EP.02-02
ความต่างที่เหมือนเดิม
18.10 น.
ช่วงเวลาหลังหกโมงเป็นต้นไปจะมีรถกระบะสองคันขับวนรอบสวนเพื่อรับคนงานกลับลงไปที่ศาลา ผมก็ขึ้นรถไปกับเขาด้วย แต่วันนี้แปลกตรงที่ปกติกระติกน้ำบนรถจะเป็นแค่น้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง ตอนนี้กลับมีถังแช่น้ำแข็งแถมมีน้ำอัดลมเต็มถังไปหมด
“ใจ๋ดีขนาด เปื้อนตั๋วน่ะ ซื้อของมาหื้อเต๋มศาลา น้ำนี้อ้ายเขาก็ซื้อมาหื้อหนา” (ใจดีจัง เพื่อนเธอน่ะ ซื้อของมาให้เต็มศาลา น้ำนี่พี่เขาก็ซื้อมาให้นะ)
“เขายังอยู่เหรอ?”
“บ่หันตั๋วหันแต่ของ แต่รถตู้ยังอยู่หนา คนก็อยู่ต๋ำหมู่เนี้ยก้า” (ไม่เห็นตัวเห็นแต่ของ แต่รถตู้ยังอยู่นะ คนก็น่าจะอยู่แถวนี้แหละ)
ผมหยิบน้ำอัดลมขวดหนึ่งมาเปิดกิน ในหัวก็ครุ่นคิดเรื่องเก่าเรื่องใหม่ปนกันไปหมด ไม่นานรถก็จอดสนิทอยู่ที่หน้าศาลา ผมปีนลงมาจากรถก็มีเด็ก ๆ ถือห่อขนมวิ่งเข้ามากอดแข้งกอดขาอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ผมเป็นลูกพี่ของเด็กพวกนี้เองล่ะครับ รักเหมือนลูกเหมือนหลานเลย ผมชอบเด็กมาก ๆ
“อย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวอิ่มแล้วกินข้าวไม่ได้”
“กินฟรี ๆ”
“มีขนมปะเลอะปะเต๋อ กิ๋นได้วันค่ำ” (มีขนมเยอะแยะมากมาย กินได้ทั้งวัน)
เด็กที่นี่มีทั้งพูดภาษาถิ่น พูดภาษากลาง แต่ละครอบครัวมาจากหลายที่ครับ บางคนก็คนพื้นที่ บางคนก็เป็นญาติกันจากต่างจังหวัดมาทำงานด้วย แต่ละบ้านส่วนมากก็มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน มาอยู่ที่นี่ก็กลายเป็นผมที่คอยดูแลพวกเขาเสียส่วนใหญ่
ผมเดินตามเด็ก ๆ เข้าไปในศาลาก็ต้องตกใจที่สภาพด้านในมันเต็มไปด้วยโต๊ะและของกิน ปกติที่นี่เราจะทำงานกันกับพื้น นั่งคัดแยกผลไม้ตรงไหนก็ได้ตามสะดวก มันใช้พื้นที่เยอะจึงไม่ค่อยเอาอะไรเข้ามากีดขวางทาง
แต่ตอนนี้มีโต๊ะอาหารต่อกันยาวถึงสองแถว บนโต๊ะมีอาหารมากมายที่คุณเฟยกำลังให้คนจัดแจงอยู่ ลุงป้าน้าอาที่นี่ดูชื่นชอบและตื่นเต้นมาก เด็ก ๆ เองก็ด้วย ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งบนเก้าอี้พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“คุณโซ่ครับ”
ผมสะดุ้งเฮือกที่คุณเฟยเข้ามาประชิดตัวผม ก่อนจะรีบดึงสีหน้าให้เรียบนิ่งแล้วคุยกับเขา
“เจ้านายคุณกำลังซื้อใจพวกเขาเหรอครับ เอาเงินฟาดหัวอีกแล้วสินะ”
“เปล่าครับ นายใหญ่...เอ่อ คุณสิงห์ท้องเสียหลังจากกินแกงเขียวหวานตอนเที่ยง เขาเลยสั่งอาหารจากโรงแรมของเขามาให้ทุกคนแทน อาหารที่ทำเองเกรงว่าจะไม่สะอาดและถูกสุขลักษณะเท่าไหร่น่ะครับ”
“บอกให้เขามาเก็บเงินที่ผมแล้วกัน รวมถึงค่ารักษาตัวเขาด้วย นี่เขาไปโรงพยาบาลแล้วใช่ไหม?”
เพราะผมไม่เห็นเขาอยู่ที่นี่ แล้วผมก็ไม่เห็นรถบ้าน รถห้องน้ำจอดอยู่เลย จู่ ๆ ริมฝีปากผมก็ยกยิ้มขึ้นด้วยความโล่งอกโล่งใจที่อย่างน้อยเขาคงท้อและถอดใจไปบ้างแล้ว ที่นี่น่ะไม่เหมาะกับคนสะอาดสะอ้านอย่างเขาหรอก
“คุณสิงห์นอนพักอยู่ในบ้านพักคุณโซ่ครับ เอ่อ ผม...หาคุณโซ่ไม่เจอเลยไม่ได้ขออนุญาตแทนเขา ขอโทษแทนเขาด้วยครับ”
“ว่าไงนะ! เขาเข้าบ้านผมได้ยังไง กุญแจอยู่นี่”
ผมขมวดคิ้วพลางล้วงกุญแจบ้านที่อยู่ในย่ามสะพายบ่าขึ้นมาให้เขาดู คุณเฟยหลบตาผมเล็กน้อยก่อนตอบ
“คุณสิงห์สั่งให้พังประตูเข้าไปครับ เขาปวดท้อง บอกว่าคุณโซ่ไม่ว่าเขาหรอกครับ”
“พูดแบบนี้อีกแล้ว”
เขาเคยได้รับความรักจากผมจนเคยตัวมากไปแล้ว ผมไม่ใช่ไอ้โซ่หน้าโง่คนเดิม ผมโตขึ้น มองโลกกว้างขึ้นแล้ว แต่ภาพจำของสิงห์คือมองผมเป็นคนหัวอ่อนหลอกง่ายอยู่เสมอ เขาน่ะได้เปรียบเพราะผมเป็นฝ่ายรู้สึกกับเขามากกว่าไงเขาถึงเป็นแบบนี้
กรุณาเข้าใจใหม่ด้วยนะสิงห์ โซ่ไม่ได้รักสิงห์แล้ว!!
สองเท้าก้าวเต็มแรงเดินตรงกลับไปยังบ้านพักที่มีบอดี้การ์ดห้าคนยืนเรียงกันที่ชานบ้านด้านหน้า อีกหลายคนยืนล้อมบ้านอยู่คนละจุด ผมเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูบ้านพบว่ามันถูกงัดจนเสีย แล้วมือผมก็กระชากเปิดประตูด้วยความหงุดหงิด
ภายในบ้านเปิดไฟทุกดวงสว่างโร่ ผมเห็นกางเกงเสื้อสูทตัวนอกสองอยู่บนพื้นไม่ห่างจากเท้าผมนัก ไล่สายตาไปอีกหน่อยพบกางเกงสแล็กสีดำม้วนกองอยู่หน้าห้องน้ำ ผมรีบเดินไปดูทันทีกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปโดยที่ไม่มีใครรู้ แต่ในห้องน้ำก็ไม่เจอเขา
บ้านหลังนี้มันเล็กนิดเดียวครับ ถ้าไม่อยู่ในห้องน้ำก็อยู่ในห้องนอน อย่างที่คุณเฟยว่า เขาคงนอนพักอยู่ที่นั่น
ผมเดินทอดน่องเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ไม่รู้ว่าสภาพคนหรือสภาพห้องผมตอนนี้มันแย่กว่ากัน เฮ้อ บนพื้นมียากองหนึ่งที่ถูกรื้อจากกล่องยาสามัญประจำบ้านที่ผมมีจนกระจัดกระจาย บนโต๊ะหนังสือข้างเตียงมีน้ำเปล่า เกลือแร่ ยาแก้ท้องเสียวางเรียงกัน
ส่วนบนเตียงก็พบชายร่างเกือบเปลือยเปล่าคนหนึ่งนอนเหยียดตัวตรง สองมือกุมกันอยู่ที่สะดือ ผมไล่มองใบหน้าหล่อคมของเขาพลางเอื้อมหลังมือไปแตะบนหน้าผาก ดีจังที่ตัวเขาไม่ร้อน
สายตาลากลงมายังลำตัวท่อนบนที่สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมเกือบหมดจนเห็นหน้าอกแกร่ง ส่วนท่อนล่างของเขาตอนนี้มีแค่กางเกงชั้นในที่ขอบกางเกงคลุมถึงแค่ต้นขาบนเท่านั้น ถุงเท้าก็ถอดม้วนไว้ปลายเตียงโน่น
ผมคุ้นเคยกับสภาพของสิงห์แบบนี้ดี รู้ว่าเวลาเขานอนเขาจะใส่แค่กางเกงชั้นในตัวเดียว ตอนที่เราไปเรียนที่อเมริกาด้วยกัน เราพักอยู่คนละห้องแต่โรงแรมเดียวกัน หน้าที่ผมคือเข้าไปปลุกเขาในห้องนอนทุกเช้า เตรียมอาหาร เสื้อผ้าให้ ผมเลยชินตากับสิงห์ในสภาพนี้เสียแล้ว
แต่มันก็ผ่านมาสามปีแล้วนี่นา ผมไม่ควรจะชินสิ!
“โซ่...”
“อ่า ตื่นแล้วเหรอ ได้ข่าวว่าท้องเสีย เป็นไงบ้างล่ะ ดีขึ้นไหม?”
ผมรีบดึงสายตากลับมาที่ปลายเท้าตัวเองก่อนจะยอบตัวลงนั่งเก็บยาที่พื้น ไม่กล้ามองเขาอีก
“โซ่อยู่ที่นี่ได้ยังไง มันลำบากมาก ทุกอย่างเล็กไปหมด ยุงก็เยอะ”
“บางวันก็กลับไปนอนบ้าน สิงห์อยู่ที่นี่ไม่ได้หรอก กลับไปอยู่ที่ของสิงห์เถอะ”
“โซ่ท้าให้หาข้อดีข้อเสียอะไรนั่นไม่ใช่เหรอ จะอยู่จนกว่าจะหาได้ แล้วจะรู้ว่าที่นี่เป็นสนามกอล์ฟมันดีกว่ายังไง”
“สิงห์ โซ่ไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขายเข้าใจไหมเนี่ย”
“ไม่ขายก็ไม่กลับ”
กล่องยาสามัญถูกหยิบไปวางไว้ที่เดิม ผมหันมาอีกทีเขาก็ลุกขึ้นนั่งพลางคว้าผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างเอาไว้แล้ว
“ทำไมสิงห์ถึงคิดว่าโซ่จะยอมขาย ตัดเรื่องเมื่อก่อนไปได้เลย รู้จักกันมาก่อนใช่ว่าโซ่จะยอมทุกอย่างนะสิงห์ ไร่นี้โซ่รักมันเพราะทุกคนทำให้โซ่มีความสุข โซ่มีอะไรทำมากมาย มันทำให้อยากตื่นขึ้นมาทุกวัน ถ้าโซ่ไม่มีที่นี่โซ่ก็ไม่รู้จะทำอะไร”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหน แค่ค่าเช่าที่ ค่าขายผักขายผลไม้จะได้สักกี่บาท โซ่จะทนลำบากทำไม”
“สิงห์นั่นแหละจะทนลำบากอยู่ที่นี่ทำไม”
ครั้งนี้เขาไม่ตอบ ผมเห็นเขานิ่วหน้าก่อนจะเอนตัวลงนอน มือข้างถนัดยกขึ้นนวดขมับอยู่หลายที
น่าแปลกที่จู่ ๆ ร่างกายของผมก็ขยับพาตัวเองเข้าไปในครัวแล้วชงโกโก้ร้อนให้เขา จำได้ว่าเขากินรสชาติไหน ขณะที่รอน้ำร้อนอยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นแก้วห้าใบอยู่ในอ่างล้างจาน ทุกแก้วมีโกโก้ที่ชงแล้วอยู่ในนั้น ผมมองอย่างไม่เข้าใจ
พอชงเสร็จก็ถือมาให้เขาในห้อง สิงห์กุลีกุจอลุกขึ้นมารับแก้วไว้ ใช้ช้อนคนไปเป่าไปก่อนยกขึ้นชิม
“อื้ม นี่แหละ ต้องแบบนี้”
“อะไร แล้วแก้วในอ่างนั่นคืออะไร ใครมาชงโกโก้เล่น มันเปลืองนะสิงห์”
“คุณเฟยทำไม่อร่อยเลยให้ชงใหม่ เขาบอกว่าโซ่บอกให้ชง แต่สิงห์กินไม่ได้เลย”
“เวอร์ ทำอย่างกับไม่ค่อยได้กิน โกโก้ร้อนก็ของโปรดสิงห์ไม่ใช่หรือไง”
“ไม่ได้กินมาสามปีแล้ว”
ผมเม้มปากแน่น เราเผลอสบตากันแวบหนึ่งแล้วต่างฝ่ายต่างก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่ใช่แค่สิงห์หรอกที่ไม่ได้กินโกโก้ร้อนมาสามปี ผมเองก็ไม่เคยชงให้ใครมาสามปีแล้วเหมือนกัน
“แล้วคืนนี้สิงห์จะนอนที่ไหน โรงแรมใช่ไหม?”
“อ้อ ว่าจะถาม ทำไมโซ่ไม่ให้เอารถบ้านเข้ามา?”
“มันไม่จำเป็นไง สิงห์ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ โรงแรมตัวเองในเมืองก็มีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างมันเกะกะคนอื่น ไหนจะเด็ก ๆ ที่ต้องอยากรู้อยากเห็นอีก”
เขาวางแก้วลงบนโต๊ะ มือใหญ่ตบลงบนเตียงสองสามทีเป็นคำตอบ
“จะนอนนี่ บนเตียงนี้”
“แน่ใจนะว่านอนได้”
“ได้”
แล้วจะคอยดูว่านอนได้จริงไหม! คืนวันศุกร์แบบนี้ผมไม่ได้นอนคนเดียวหรอกนะ มีตัวแสบอีกสามคนมานอนด้วยเพราะพวกเขาจะมาเรียนพิเศษกับผมวันเสาร์และอาทิตย์ พ่อแม่ออกไปรับจ้างงานอื่นในช่วงเช้าเลยมาส่งไม่ได้ เขานอนกับผมมาเป็นปีแล้วล่ะ
หลังจากคุยกันเสร็จผมก็เอาเสื้อผ้าผมให้สิงห์เปลี่ยนแล้วเราก็เดินไปกินข้าวที่ศาลา คุณเฟยเตรียมโต๊ะอาหารไว้ให้ผมกับเขาแยกออกจากทุกคน อาหารบนโต๊ะมีข้าวต้มของสิงห์เพราะเขาท้องไม่ดีต้องกินอาหารอ่อน ๆ ก่อน
“เป็ดปักกิ่งของโปรดคุณโซ่ครับ แล้วก็สเต็กเนื้อริบอาย นายใหญ่กำชับว่าต้องปรุงสุกทั้งชิ้น คุณโซ่ไม่ทานดิบครับ”
“คุณเฟย อย่าพูดมาก...”
“บอกพี่ ๆ บอดี้การ์ดทุกคนเข้ามากินข้าวด้วยครับ ถึงเวลากินก็ต้องกิน”
สิงห์พยักหน้าทีหนึ่งให้คุณเฟย จากนั้นไม่นานทุกคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็ได้เข้ามาพักกินมื้อเย็น ผมหันไปมองทุกคนผ่อนคลายแล้วก็ต้องยิ้มออกมา ที่จริงพี่ ๆ พวกนี้ใจดีมาก เพียงแต่ตอนทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เจ้านายเขาจะเข้มงวด กระทั่งหน้ายังต้องขึงขังทำให้ดูดุดันน่ากลัว ดูตอนนี้สิครับ เขาก็นั่งกินข้าวไปคุยกันไปไม่ต่างจากคนอื่น
“โซ่ยังเหมือนเดิมเลยนะ”
“ยุ่งวุ่นวายกับบอดี้การ์ดของสิงห์เหมือนเดิมใช่ไหมล่ะ ช่วยไม่ได้นี่นา นั่งกินข้าวสบายใจขณะที่คนอื่นยืนเฝ้าหลังขดหลังแข็งไม่ลงจริง ๆ”
“เปล่า กินข้าวเลอะปากเหมือนเดิม”
ผมหันหน้ามาอีกทีนิ้วโป้งของสิงห์ก็รูดเช็ดริมฝีปากให้ผมแล้ว ทั้งผมและเขาตกใจกับการกระทำตัวเองกันทั้งคู่ เรานั่งมองหน้ากันตัวแข็งทื่อ มันทำอะไรไม่ถูกเลยครับ
เมื่อก่อนตอนที่เราอยู่ด้วยกันบ่อย ๆ ถ้าอยู่ในห้องส่วนตัวเขาจะแค่บอกผมว่ากินข้าวเลอะนะ เลอะตรงไหนก็ว่าไป หน้าที่ผมคือใช้ผ้าเช็ดปากตัวเอง แต่ถ้าไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันสิงห์จะเช็ดให้เพราะเขาบอกว่ามันดูสกปรก เขาอายคนอื่น พอคิดมาถึงตรงนี้ผมก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ระหว่างเรามันไม่มีอะไรหรอก มันแค่ดูสกปรกในสายตาเขาจนทนไม่ไหวน่ะ คนรักษาภาพลักษณ์อย่างเขาจะอายคนอื่นก็ไม่แปลกนี่
“ประทานโทษนะครับ ผมขออนุญาตถามเพื่อที่จะได้ปรนนิบัติคุณทั้งคู่ถูก คือคุณสองคนคบกันเหรอครับ?”
“ไม่ใช่!!”
คำถามของคุณเฟยทำให้ผมกับสิงห์ตอบปฏิเสธไปพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว จู่ ๆ ผมก็คอแห้งผากขึ้นมาเสียอย่างนั้น คิดว่าเขาก็คงจะเหมือนกัน ไม่งั้นไม่ดื่มน้ำเยอะขนาดนั้นในทีเดียวหรอก
เฮ้อ ผมรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้ เพิ่งรู้ว่าความเคยชินมันน่ากลัวขนาดนี้ ผมจำเรื่องของสิงห์ได้ สิงห์ก็จำเรื่องของผมได้ ต่างกันที่ตอนนี้เรากลายเป็นคนอื่นแล้ว ไม่ใช่เพื่อนที่ผมแอบรักเขาข้างเดียวอย่างเมื่อก่อน
แต่ผมก็ยังยืนยันนะ ว่าผมไม่มีวันสารภาพรักกับสิงห์อีกเป็นครั้งที่สี่ ลำพังสามครั้งที่ผ่านมาผมก็เจ็บปวดเต็มทีแล้ว โดยเฉพาะครั้งที่สาม ผมกลับมาอยู่ไทยด้วยสภาพไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่ตั้งนาน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ตอนนั้นทีไรก็เหมือนเครื่องเตือนใจให้ตัวเอง ว่าอย่าเผลอใจให้คนอย่างสิงห์อีก อย่าเด็ดขาด เขาไม่ใช่คนที่ผมควรเสียเวลาด้วยอีกแล้ว
End Talk’s