ณ คฤหาสน์หลังเดิม...
“เอกสารที่ตังค์สรุปเป็นพรีเซนเทชั่นให้พี่ดู อยู่ในแท็บเล็ตเรียบร้อยแล้วค่ะ มีทั้งประวัติบริษัท และบอร์ดผู้บริหารของบริษัทที่พี่ต้องรู้ทั้งหมดอยู่ในนี้ เพียงแค่พี่คลิกเลื่อนดูค่ะ”
ตมิสาอธิบายรายละเอียดของงาน การทำหน้าที่ CEO คนใหม่ของบริษัทโพรเกรสเอนจิเนียร์ ในตอนแรกนาตาลีเป็นผู้แบกรับ ในการบริหารเพียงลำพัง ทว่าตอนนี้นาตาลีกล่อมเมธาวินได้สำเร็จ เขารับที่จะสานต่อบริษัทของบิดาเขาที่ทิ้งไว้ให้ก่อนเสียชีวิตแล้ว...
“เธออธิบายแจงรายละเอียดให้พี่ฟังดีกว่า พี่ขี้เกียจอ่าน เอาแค่คร่าวๆ พอ...”
เมธาวินเปิดบริษัทร่วมกับเพื่อนที่อังกฤษมานานหลายปี ในระหว่างที่เรียนต่อ และอยู่สานต่อธุรกิจของตัวเองและเพื่อนจนประสบความสำเร็จ เมธาวินไม่ได้สนใจในธุรกิจของพ่อเขา แต่ที่ต้องกลับมาครั้งนี้ ก็เพราะทนการร้องขอของนาตาลี แม่เลี้ยงของเขาไม่ไหวจึงต้องกลับมารับช่วงบริหารบริษัทที่พ่อของเมธาวินก่อร่างสร้างมันมาตั้งแต่เขายังไม่เกิด
“ค่ะ...บริษัทโพรเกรสเอนจิเนียร์ เป็นบริษัทที่ผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรม ตัวแทนจำหน่าย และการวางระบบในอุตสาหกรรม ก่อตั้งเมื่อปี...”
“ตังค์!”
“คะ?”
“เรื่องนี้พี่รู้แล้ว ไม่ต้องบอก เอาแค่รายงานแต่ละปีหรือรายไตรมาสก็พอ พี่ไม่ได้แย่ขนาดที่ไม่รู้ว่าบริษัทของพ่อตัวเองทำอะไรนะ”
เมธาวินมองใบหน้านวลเนียนไร้เครื่องสำอาง ตมิสาเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เธอดูสวยสะพรั่ง ผิวขาวใสไร้ที่ติ ยามที่ใกล้ชิดแบบนี้กลิ่นกายของเธอเตะจมูกเขาอย่างจัง จนบางทีเขาต้องแอบสูดลมหายใจเข้าปอดไปหลายครั้งเลยทีเดียว
“งั้นพี่วิชญ์ทำไมไม่กดดูเองล่ะคะ ตังค์ก็ทำเป็นหัวข้อไว้ให้อยู่แล้ว พี่อยากดูรายงานพี่ก็กดเลื่อนดูได้นี่คะ พี่อยากรู้อะไรพี่ก็แค่ใช้นิ้วจิ้มแค่นั้นเอง จะให้ตังค์อธิบายทำไมอีกมิทราบ”
ตมิสากำลังนับหนึ่งถึงร้อย สกัดกั้นความโกรธเอาไว้ไม่ให้ระเบิดใส่เขา หนังสดเมื่อวานมันรบกวนจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก แทบจะกระอักเลือดตายเลยด้วยซ้ำ ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างในจิตใจเธอเริ่มลดน้อยลงไปทุกที
“สรุปนาตาลีให้เธอมาทำหน้าที่อะไร ไหนลองทวนให้พี่ฟังหน่อยซิตังค์”
เมธาวินยังคงยียวนกวนอารมณ์ของเธอต่อ ภาพจำที่เขามักจะจำติดตาเสมอๆ คือ หญิงสาวสวยน่ารักอ่อนหวานมาสารภาพรักเขาพร้อมกับช่อดอกไม้ หรือไม่ก็จะเป็นขนมช็อกโกแลตรูปหัวใจ ตมิสาในตอนนั้นเธอสดใสน่ารักสมวัย แต่เขาไม่เคยมองเธอในฐานะอื่นเลย นอกจากน้องสาวที่แสนดีของเขาเท่านั้น...
“ตำแหน่งเลขาค่ะ...”
ตมิสาสะบัดหน้าสวยใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ เธอพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วนะ ‘ความรักจะทำให้เธออดทนนะตังค์ เธอรักตาวิชญ์เธอก็จะมองข้ามทุกอย่างในตัวเขาไปได้ เชื่อฉันสิ’ คำพูดของแม่เลี้ยงเขายังดังกึกก้องอยู่ในหัวของเธอ พร่ำกรอกใส่หูเธอตลอดเวลา ตมิสาคือเครื่องมือชนิดหนึ่งของนาตาลี ซึ่งเธอเองก็รับรู้สิ่งนี้เป็นอย่างดี แต่ทำไมเธอก็ยังทนได้อีกก็ไม่รู้...
“งั้นเธอก็ควรทำหน้าที่ตัวเองซะ”
เมธาวินยังคงจ้องมองดวงหน้าสวยต่อ ด้วยท่าทีอย่างสบายอารมณ์ตรงโซฟาตัวเดิม ตัวที่เกิดเหตุการณ์หนังสดตามที่ตมิสาได้กล่าวเอาไว้ ซึ่งมันทำให้เธอขวัญกระเจิงอีกครั้ง ในรอบ 11 ปี...
ณ คอนโดของตมิสา เวลาเลิกงาน...
“ตอนนี้มันก็เป็นโอกาสของแกแล้วนี่ตังค์ ทำไมแกไม่สารภาพรักกับพี่วิชญ์ไปเลยล่ะ ไหนแกบอกจะลองสารภาพรักกับ พี่วิชญ์อีกสักครั้งก่อนตาย”
“นั่นสิ...จริงอย่างที่ไอ่พีร์มันพูดนะ แกจะได้ไม่ต้องค้างคาใจถึงเรื่องนี้อีก แต่ถ้าฉันเป็นแกนะ เจอแบบเมื่อวานฉันก็ถอนใจไปแล้วว่ะตังค์”
“ตอนแรกฉันก็คิดแบบนั้นแหละ แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่ะ ใจของฉันมันเริ่มบางลงทุกวันแล้ว เจอหนังสดตั้งสองครั้ง สติฉันไม่แตกก็บุญแล้ว”
ตมิสาพูดพลางยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจีบมองเพื่อนทั้งสองคนของเธอ วันนี้มีนัดปาร์ตี้ฉันท์เพื่อนกันที่คอนโดของตมิสาหลังเลิกงานยามเย็น
“แกก็ลองอีกสักครั้งสิ...เผื่อพี่วิชญ์อาจจะปิ้งแกก็ได้ แกสวยออกอย่างนี้นิสัยเจ้าชู้อย่างพี่วิชญ์คงได้หวั่นไหวกับแกบ้างแหละตังค์”
“แต่แกไม่สงสารไอ่ตังค์มันเหรอวะพีร์ แกคิดดูนะโว้ย ถ้า พี่วิชญ์เขาจะชอบไอ่ตังค์นะ ฉันว่าเขาคงชอบมันไปนานแล้วว่ะ”
“แต่ถ้ามันไม่ลอง...มันก็จะพร่ำเพ้อฝันบ้าฝันบออย่างนี้ตลอดไปนะโว้ย...นี่ก็พึ่งจะได้ไปเจอหนังสดตอนใหม่มาอีก มันคงไม่เอาไปฝันจนแก่ตายเลยหรือไง”
“พวกแกไม่ต้องเถียงกันหรอก...ความคิดฉันตอนนี้นะมีอยู่สองทาง คือ หนึ่งฉันเดินหน้าสารภาพรักพี่วิชญ์ สองเลิกคิดเลิกฝันและหาผู้ชายคนใหม่มาดามใจฉัน”
“ดามใจ...นี่แกอกหักแล้วเหรอวะตังค์ ทั้งที่แกกับพี่วิชญ์ยังไม่ได้คบกันเลยนะ แกเมาหรือเปล่าเนี่ย”
“มันก็เหมือนกันแหละ...แอบรักก็เท่ากับมีความรัก แกจะมาย้ำให้ฉันเจ็บใจทำไมวะนนท์”
ทั้งที่ตมิสาพยายามตัดใจนับร้อยครั้งพันครั้ง แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ รักในวัยเด็กของเธอเกิดขึ้นเพราะ เมื่อก่อนพ่อของเธอเคยทำงานให้กับคุณนนท์กานต์พ่อของเมธาวิน ซึ่งพ่อเธอเป็นลูกน้องคนสนิทเลยก็ว่าได้ ทำให้คุณนนท์กานต์ชักชวนพ่อของเธอให้มาอยู่ด้วยกัน เธอเติบโตมาพร้อมกับเขา มองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด ทั้งที่ตมิสาเองก็มีพี่ชายอยู่แล้ว...แต่เมื่อคุณนนท์กานต์เสียชีวิตลง ตอนนั้นเธออายุ 18 ปีพอดี พ่อของเธอก็ย้ายครอบครัวไปลงหลักปักฐานอยู่ที่กาญจนบุรี ทำสวนผลไม้บนพื้นที่นับร้อยไร่ โดยมีพี่ชายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับพ่อของเธอ แต่เธอก็ยังเรียนอยู่ที่กรุงเทพไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านตามพ่อของเธอไป
“ฉันล่ะนับถือแกจริงๆ เลยว่ะตังค์ แกรักทั้งๆ ที่ไม่เคยมีหวัง...แถมยังเฝ้ารักภักดีกับพี่วิชญ์ แกมันสุดยอดหญิงถึกแห่งปี”
รณพีร์เป็นเพื่อนกับตมิสาตั้งแต่แรกเกิดเลยก็ว่าได้ เพราะครอบครัวของเขาเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด และพ่อเขากับพ่อของตมิสาเป็นเพื่อนรักกัน ด้วยเหตุนี้เขากับตมิสาจึงโตมาด้วยกัน และสนิทกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“แต่ตอนนี้ฉันคงเป็นหญิงถึกไม่ไหวแล้วแหละพีร์ แกดูสิพี่วิชญ์ไปอยู่เมืองนอกตั้งห้าปี ฉันแชทไปหาพี่เขาตลอด เขาเปิดอ่านและโต้ตอบฉันไม่กี่ครั้งเอง และหนำซ้ำเมื่อวานฉันก็ต้องมาเจอไอ่หนังสดเขากับผู้หญิงอื่นอีก...”
จะว่าไปแล้วเมธาวินก็ไม่เคยมองเธอเป็นอื่นเลย นอกจากน้องสาว ที่คอยตามพี่ชายตลอด วันเกิด วันวาเลนไทน์ ทุกเทศกาลเธอจะต้องมีของขวัญให้เขาทุกครั้ง แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่เขาจะมอบของตอบกลับเธอมา ช็อกโกแลตสักชิ้นยังไม่มี!
“อืม...แกก็ควรถอยออกมาได้แล้วนะตังค์ ถึงแม้ฉันจะไม่ได้เป็นเพื่อนมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยเห็นช่วงนั้นของแก แต่ฉันตรองดูแล้วนะ มันเป็นไปได้ยาก...เหมือนคู่ฉันกับไอ่พีร์แหละ”
ชานนท์นั้นพึ่งเข้ามาสนิทกับตมิสาและรณพีร์ตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็ยังทำงานที่เดียวกัน
“คู่เหรอ...แบบแกกับไอ่พีร์...มันไม่ใช่รักสามเศร้าเหรอวะ จริงๆ ฉันก็งงกับความสัมพันธ์แบบสามผัวเมียของแกกับไอ่พีร์มากเลยนะ สรุปพวกแกตกลงกันยังไงวะ วันคู่วันคี่ หรือยังไงแบ่งกันกี่วันฉันสับสนไปหมดแล้ว”
“จริงๆ มันยังไม่ลงตัวหรอก พวกฉันยังทะเลาะกันอยู่”
“อ่าว...แล้วแกทำไม ไม่ให้คุณนาตาลีเขาตัดสินใจวะ เลือกไปเลยว่าจะเอาใคร”
“เธอเลือกไม่ได้น่ะสิ ถ้าเลือกคนใดคนหนึ่งแล้ว พวกฉันคงไม่ต้องมาทะเลาะกันแบบนี้หรอกตังค์”
“เออ...ถามจริงๆ แล้วพวกแกเคยแบบ...กันสามคนมั้ย”
“ยังไงของแกแบบ...สามคน”
“ไอ่ตังค์มันหมายถึงมีอะไรกันทีเดียวสามคนไงไอ่นนท์”
“ไม่เคยอ่ะ...แค่เห็นหน้าไอ่พีร์เวลาอยู่กับคุณนาตาลี ฉันก็อยากจะตะบันหน้ามันแล้ว”
“แกถามฉันหรือยังไอ่นนท์ ว่าฉันอยากจะทำกับแกกลับบ้างมั้ย”
“อ่าว...แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงวะไอ่พีร์”
“ก็หมายความหยั่งที่พูดแหละ ไม่น่าโง่ที่จะแปลไม่ออกนี่”
“อ่าว...ไอ่นนท์”
“โอ้ย! พวกแกหยุดกัดกันได้แล้ว แกสองคนนี่มันยิ่งกว่าฉันอีกนะ ทำเป็นสอนฉันอยู่นั่นแหละ ไม่รู้จักสอนตัวเองมั่ง สาวๆ มีออกเยอะแยะ หน้าตาแกสองคนก็ระดับดาราฮอลลีวูดทั้งคู่ แค่กระดิกนิ้วสาวๆ ก็มาแล้ว...นี่อะไรมาหลงรักผู้หญิงวัย 45!”
“มันก็เหมือนแกแหละไอ่ตังค์ ผู้ชายมีเป็นร้อยเป็นพัน แกก็ไม่ชอบ ดันไปชอบผู้ชายที่เขาไม่สนใจตัวเองซักกะนิด รักบ้าบออะไรเป็นสิบๆ ปี”
“-..-”
“ไง...อึ้งล่ะสิ เข้าตัว ฮ่า ฮ่า”
“ไปไม่เป็นเลยดิไอ่ตังค์ ฮ่า ฮ่า”
“แหม...ทีเล่นงานฉันนี่ทำมาเป็นแท็กทีมกันนะแกสองคนเนี่ย เมื่อกี้กัดกันจะตาย”
“ฉันกับไอ่นนท์ไม่เคยคิดที่จะลงไม้ลงมือกันสักครั้งเลยนะโว้ย...ถึงแม้จะเขม่นกันก็เถอะ มันก็แค่เรื่องผู้หญิง แต่เรื่องอื่นฉันกับมันก็ยังเป็นเพื่อนรักกันนะ แกมันกระต่ายตื่นตูมไปเอง”
“หมาเลยฉัน พวกแกนี่มันคบไม่ได้จริงๆ เลวทั้งคู่”
“แต่พวกฉันไม่เจ้าชู้แบบพี่วิชญ์แกนะโว้ยตังค์”
“-..-”
“นั่นสิ...พวกฉันมันเป็นคนรักเดียว ไม่ได้หลายรักอย่างพี่วิชญ์ของแก คบสาวแต่ละคนไม่ซ้ำหน้า เปย์หนัก จัดหนัก สาวล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด”
“แต่ฉันเชื่อว่า...ถ้าพวกแกรวยแบบพี่วิชญ์ พวกแกก็คงต้องทำเหมือนกันแหละ”
“ฉันไม่ทำแน่นอน...ถึงแม้ฉันไม่ได้รวยนะ แต่เวลาฉันคบกับนาตาลีฉันก็ไม่เคยที่จะให้เธอซื้อของ หรือแม้กระทั่งกินข้าว ก็ไม่เคยให้เธอออกเลยสักครั้งเลยนะโว้ย”
“ใช่...จริงอย่างที่ไอ่พีร์พูด พวกฉันมันเป็นพวกรักจริงโว้ย...แกต้องหาผู้ชายแบบฉันสองคนนี่ตังค์”
“จะไปหาที่ไหนวะ...ผู้ชายดีๆ แกสองคน...คนใดคนหนึ่งเลิกกับคุณนาตาลี แล้วมาคบกับฉันสิ ฉันจะได้ลืมพี่วิชญ์ได้”
“หึยย์ ไอ่ตังค์...ฉันเห็นแกยันไส้ที่มันขดอยู่ข้างในของแกแล้ว...จะให้ฉันเอาแกมาเป็นแฟนเนี่ยนะ...ขอบายว่ะ...ไม่ใช่แกไม่สวยนะตังค์ แกน่ะสวยมากๆ สวยจนผู้ชายเขาไม่กล้าแตะ แม้แต่ฉันเองยังอดชมแกไม่ได้เลย แต่เพราะแกคือเพื่อนฉันไปแล้ว...เออ...ถ้าเป็นไอ่นนท์ว่าไปอย่าง แกกับมันพึ่งมาสนิทตอนเรียน”
“โห...ไอ่พีร์ แกจะกำจัดฉันออกจากคุณนาตาลีล่ะสิ ถึงยัดเยียดให้ฉันไปคบกับไอ่ตังค์อ่ะ”
“เปล่า! ฉันแค่แนะนำไอ่ตังค์ไง แกเป็นเพื่อนกับไอ่ตังค์มาแค่เจ็ดปีเอง แต่ดูฉันสิคบกับมันมาถ้าไม่นับแรกเกิดล่ะก็เท่ากับอายุพวกฉันนี่แหละ”
“อืม...พวกแกหยุดเถียงกันเลย ฉันแค่คิดไม่ต้อง อี๋! ฉันขนาดนั้นก็ได้...ความรักของฉันมันลำบากขนาดนั้นเลยหรือวะ มีรักแล้วทุกข์ขนาดนี้เลยเหรอ...เฮ้อ!”
ตมิสาอยากจะตัดใจจากเขาให้ได้สักที แต่ยิ่งตัดมากเท่าไหร่มันก็เหมือนกลับยิ่งรักมากเท่านั้น ความรู้สึกที่มันก่อตัวมาแสนนานจะให้มันพังทลายลงทีเดียว มันก็คงจะยากมาก เธอจะทำไงได้...ในเมื่อรักแล้วก็ต้องยอมรับให้ได้แค่นั้นเอง...
………………..