ตอนที่ 2

1701 Words
“ทำอะไรกันน่ะ!” เสียงตวาดกึกก้องราวกับเสียงระฆังช่วยชีวิตเด็กน้อย แก้วรีบปล่อยมือจากต้นแขนเล็กๆ ทำให้ร่างเด็กหญิงผู้น่าสงสารทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นทันที “หนูทราย” คุณไกรภพปราดเข้ามาประคองร่างเล็กนั้นอย่างเวทนา ขาที่ถูกฟาดจนแตกยับมีรอยเลือดไหลซิบๆ ทำให้เต้องขาสะเทือนใจ มือใหญ่ค่อยๆ ลูบไล้ไปที่ต้นแขนเล็กกำรอบที่มีรอยเล็บครบทั้งห้าจนห้อโลหิตด้วยความโมโห “หนูทรายทำอะไรผิดนักหนาถึงต้องมาเฆี่ยนตีรุนแรงอย่างนี้” คนถูกถามเม้มปากแน่น ดูเอาเถอะ สามีสุดที่รักเข้าข้างคนอื่นต่อหน้าต่อตา “คุณก็ถามมันเองสิคะ ว่ามาแกล้งหนูเฟื่องทำไม” “ไม่จริงค่ะ! หนูไม่ได้ทำ ถ้าไม่เชื่อ คุณลุงลองถามคุณเพชรดูก็ได้ค่ะ” คุณไกรภพจ้องลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นอย่างชั่งใจ “ใครไปตามตาเพชรมาซิ” “นี่คุณเชื่อยัยเด็กนี่มากกว่าฉันหรือไง” คุณพราวพิไลตัดพ้อ “ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ไปตามตาเพชรมานี่ เดี๋ยวนี้” เวลาผ่านไปไม่นานนัก ลูกชายคนเดียวของบ้านก็ก้าวเข้ามาในห้อง คุณพราวพิไลรีบดึงลูกชายเข้ามากอดด้วยความหวงแหน พลางส่งสายตาเคียดแค้นให้สามี “ไหนลองเล่าให้พ่อฟังซิว่าเกิดอะไรขึ้น หนูทรายแกล้งหนูเฟื่องอย่างที่คุณแม่บอกหรือเปล่า” พีรภัทรเงยหน้ามองผู้เป็นแม่ที่ทำปากขมุบขมิบบงการอย่างลำบากใจ หากถ้ายอมทำตามที่แม่ต้องการเด็กนั่นคงไม่แคล้วต้องถูกลงโทษอีกแน่ แม้จะไม่ชอบหน้านัก แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นความอยุติธรรมเช่นกัน "เปล่าครับ ไม่ได้แกล้ง น้องเฟื่องขาเป็นเหน็บเลยล้มไปเองครับ” คำตอบนั้นทำให้จำเลยตัวน้อยพ้นผิดโดยไม่มีข้อโต้แย้ง หากคุณพราวพิไลกลับไม่ยอมให้เรื่องจบลงง่ายๆ “ถึงยังไงคุณก็ต้องทำโทษเด็กนี่” “ก็หนูทรายไม่ผิด คุณก็ได้ฟังลูกพูดแล้วนี่” คนเป็นสามีโต้ “คุณขู่ลูก ลูกก็กลัวสิ ไม่รู้ล่ะ ถ้าคุณไม่จัดการเด็กนี่ให้หลาบจำล่ะก็ ฉันไม่ยอมจริงๆ ด้วย”  “เรื่องคราวนี้ให้แล้วกันไปเถอะ ผมหวังว่าคุณนิภาเองก็คงไม่ติดใจเอาความนะครับ” คุณไกรภพหันไปเอ่ยกับเพื่อนของภรรยา “นี่คุณเข้าข้างยัยเด็กนี่เหรอคะ คอยดูเหอะต่อไปมันคงแกล้งลูกเราหนักๆ อีก แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือนไม่ได้นะ” “หนูทรายไม่ใช่เด็กแบบนั้น มีเหตุผลหน่อยสิคุณพราว โตๆ กันแล้วนะ” คุณพราวพิไล เม้มปากแน่น ในใจไม่ยอมลงให้สามีแม้แต่น้อย “อ๋อ ใช่สิ ฉันมันคนไม่มีเหตุผล ใครจะไปแสนดีเหมือนแม่คนรักเก่าคุณล่ะ” “หยุดนะพราวพิไล! คุณพูดอะไรคิดถึงเด็กๆ ที่นั่งฟังอยู่บ้างเหอะ” “ดีสิ มันจะได้รู้ว่าแม่ของมันนิสัยเลวยังไง” “ศศิลดาไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” ชื่อที่หลุดจากปากประมุขของบ้านทำให้ศุภิสรานิ่งงัน “เกี่ยวทุกอย่าง ถ้าไม่เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น วันนี้คุณคงไม่ต้องไปเก็บเด็กนี่มาไว้ตำตาตำใจฉันอย่างนี้หรอก” “พอกันที ผมไม่อยากฟังคุณพูดอีก ไปกันเถอะหนูทราย อย่าไปฟังคนเพ้อเจ้อเลย” คุณไกรภพไม่ฟัง รีบจูงมือเด็กหญิงเดินหนีขึ้นรถออกไปทันที ทำเอาคุณพราวพิไลแทบกระอักออกมาด้วยความเจ็บใจ      ตั้งแต่ออกจากบ้านมา คุณไกรภพก็ไม่พูดไม่จาใดๆ สีหน้าเคร่งเครียด ทำให้คนถูกฉุดขึ้นรถต้องพลอยเงียบไปด้วย จนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดสนิทในอาณาเขตของบ้านสวนหลังหนึ่ง แววตาสีอ่อนสวยมองบรรยากาศรอบๆ ตัวอย่างสนอกสนใจ บ้านเรือนไทยหลังงามรายล้อมด้วยเรือกสวนเขียวครึ้มดูร่มรื่น “ยังเจ็บแผลอยู่หรือเปล่าลูก” จู่ๆ คุณไกรภพก็หันมาถาม สายตาอ่อนโยนมองดวงหน้ามอมแมมด้วยความเวทนา “ไม่ค่ะ หายเจ็บแล้ว” ศุภิสรารีบปดคำโต เพื่อให้คนถามสบายใจขึ้น “ที่นี่ที่ไหนคะ"  “บ้านเพื่อนของลุงเอง” ยังไม่ทันได้ความกระจ่างนัก คุณไกรภพก็ลงจากรถไปเสียก่อน ศุภิสราถอนหายใจเบาๆ ก่อนรีบเดินตามขึ้นบ้านไป โดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นสายตาของใครคนหนึ่งที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น รถคันหรูแปลกตาทำให้คนนั่งห้อยโหนอยู่บนกิ่งต้นมะม่วงต้องเหลียวไปมองอย่างสนใจ ร้อยวันพันปีไม่ค่อยมีใครไปมาหาสู่บ้านสวนอันเงียบสงบแห่งนี้ สงสัยวันนี้แขกผู้มาเยือนคงมีฐานะไม่หยอก ร่างผอมเก้งก้างรีบโจนทะยานลงจากกิ่งไม้อย่างชำนิชำนาญ...เห็นท่าคงต้องไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ สักหน่อยแล้ว! “นั่นเสียงใครน่ะ เจ้าโทเรอะ” เสียงร้องถามดังมาจากในบ้าน ทำให้ศุภิสราตกใจรีบหลบเข้าข้างหลังคุณไกรภพทันที “ผมเองครับคุณป้า” คุณป้า หรือ คุณฝนทอง วรรณยุกต์ ขยับแว่นมอง “อ้าว นั่นคุณไกรมิใช่รึ ลมอะไรพัดมาละจ๊ะ มาๆ ขึ้นบ้านก่อนลูก” หญิงสูงวัยยิ้มแย้มเชื้อเชิญเพื่อนกึ่งเจ้านายของลูกชายตน “คุณป้าสบายดีหรือครับ” “โอ้ย ก็สบายตามประสาคนแก่น่ะแหละพ่อคุณ” “แล้วนี่คุณเอกไปไหนล่ะครับ” “พ่อเอกไม่อยู่หรอกจ้า พาแม่ลูกสาวเขาไปเรียนดนตรีอะไรนู่นแน่ะ เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะจ้ะ อ้าว แล้วนั่นเด็กที่ไหนกัน” “หนูทรายไหว้คุณยายสิลูก” “หนูทราย” คุณฝนทองทวนคำ พลางหรี่ตามองร่างเล็กๆ ที่เยี่ยมหน้าออกมาจากด้านหลังเพื่อนของลูกชายอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากเมื่อได้เห็นหน้าเด็กหญิงชัดๆ หญิงสูงวัยก็ถึงกับตบอก อุทานลั่น “คุณพระช่วย... แม่ลดา!” “นี่ ‘หนูทราย’ ครับคุณป้า” “คล้าย... คล้ายกันเหลือเกิน นี่ถ้าคุณไกรไม่บอกว่าเป็นใคร ป้าคงคิดว่าเป็นฝาแฝดแม่ลดาเป็นแน่ ยิ่งพูดก็ยิ่งคิดถึงตั้งแต่หนีออกจากบ้านไปคราวนั้นก็ไม่ได้เห็นหน้าอีก ไหนเข้าใกล้ๆ ยายหน่อยซิลูก ขอกอดให้ชื่นใจสักนิดเถอะนะแม่คุณ” ศุภิสราหันไปมองคุณไกรภพที่ยิ้มและพยักหน้าให้น้อยๆ ก่อนคลานเข่าเข้าไปใกล้ หญิงมากวัยมองหนูน้อยด้วยแววตาเอ็นดู ดวงหน้าหวานลออละม้ายคนที่ตนเคยดูแลมาในอดีตยิ่งทำให้เธอนึกถูกชะตา “แล้วนี่ไปไงมาไงกันล่ะ ทำไมจู่ๆ ถึงมาหาโดยไม่บอกล่วงหน้าก่อน มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคุณไกร” “นิดหน่อยครับคุณป้า” คุณไกรภพอึกอัก “หนูทรายลงไปเดินเล่นข้างล่างก่อนนะลูก แต่อย่าเดินไปไกลนักล่ะ” แม้จะอยากรู้เรื่องด้วย หากเด็กหญิงก็หักใจรับคำ รีบเดินออกไป การสนทนาจึงเริ่มขึ้น “คุณพราวล่ะสิ” คุณฝนทองพอเดาได้ “ครับ มีเรื่องที่บ้านนิดหน่อย คุณพราวเธอไม่ค่อย เอ่อ...ชอบยัยหนู” “แหม มันก็น่าอยู่หรอก หน้าราวกับโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกัน ใครเห็นก็ต้องคิดบ้างล่ะ แล้วรอยแผลที่หัวที่ขานั่นก็คงฝีมือคุณพราวเหมือนกันสินะ” “ครับ ถูกคุณพราวทำโทษ กว่าผมจะกลับไปถึงก็สะบักสะบอมอย่างที่เห็น” “โถ แม่คุณ ตัวเล็กนิดเดียวทนไหวได้ยังไงกัน” คุณไกรภพก้มหน้าด้วยความหนักใจ “เอาเถอะ ถ้าหนักข้อเข้าจะเอาแม่หนูมาฝากที่นี่บ้างก็ได้ ยัยตรีมันคงถูกใจหรอก แต่ถ้าเป็นตาโทก็อีกเรื่อง ขานั้นน่ะซนเป็นลิงเป็นค่าง นี่ก็ไม่รู้หายหัวไปไหน พ่อเขารึอุตส่าห์จะพาไปเรียนดนตรีมันก็หาเรื่องหลบเรียนซะนี่ เฮ้อ... ปวดหัว” คนมากวัยบ่นถึงหลานชายตัวดีอย่างปลงๆ “เด็กผู้ชายก็เป็นอย่างนี้แหละครับคุณป้า จะให้เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้คงไม่ได้หรอก” “แล้วพ่อเพชรล่ะจ๊ะ เป็นยังไงบ้าง” “ก็นี่แหละครับที่ผมห่วงๆ อยู่ คุณพราวเธอตามใจลูกมาก จนผมเกรงว่าต่อไปตาเพชรคงเสียคนเข้าสักวัน” “โอ้ย... อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยคุณ อนาคตมันก็ยังอีกไกล ถ้าลูกเป็นเพชรแท้น่ะยังไงมันก็ต้องเป็นเพชรแท้วันยังค่ำ ต่อให้ตกบ่อโคลน มันก็ยังคงส่องประกายออกมาได้อยู่ดีนั่นแหละ” “ผมเองก็หวังให้เป็นอย่างนั้นล่ะครับ ตาเพชรน่ะผมยังไม่ค่อยห่วงมากเท่าไหร่เพราะยังไงก็มีแม่ แต่หนูทรายนี่สิครับไม่มีใครเลยนอกจากผม นี่ถ้าเกิดผมเป็นอะไรขึ้นมาล่ะก็คงลำบากแน่” “ไฮ้...พูดอะไรอย่างนั้น” คุณฝนทองอุทาน “คุณยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ จะเป็นอะไรไปง่ายๆ ได้ยังไง” “โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนนี่ครับ คนเราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ แต่ถึงยังไงผมก็คงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นหลักประกันให้เด็กๆ เผื่อวันข้างหน้าที่ผมไม่ได้อยู่ดูแลพวกแกแล้ว ทั้งตาเพชรแล้วก็หนูทรายจะได้ไม่ต้องลำบาก” “ดูพูดเข้า ไม่เอาล่ะป้าไม่อยากฟังแล้ว อ้าว นั่นพ่อเอกมาพอดี” “สวัสดีครับคุณไกร มานานแล้วหรือครับ” พ่อเอก หรือ พงศ์เอก วรรณยุกต์ ยิ้มแย้มทักทายผู้มาเยือนอย่างมีอัธยาศัย “ผมมาได้ครู่ใหญ่แล้วครับ นั่งคุยกับคุณป้าเพลินๆ” “เอาล่ะๆ งั้นคุยกันไปก่อนนะ แม่จะไปดูเด็กๆ เตรียมอาหารสักหน่อย วันนี้อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะคะคุณไกร” คุณไกรภพตอบรับไมตรีจิตของหญิงสูงวัยด้วยรอยยิ้ม เมื่อคล้อยหลังคุณฝนทอง การสนทนาจริงจังก็เริ่มขึ้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD