ตอนที่ 3

1595 Words
ขณะที่ผู้ใหญ่บนเรือนคุยหารือกันอย่างเคร่งเครียดนั้น เด็กน้อยซึ่งได้รับอนุญาตให้ลงมาเดินเล่นข้างล่างกลับรู้สึกเพลิดเพลินกับบรรยากาศของสวนร่มรื่นไม่น้อย อาณาบริเวณบ้านสวนรายล้อมด้วยต้นไม้นานาพรรณที่เจ้าของบ้านปลูกไว้ทั้งไม้ดอกและไม้ผล ศุภิสรามองไปรอบๆ ตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้บ้านของคุณไกรภพเองจะใหญ่โตแต่ก็ไม่ได้ปลูกต้นไม้ไว้มากมายเท่านี้ มือน้อยสาละวนเก็บลูกมะยมและมะม่วงที่ร่วงหล่นจากต้นเกลื่อนพื้นอย่างสนุกสนาน โดยไม่ทันได้สังเกตเห็นใครคนหนึ่งที่แอบมองมาจากบนที่สูงเงียบๆ  “เฟี้ยว!...” เสียงวัตถุบางอย่างแหวกอากาศเฉี่ยวศีรษะไปเส้นยาแดงผ่าแปด ทำเอาศุภิสราถึงกับผงะด้วยความตกใจ ยังไม่ทันได้รู้ว่าต้นตอของวัตถุดังกล่าวว่ามาจากไหน วัตถุชิ้นที่สองสามสี่ห้าก็ลอยตามมาติดๆ “โอ้ย!” เด็กหญิงร้องลั่นเมื่อกระสุนมะยมลูกหนึ่งลอยมาโดนแผลเก่าที่ศีรษะเข้าอย่างจัง “สมน้ำหน้ากะลาหัวเจาะ ฮ่าๆ” เสียงเย้ยเยาะลอยมาจากบนต้นมะยมนั้น ก่อนที่จะมีวัตถุบางอย่างตกลงมาที่พื้นดังตุ้บ วัตถุที่ปรากฏเบื้องหน้าคือ เด็กชายตัวสูงเก้งก้างที่หน้าตามอมแมมด้วยเศษไม้ใบหญ้า ดวงตาดำขลับวาววับเอาเรื่อง “ยัยเด็กหัวขโมย” เขาตะคอกใส่หน้าอย่างหยาบคาย “ไม่ได้ขโมยนะ ก็มะยมมันตกพื้นแล้ว ไม่ได้ไปเก็บจากต้นสักหน่อย” “ต่อให้อยู่บนต้น ใต้ต้น หรือว่าลอยในอากาศ ถ้าอยู่ในอาณาบริเวณของบ้านนี้ หากไม่ได้รับอนุญาตก่อน เธอก็ไม่มีสิทธิ์มาเก็บเอาตามใจชอบแบบนี้ได้ ไม่รู้หรือไงว่าทำอย่างนี้มันผิดกฎหมาย โทษฐานลักทรัพย์ ยอมความไม่ได้ด้วย” เด็กชายวางท่าข่ม “ที่นี่บ้านเธอเหรอ” “ก็ใช่น่ะสิ ฉันอยู่ที่นี่ ที่นี่ก็ต้องเป็นบ้านฉันอยู่แล้ว ถามมาได้ไง โง่จัง” “งั้นก็ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่รู้จริงๆ เอ้านี่ ของเธอ เอาคืนไป” เด็กหญิงกอบลูกมะยมคืนให้เจ้าของโดยดี “คืนง่ายๆ แบบนี้ได้ไง คนทำผิดต้องโดนลงโทษ” ประโยคนั้นกระทบใจคนฟังอย่างจัง “ก็เอาสิ จะเฆี่ยนจะตบตี ก็เอาเลย ฉันมันคนต่ำต้อยคนไม่ดี คนไร้ค่า เป็นหัวขโมย เอาสิ ตีๆ” ศุภิสราจับมือของอีกฝ่ายมาตีตัวเองอย่างบ้าคลั่ง “เฮ้ย... ยัยเด็กนี่ เป็นบ้าไปแล้วเหรอ ทำอะไรเนี่ย หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้ นี่แน่ะ...” สิ้นเสียงนั้นเด็กชายก็ผลักร่างบางจ้อยจนสุดแรงจนเสียหลักหงายหลังตกลงไปในสระน้ำด้านหลังทันที ”หายบ้ายังล่ะ ลงไปได้ก็ขึ้นมาเองแล้วกันนะ ฮ่าๆ” เด็กชายยืนเท้าสะเอวมองร่างเล็กดำผุดดำว่ายอย่างขบขัน  “ชะ...ช่วยด้วย ฉันว่ายน้ำไม่เป็น อุ๊บ!” เสียงอุทธรณ์นั้น ทำให้คนเตรียมเผ่นเข้าบ้านต้องรีบหันขวับ พอเห็นร่างน้อยหมดแรงจมดิ่งลงไปในน้ำต่อหน้าต่อตา “เวรล่ะสิ” เด็กชายตาเหลือก รีบกระโจนลงไปในน้ำทันที ร่างผอมเก้งก้างดำผุดดำว่ายพักใหญ่ทีเดียว ก่อนที่มือของเขาจะกวาดไปโดนร่างนุ่มนิ่มเข้า จึงรีบกระชากสิ่งนั้นขึ้นมาสุดแรงเกิด “เฮือก!” เด็กชายผุดร่างขึ้นเหนือน้ำ แขนล็อกคอคนตัวเล็กลากขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล พอขึ้นจากฝั่งได้คนช่วยก็วางร่างกระจ้อยร่อยบนพื้น พลางทิ้งร่างแผ่หราหอบแฮ่กๆ มองดวงหน้าที่ซีดเผือด เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล “เวรล่ะสิ ตายหรือเปล่าวะเนี่ย” “นี่เธออย่าเพิ่งตายนะ ฟื้นสิ ฟื้น” เขาตบแก้มของเด็กหญิงไปมาเพื่อเรียกสติ ก่อนอุ้มร่างบางพาดบ่าเขย่าให้สำลักน้ำออกมาเหมือนที่เคยเห็นผู้ใหญ่ทำยามมีคนตกน้ำ จนแล้วจนรอดก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นก็เริ่มใจเสีย พยายามตั้งสตินึกถึงภาพวิธีการช่วยชีวิตคนจมน้ำที่ตนเคยพบเห็นในละครหลังข่าวที่ย่าชอบดู “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน” เด็กชายสูดลมหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุด ก่อนก้มตัวลงไปจะผายปอด ทันใดนั้นเองเด็กหญิงก็พ่นน้ำพรวดใส่หน้าของเขาเสียก่อน ร่างสูงโย่งผงะ ดีที่หลับตาทันแต่ทว่าหลบน้ำไม่ทันอยู่ดี “หนอย พ่นน้ำใส่เต็มหน้าฉันเลยนะยัยตัวแสบ มันน่าปล่อยให้จมน้ำตายนัก ยี้...น้ำลายสกปรก” ถึงแม้ปากจะบ่น ทว่ายังมีแกใจช่วยประคองคนเจ็บขึ้นมา “แล้ว... มาช่วยเขาไว้ทำไม?” “อ้าว ไม่งั้นเธอก็ได้กลายเป็นผีเฝ้าสระน้ำบ้านฉันน่ะสิ” “อ๋อ ที่แท้ก็กลัวผีนี่เอง” “นี่เธอ! ว่าใครกลัว ผีอย่างเธอน่ะน่ากลัวตาย รู้งี้น่าจะปล่อยให้จะ...” “ขอบคุณนะ” คนกำลังตั้งท่าจะ ‘ใส่ยับ’ อ้าปากค้าง รู้สึกเขินๆ แต่สายตาซุกซนก็ไม่วายอดสำรวจอีกฝ่าย “โห นี่เธอลงไปฟัดกับไอ้เข้ในคลองมาเรอะ ทำไมมันเละตุ้มเป๊ะอย่างนี้ล่ะ เจ็บไหม” คนถูกซักส่ายหน้า “เก่งแฮะ เป็นยัยตรีได้แหกปากบ้านแตก เอาเหอะ เดี๋ยวกลับบ้านให้ย่าทายาให้ แป๊บเดียวก็หายละ แล้วนี่เดินเองไหวไหม” คนเจ็บพยักหน้า หากพยุงตัวลุกปุ้บก็พับลงไปปั้บ ทำเอาคนยืนสังเกตการณ์ส่ายหน้า พลางทรุดลงนั่งหันหลังให้ “เอ้า ถ้าไม่ไหวก็ขึ้นหลังมา จะพาไปส่ง” ฝ่ายนั้นเร่งอีก คนฟังบอกกับตัวเองในใจว่าไม่ได้เกรงคำขู่นั้นสักนิด หากอะไรบางอย่างในน้ำเสียงต่างหากทำให้คนเจ็บต้องตะกายเกาะหลังอีกฝ่ายที่กัดฟันบอก “เกาะดีๆ ล่ะยัยแมวขโมย เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน” ศุภิสราเบะปากหมั่นไส้ หากแขนเรียวก็โอบรอบคอของอีกฝ่ายแน่น “ต๊าย... นั่นแกไปคลุกขี้โคลนที่ไหนมาน่ะ ดู๊... ตัวเปียกมะล่อกมาเชียะ” คุณฝนทองเท้าสะเอวเอ็ดหลานชายคนเดียวเสียงเขียว เมื่อเห็นร่างเก้งก้างหัวหูเปียกซ่ก “อ้าว แล้วนั่นแบกใครมาด้วยน่ะ” คนมากวัยต้องหรี่ตามอง หากเมื่อเห็นชัดว่าหลานชายตัวดีหอบอะไรมาด้วยนางก็แทบลมจับ  “ว้าย... คุณพระช่วย” คุณฝนทองตบอกอุทานลั่น “โอย... ฉันจะเป็นลม ไปทำอะไรกันมาเนี่ย ดู๊...” “อย่าเพิ่งเป็นลมนะย่า ช่วยผมก่อนสิ” เด็กชายกัดฟันโวย เท่านั้นร่างอวบหนา หากคล่องแคล่วก็ปราดเข้ามาช่วยรับร่างบางจ้อยมาวางบนแคร่ไม้ พร้อมปากก็บงการใครต่อใครเสียงขรม ทำให้บุรุษทั้งสองที่นั่งบนชานเรือนต้องรีบชะโงกลงมามอง “เอะอะ อะไรกันครับคุณแม่ เจ้าโทก็อีกคน อ้าวแล้วนั่นเด็กที่ไหนกันน่ะ” “ยัยหนู!” คุณไกรภพร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นถนัดว่าต้นเหตุของความโกลาหลคืออะไรก็รีบวิ่งลงจากเรือนทันที “เจ็บตรงไหนบ้างลูก” “ไม่เจ็บแล้วค่ะ” เด็กหญิงฝืนตอบเสียงอ่อยเพื่อไม่ให้คนรอบข้างเป็นกังวล “เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงจริ๊งแม่คุณ ตัวแค่นี้ เจ็บแล้วเจ็บอีก” คุณฝนทองบ่นพลางสาละวนทายาให้อย่างเบามือ ไม่มีใครสังเกตเจ้าตัวต้นเหตุที่ค่อยๆ ย่องกริบ เตรียมเผ่น “แล้วนี่ไปเล่นซนท่าไหนถึงตกน้ำตกท่าแบบนี้ หา เจ้าโท อ้าว แล้วนั่นจะไปไหนอีก” เจ้าโท หรือนามกรเต็มๆ ว่า โทรินทร์ หนึ่งในเมมเบอร์ของบ้านวรรณยุกต์ สะดุ้งโหยง “ผมเปล่าทำนะ ย่า” “เอ้อ ก็ใครไปว่าเจ้าล่ะ เจ้าโท แล้วนั่นจะไปซนที่ไหนอีกล่ะ มานั่งนี่สิ” เจ้าตัวแสบพยายามไม่สนใจอาการกระอักกระไอของคนเจ็บที่ใครต่อใครกำลังประคบประหงมเอาใจกันยกใหญ่ ไม่บอกก็รู้ว่าเจ้าตัวจ้อยกลั้นหัวเราะขันใคร “พาน้องไปซนที่ไหน ทำไมถึงตัวเปียกซ่กมาแบบนี้ หา เจ้าโท” “เปล่านะพ่อ ผมไม่ได้พาเขาไปซน” คนถูกกล่าวหาปฏิเสธพัลวัน “แล้วทำไมเปียก” “ก็ เอ่อ...” ขืนบอกไปสิ ยัยตัวเล็กตกสระเกือบตายเพราะใคร นั่นได้ลิ้มรสหวายอาญาสิทธิ์ของผู้เป็นย่าเป็นแน่ โทรินทร์กำลังเข้าตาจน ทันใดนั้นเองเสียงระฆังก็ดังขึ้น “หนูผิดเองค่ะ” เด็กชายหันขวับมองคนรับผิดแทนอย่างงงงวย “มัวแต่เก็บมะยมเพลินไปหน่อย เลยพลัดลื่นตกน้ำ ดีที่พี่คนนี้ผ่านมาเห็นเข้า เลยช่วยขึ้นมา” จำเลยอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง อยู่ดีๆ จากผู้ร้ายกลายร่างเป็นพลเมืองดีมีความชอบซะงั้น “ขอบคุณนะคะ พี่... เอ่อ” “พี่โทรินทร์จ้ะ รู้จักกันไว้สิจ๊ะลูก หนูทราย” คุณฝนทองแนะนำ “รอดตัวไปทีนะเจ้าโท ทีหน้าทีหลังแกก็ซนให้มันน้อยๆ หน่อยสิยะ แหม ฉันล่ะอยากหัวใจวายวันละร้อยรอบ ไป๊ ไปเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนผ้าซะ เดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก อ้อ พาน้องไปด้วย ลองดูเสื้อผ้าแม่ตรีน่ะให้เปลี่ยนด้วย ดูสิหน้าซีดหมดแล้ว แม่คุณเอ๊ย น่าสงสารจริงจริ๊ง” แม้ไม่ค่อยชอบหน้า หากเมื่อมีความดีความชอบต่อกัน ก็ทำให้เด็กชายต้องยอมรับคำสั่งอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD