย่ากับผมซะให้ยาก เพราะยังไงผมก็ไม่ยอมหย่าง่ายๆหรอก คุณรู้ไหมว่าไร่ไม้สักมีมูลค่าเท่าไหร่ หย่าก็โง่แล้ว"
แก้วตาเคียดแค้นคนรู้ทัน "แต่ฉันไม่ได้รักนาย"
นิรุจน์เหยียบเบรคดังพรืดจนเธอเกือบเอาหน้าไปจูบที่คอนโซลรถอ้าปากจะด่า แต่เขายื่นมือคว้าปลายคางมนเอาไว้ มองไปที่ริมฝีปากบางน่าจูบที่ช่างพูดแต่เรื่องไม่ดีพูดจาไม่เข้าหูเอาซะเลย
"อยู่ๆกันไปก็รักกันเองแหละโบราณท่านว่าไว้เคยได้ยินหรือเปล่า อีกหน่อยเราอาจจะมีลูกหัวปีท้ายปีก็ได้ใครจะไปรู้"
เชื่อโบราณจะบานบุรี
"ไม่มีทาง"
"เดี๋ยวก็รู้ อีกหน่อยจะเรียกพี่รุจน์คะ พี่รุจน์ขา กอดแข้งกอดขาผมทุกเวลาเช้า กลางวัน เย็น"
แหวะ!!!
ไม่รู้ไอ้ยักษ์ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนแก้วตาแอบเบะปากไม่ให้เขาเห็น
แต่นิรุจน์เห็นเต็มสองลูกกะตา สำหรับเขาแล้วเธอมันก็แค่ลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
"อยู่ที่นี่ผมขอเตือนอย่างหนึ่งนะ ว่าอย่ามาทำเก่งกับผม"
แก้วตาสะบัดหน้าเอามือปัดมือร้ายที่จับปลายคางของตนเองออก
"ไอ้บ้า..."
นิรุจน์ไม่สนใจว่าเธอจะคิดยังไง สายตาคมมองไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมายแบกความหวังมากมายเต็มสองไหล่
ขับรถดูไร่อย่างช้าๆสายตามองไปที่ไร่อันอุดมสมบูรณ์ของไร่ทรัพย์สักทองที่เขาคุ้นเคยตั้งแต่เด็กจนโต รู้ทุกซอกทุกมุมเป็นอย่างดี งานในไร่มีอะไรบ้างเขาทำมาหมดแล้วแทบทุกอย่าง
คิดถึงตรงนี้แล้วก็ปรายตามองไปที่คนข้างๆ คงมีแต่เธอ... แม่หลานสาวคนโปรดสุดรักสุดหวงมือห่างตีนห่างเดือนปีไม่เคยลงจากเรือนนอกจากไปโรงเรียน
ก็เธอมันคุณหนูหลานสาวเจ้าของไร่...
ส่วนเขาก็แค่เด็กกำพร้าที่แค่คุณแม่ดวงแก้วเมตตาให้อาหาร ให้การศึกษาเลี้ยงดูเขาในฐานะลูกอีกคนหนึ่ง
ถึงเวลาที่เขาต้องทดแทนบุญคุณแล้ว
นิรุจน์ขับรถผ่านคนงานที่ทำงานในไร่กันเป็นกลุ่มๆ มุ่งหน้าไปที่สำนักงานของไร่อันเป็นสถานที่ ที่คุณป้าดวงแก้วไว้ใช้ทำงาน
จู่ๆใบหน้าของคนขับก็เข้มขึ้น
"ผมจะพาคุณไปสำนักงานที่เราต้องมาทำงานด้วยกัน"
แก้วตาไม่พูดอะไร ไร่นี้เธออยู่มาตั้งแต่เล็กจนโตเพียงแค่ไม่เคยได้เข้ามาถึงที่ทำงานของคุณป้าแค่นั้นเอง
"เชิญ..."
บ้านหลังเล็กทำจากไม้สักถูกใช้เป็นสำนักงานตั้งอยู่กลางไร่พอดิบพอดี เมื่อถึงที่หมายเขาจอดรถไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ข้างสำนักงานและลงจากรถ
"ถึงแล้ว"
เขาพยักหน้าให้หญิงสาวรู้ว่าถึงแล้วให้ลงจากรถได้ เมื่อทั้งสองลงมาก็พบกับลุงหวัดผู้ดูแลเรือนของไร่ทรัพย์สักทองที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยเป็นมือขวาคอยติดตามอยู่ไม่ห่าง
ลุงหวัดที่นอกจากจะเป็นคนดูแลความสงบเรียบร้อยในเรือนแล้ว เมียเขาคือป้าจ้อยเป็นแม่ครัวเก่าแก่แต่งงานกับลุงหวัดแล้วขอสมัครมาเป็นแม่บ้านของที่นี่ นับตั้งแต่นั้นมาทั้งสองก็กลายเป็นคนของไร่ทรัพย์สักทองไปโดยปริยาย
"อ้าว ลุงหวัดมาทำอะไรครับ" นิรุจน์ถาม
"คุณดวงแก้วให้ตามมาครับ เผื่อมีอะไรให้ช่วย"
นิรุจน์พยักหน้า จริงสิ ลุงหวัดเป็นคนเก่าคนแก่ของที่นี่คอยติดตามคุณป้าดวงแก้วมานาน คงจะรู้เรื่องของไร่นี้มากกว่าเขาเสียอีก
"งั้นลุงตามผมกับคุณแก้วมา"
เมื่อไปถึงสำนักงานกลับพบว่าบ้านได้ถูกเปิดใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาต นิรุจน์มองไปที่ลุงหวัดเพื่อหาคำตอบแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร เขาจึงเดินขึ้นบ้านถือกระดาษติดมือมาหนึ่งใบเดินเข้าไปด้านใน
นายสนหัวหน้าคนงานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเจ้าของไร่จิบกาแฟยามบ่ายพร้อมกับดูโทรศัพท์มือถือท่องโลกโซเชียลอย่างสบายใจ เขาคงจะยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองนับจากนี้
เมื่อนิรุจน์ขึ้นบ้าน พอเห็นเขานั่งที่เก้าอี้ของแม่ดวงแก้วถึงกับลมออกหูด้วยความโกรธคนชอบทำตัวเสมอนาย
"มันมีสิทธิ์อะไร?"
นิรุจน์ยืนอยู่ตรงหน้าหัวหน้าคนงานทำให้นายสนถึงกับหน้าถอดสีเมื่อถูกพบเข้าด้วยความบังเอิญ
"อ้อ...พี่สนนี่เอง นึกว่าใครมาเปิดสำนักงานของคุณแม่ดวงแก้ว"
นิรุจน์มองด้วยสายตาตำหนิคนที่นั่งทำทีไม่ทุกข์ไม่ร้อน นายสนหัวหน้าคนงานในวัยสี่สิบปีเศษไม่แสดงความเคารพหรือยำเกรงต่อนิรุจน์สักเท่าไหร่เพราะชายหนุ่มตรงหน้าก็แค่คนอาศัยที่เจ้าของไร่เก็บมาเลี้ยงที่เขาเห็นตั้งแต่เด็ก
หัวหน้าคนงานลุกจากเก้าอี้แบบเสียมิได้
"ก็มาอยู่ทุกวันลุงหวัดก็เห็น"
"ใช่ไหมครับลุง"
ลุงหวัดไม่ตอบได้แต่ยืนเงียบๆมองไปทางอื่น ขอให้เรื่องบนนี้เป็นธุระของคุณรุจน์ก็แล้วกัน
แก้วตาที่ตามมาด้วยยืนเคียงข้างกับนิรุจน์ไม่ได้รับความเกรงใจจากหัวหน้าคนงานสักนิด เธอเห็นแค่แววตาเย้ยหยันและรอยยิ้มมุมปากที่ดูยังไงก็น่าเกลียดอยู่ดี
นิรุจน์ยื่นกระดาษสีขาวให้นายสนแล้วทำสีหน้ายียวน แสดงให้เห็นว่าเขาก็กวนบาทาพอตัว
"นี่ประกาศ พี่สนเอาไปแปะที่บอร์ดประชาสัมพันธ์ด้วยล่ะ"
หัวหน้าคนงานหยิบเอาไปอ่านเมื่ออ่านจบถึงกับต้องขมวดคิ้ว เงยหน้ามองแก้วตาที่ยืนอยู่เคียงข้างนิรุจน์
"คุณแก้วตา..."
"ใช่ฉันเอง"
หญิงสาวที่มีใบหน้าสะสวยรูปร่างอ้อนแอ้นอย่างคนกรุงแบบนี้น่ะหรือจะมาเป็นเจ้าของไร่ ให้มาเป็นคู่นอนให้เขากอดซะยังจะดีเสียกว่า
นิรุจน์เกลียดสายตาแบบนี้ของเขา เอาตัวใหญ่ๆของเขาบังหญิงสาวเอาไว้
เมียข้าใครอย่าแตะถ้ามองมากเขาจะควักลูกกะตามันออกแล้วเหยียบให้แหลกคาเท้า
"เอาล่ะ ผมจะสรุปให้ฟังสั้นๆนะ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณแก้วตาหลานสาวเพียงคนเดียวของคุณแม่ดวงแก้วจะมาเป็นเจ้าของไร่คนใหม่ ส่วนผมเป็นผู้จัดการไร่มีอำนาจสิทธิ์ขาดในการบริหารงานของไร่นี้ทุกประการ"
"ส่วนสำนักงานนี้ต่อไปคนที่สามารถเข้ามาใช้งานได้มีเพียงผมกับคุณแก้วตาเท่านั้น"
"คนอื่นไม่มีสิทธิ์ แม้แต่พี่สน"
วันแรกเขาก็เปิดศึก...
"ที่ทำงานของหัวหน้างานอยู่ด้านโน้นครับพี่สน"
นิรุจน์ชี้มือไปที่ออฟฟิศตู้คอนเทนเนอร์ที่หัวหน้าคนงานต้องนั่งรวมกับเสมียนเท่านั้น พูดจบเขายื่นกุญแจบ้านชุดใหม่ให้กับลุงหวัดไปจัดการ
"ลุงหวัดเอาไปเปลี่ยนครับ"
นายสนที่รู้ตัวแล้วว่าโดนไล่เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้สีหน้าย่ำแย่ปรายตาไปที่หญิงสาวหน้าตาสะสวยท่าทางไม่มีพิษมีภัยอะไร ถ้าได้มาเป็นพวกเขาจะสบาย
"สวัสดีครับคุณแก้วตา ผมพี่สนเป็นหัวหน้าคนงานครับ"
"สวัสดีค่ะ"
เมื่อหัวหน้าคนงานทำท่าจะจากไปพร้อมจดหมายในมือ นิรุจน์สำรวจไปที่ตู้เอกสารของที่นี่อย่างหัวเสียเพราะมันไม่เป็นระเบียบสักนิด แล้วไม่รู้ว่าเอกสารจะครบหรือเปล่า
สายตาคมมองที่เขาอย่างถือโทษ
"ผมขอแฟ้มเอกสารทั้งหมดของไร่เอามาให้ผมเดี๋ยวนี้ และก็พรุ่งนี้แปดโมงเช้าผมขอให้พี่สนแจ้งคนงานให้มารอต้อนรับเจ้าของไร่คนใหม่และรับนโยบายการทำงานพร้อมกัน"
"ครับ"
"อีกอย่างนะ... ช่วยหาคนงานผู้หญิงมาหนึ่งคนที่เคยทำความสะอาดเรือนนี้มาเก็บกวาดเอายาฆ่าเชื้อโรคมาด้วย"
"ครับ" นายสนรับคำแต่รู้สึกเคียดแค้นมากที่ถูกไล่ออกจากที่นี่
แก้วตาคงไม่ทันเห็นสายตาของหัวหน้าคนงานเก่าแก่ที่สมบูรณ์พูนสุขมาหลายปีก่อนที่เขาจะปลีกตัวออกไป
แต่นิรุจน์เห็นทุกอย่าง...
เมื่อหัวหน้าคนงานไปแล้วหญิงสาวเดินสำรวจทั่วบ้านพบว่าบ้านหลังเล็กๆหลังนี้ยังมีห้องนอนเล็กเอาไว้สำหรับพักผ่อนพร้อมกับครัวแบบมินิอยู่ด้านหลัง ส่วนด้านหน้ามีโต๊ะทำงานหนึ่งตัวกับโซฟารับแขกอีกหนึ่งชุด
นิรุจน์มองเวลาแล้วจับข้อมือหญิงสาวให้ลงบ้านพร้อมกันก่อนไปเขายังสั่งการกับลุงหวัดว่า
"ลุงรอแม่บ้านเขามาทำความสะอาดก่อนนะ แล้วก็ถ้าพี่สนเอาแฟ้มมาให้ก็กองไว้บนโต๊ะก่อน ขากลับอย่าลืมเปลี่ยนกุญแจบ้านใหม่ด้วยนะครับ"
"คุณรุจน์จะรีบไปไหนครับ"
สายตาคมของนิรุจน์ปรายตาไปที่หญิงสาวที่เอาแต่บิดข้อมือเพื่อให้หลุดจากพันธนาการของเขา ปากย่นไปถึงจมูก
"ผมกับคุณแก้วตาต้องไปเตรียมตัวเข้าหอเดี๋ยวจะเสียฤกษ์"
ออนไรท์
♥️ คุณรุจน์ก็อยากแต่จะเข้าหออย่างเดียวเลย
👉 ตอนต่อไป จูบของยักษ์