Episode 06 เงื่อนไข

3593 Words
ตื๊ดดด “มาแล้วครับ” “เข้ามา” เสียงสนทนากันผ่านอินเตอร์คอมทางหน้าห้องดึงความสนใจจากฉันให้เงยหน้าขึ้นไปมอง ก่อนจะพบว่าคิราวะผลักประตูห้องห้องหนึ่งเข้าไปด้านใน ในขณะที่ตัวเขายังยืนอยู่ด้านนอก ไม่ต้องมีคำสั่งใดๆ หลุดออกมาจากคนตรงหน้า ฉันก็รู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อ แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นสองเท้าของฉันก็ยังตายสนิท ยืนอยู่ที่เดิมนิ่งๆ ไม่กล้าขยับหรือแม้กระทั่งหายใจแรง ตึก! แค่เพียงได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำลงกับพื้นอีกก้าวเดียวก็ทำเอาฉันสะดุ้งเฮือก มือหนายกขึ้นค้างกลางอากาศเมื่อฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตากับคิราวะอีกครั้ง และถ้าช้ากว่านี้ฉันอาจถูกเขาจับเหวี่ยงเข้าไป ฟึ่บ! สุดท้ายฉันก็ต้องก้าวเท้ามาอย่างไม่มีทางเลือก และเมื่อฉันก้าวพ้นประตูห้องเข้ามา ประตูทางด้านหลังก็ถูกปิดลงทันที อุณหภูมิภายในห้องเย็นเฉียบจนฉันขนลุก บรรยากาศด้านในเงียบสนิทคล้ายกับไม่มีคนอยู่ ทั้งที่ความจริงแล้วเจ้าของห้องห้องนี้กำลังนั่งมองฉันอยู่ที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่หลังโต๊ะทำงาน ฉันค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าผู้ชายซึ่งจ้องมองฉันด้วยสายตาที่กำลังจะสาปให้ฉันกลายเป็นหินไปอยู่รอมร่อ “อีกสองก้าว” คำสั่งเพียงสั้นๆ ทำให้ฉันก้าวเท้าออกไปอีกสองก้าวโดยอัตโนมัติ มันเหมือนกับน้ำเสียงนั่นแฝงไว้ด้วยอำนาจที่ถึงแม้เขาจะไม่ได้เน้นย้ำหรือระบุชัดเจนว่ามันหมายถึงอะไร ฉันก็ควรจะรีบเข้าใจมันได้เองโดยไม่ต้องให้เขาพูดซ้ำ “จากใบเสนอราคา ระบุว่าเธอ...บริสุทธิ์” อึก! ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอยากลำบากเมื่อคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะอ้อมค้อมเลยสักนิด “ตอบคำถาม” “อะ...อืม” “ใช่ หรือไม่ใช่” “ชะ...ใช่” ฉันยังคงตอบตะกุกตะกักเหมือนเดิม ซึ่งสีหน้าของคนถามเองก็ยังเรียบเฉยเหมือนเดิมเช่นกัน “มีทางเลือกสองทาง จะอยู่รอจนถึงวันศุกร์สิ้นเดือนเพื่อรอการถูกประมูล หรือ...ยอมเป็นสินค้าของฉัน” คำถามบีบหัวใจของฉันทำให้ม่านน้ำตารื้นขึ้นมาบดบังความชัดเจนของภาพเบื้องหน้าฉันไปในทันที ความเงียบเข้าปกคลุมรอบกาย สิ่งที่ได้ยินชัดยังมีเพียงเสียงลมหายใจของตัวเองที่ดังเข้าออกซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง “ตอบ” คำเดียวเพียงสั้นๆ ตอกย้ำถึงทางเลือกที่บังคับให้ฉันต้องเลือกเพียงตัวเลือกที่เขาเสนอให้ทำให้ฉันกัดฟันกรอด สองมือกำแน่นอยู่ที่ข้างลำตัวจนรู้สึกตึงไปทั้งแขน และเมื่อยังไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกจากปากของฉัน คนตรงหน้าก็ใช้แววตาดุดันของเขาจ้องลึกเข้ามายังนัยน์ตาของฉันราวกับกำลังค้นหาคำตอบจากฉันผ่านสายตาคู่นั้น ซึ่งไม่ว่าฉันจะอยากหันหน้าหนีไปทางอื่นมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้เลย เมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทของโอยามะสะกดให้ฉันยืนนิ่งและตกอยู่ภายใต้คำสั่งของเขาโดยที่ฉันเองก็ไม่ทันได้รู้ตัว “อยากเป็นสินค้าของคนอื่น หรืออยากเป็นสินค้าของฉัน” “ฉันไม่อยาก...” “เลือกเท่าที่ให้เลือก” แม้คนพูดจะพูดเนิบๆ ไม่ได้มีท่าทีเร่งรัดเอาคำตอบ แต่กลับทำให้คนฟังอย่างฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบทีละนิดๆ “ถ้าไม่เลือก ฉันจะเป็นคนเลือกให้” “ก็แล้วนายไม่ได้เลือกให้ฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้วรึไง” ฉันโพล่งถามออกไปทั้งที่เสียงสั่น ถามจบก็ก้มหน้าลงอย่างไม่กล้าสบสายตา “ตอบเท่าที่ถาม” ฉันไม่ควรเถียงเขาสินะ “แล้วแต่นาย” ฉันตอบส่งๆ ก่อนจะลอบกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ “คิราวะ เข้ามาหน่อย” สองตาของฉันเบิกโพลงแล้วรีบมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไรกับฉันกันแน่ เพราะดูเหมือนว่าการที่เขาเรียกคนของเขาเข้ามานั้นไม่น่าจะใช่เรื่องดีกับฉันเท่าไหร่ “ครับ คุณโอยามะ” “พาออกไป ช่วงบ่ายให้คนเข้ามาตีตราสินค้าแล้วทำโปรไฟล์พร้อมกับตั้งราคา ระบุเป็นสินค้าประเภท SM กลุ่มลูกค้าที่จะเข้าร่วมประมูลเป็นระดับแพลตตินั่ม อย่าลืมว่าเวอร์จิ้น เพราะฉะนั้นตั้งราคาให้สูงกว่าเรตปกติสักสองเท่าด้วย” “ครับ” คำสั่งยาวเหยียดได้รับการตอบสนองเป็นคำตอบรับเพียงคำเดียวสั้นๆ ก่อนที่คนของโอยามะจะเดินตรงเข้ามาหาฉันพร้อมกับคว้าหมับที่ต้นแขน ถึงแม้แรงบีบจะไม่มากแต่กลับทำให้ฉันสะดุ้งจนตัวโยนพร้อมกับรีบหันไปมองหน้าเจ้าของคำสั่งเมื่อครู่ตาปริบๆ คำว่า SM ที่ได้ยินทำให้ฉันขนหัวลุก ร่างกายเย็นวาบ และชาดิกไปในทันที “ไป” “เดี๋ยวๆ ฉะ...ฉัน...” ฉันควรจะพูดอะไรออกไปดีล่ะ ควรเปลี่ยนคำตอบหรือควรบอกให้เขาเปลี่ยนคำสั่ง แต่ฉันจะกล้าบอกให้เขาเปลี่ยนคำสั่งได้ยังไงกัน ทุกอย่างเหมือนผ่านไปเร็วมาก รู้ตัวอีกทีฉันก็ถูกคิราวะลากออกมาจนเกือบจะถึงประตูห้องอยู่แล้ว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อรู้ตัวว่าเวลาในการตัดสินใจของฉันเหลือไม่มากแล้ว “ฉันเลือกเป็นสินค้าของนาย” ฉันตัดสินใจตะโกนออกไปเมื่อประตูห้องเกือบจะถูกปิดลง แต่พูดจนจบแล้วคิราวะก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน “โอยามะ! ฉันยอมเป็นสินค้าของนาย!” ฟุ่บ! ในที่สุดฉันก็ดิ้นจนหลุดจากมือของคิราวะ แต่สองขากลับทรุดลงกับพื้น ไม่กล้าแม้แต่จะเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องด้วยซ้ำ ตราบใดที่เจ้าของห้องยังไม่อนุญาต “ฉันยอมเป็นของนาย” เสียงของฉันสั่นและเบาลงเมื่อสายตาของโอยามะยังจ้องฉันอยู่อย่างเฉยเมย ดวงตาคู่นั้นว่างเปล่า ไร้ความรู้สึก แต่กลับทำให้คนถูกจ้องอย่างฉันสะท้านในอก “นายออกไปก่อน” คำสั่งที่หลุดออกมาจากริมฝีปากของโอยามะแทบทำให้ฉันล้มลงไปนอนกับพื้น ทำไมคำพูดเพียงแค่ไม่กี่คำของเขาถึงได้ทำให้ฉันรู้สึกกดดันได้มากขนาดนี้นะ หลังจากที่คิราวะเดินออกไปตามคำสั่งของโอยามะอีกครั้ง ประตูห้องที่เปิดค้างเอาไว้เมื่อครู่ก็ถูกปิดลง บรรยากาศด้านในกลับเข้าสู่สภาวะเดิมนั่นคือเงียบจนฉันแทบหายใจไม่ออก “ลุกขึ้น แล้วกลับมายืนในที่ของเธอ” ที่ของฉัน คือตรงหน้าเขาสินะ ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินกลับเข้าไปหาโอยามะตามคำสั่ง โดยพยายามจะทิ้งระยะห่างระหว่างโต๊ะทำงานของเขาให้เท่าเดิม แต่หัวใจกลับเต้นแรงมากจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมาจากอก “มีเงื่อนไขอยู่สามข้อที่เธอต้องยอมรับก่อนที่จะเป็นสินค้าของฉัน ถ้าข้อไหนทำไม่ได้ ให้บอก” โอยามะพูดต่อไปเรื่อยๆ ด้วยโทนเสียงแบบโมโนโทน ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขาในตอนนี้ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ จนฉันไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขากำลังรู้สึกหรือคิดอะไรอยู่กันแน่ “เข้าใจที่พูดรึเปล่า” “เข้าใจ แต่มีเรื่องจะถาม” “ว่ามาสิ” “ถ้าฉันทำตามเงื่อนไของนายได้ไม่ครบทั้งสามข้อ นายก็จะส่งฉันกลับไปเป็นสินค้าตามเดิมใช่รึเปล่า” “ใช่” โอยามะตอบกลับมาแทบจะทันที ทำเอาฉันนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “มีอะไรจะถามอีกรึเปล่า” โอยามะย้อนถามบ้าง ซึ่งฉันก็ได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธออกไปอย่างไม่มีทางเลือก แล้วอยู่ๆ คนที่นั่งมองฉันนิ่งๆ มาตั้งแต่ต้นก็ผุดลุกขึ้นยืน สติของฉันแทบกระเจิงเมื่อเห็นว่าโอยามะยืดลำตัวขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะเดินออกมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะทำงานของเขาแล้วนั่งลงบนโต๊ะ ระยะห่างระหว่างเราเหลือเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ก้าวเดียวที่ทำให้ความคิดของฉันเตลิดเปิดเปิงไปถึงไหนต่อไหน “ข้อแรก ถ้าฉันต้องการ คือห้ามปฏิเสธ” อึก! เสียงกลืนน้ำลายของฉันดังจนน่าอาย เงื่อนไขข้อแรกของโอยามะทำให้ฉันเม้มริมฝีปากแน่นจนมันสั่นและรู้สึกเจ็บไปหมด “ทำได้รึเปล่า” ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธหรือยังไงล่ะ แล้วมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้หรือเปล่า “ฉันไม่เข้าใจ ห้ามปฏิเสธในกรณีนี้ หมายถึง...” “ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่” แค่เงื่อนไขข้อแรกยังตัดสินใจยากขนาดนี้ ฉันล่ะกลัวจริงๆ ว่าฉันจะไม่กล้าตอบตกลง ทั้งที่อีกใจก็กลัวเขาจับส่งไปเป็นสินค้าประมูลเหมือนเดิมใจจะขาด “อืม” “ทำได้หรือไม่ได้” “ดะ...ได้” ตอนนี้การเอาตัวรอดน่าจะสำคัญและควรทำมากที่สุดสินะ “ข้อสอง ต้องซื่อสัตย์ ระหว่างที่เธอยังเป็นสินค้าของฉัน ห้ามเธอมีความสัมพันธ์กับคนอื่น...เด็ดขาด จนกว่าฉันจะเป็นฝ่ายยกเลิกเงื่อนไข” “นายจะเป็นฝ่ายยกเลิกเงื่อนไข หมายความว่ายังไง” “หมายความว่าหลังจากที่เธอตกลงจะเป็นสินค้าของฉัน โดยการยอมรับเงื่อนไขทั้งสามข้อของฉันได้แล้ว ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ยกเลิกเงื่อนไขทั้งหมดระหว่างเธอกับฉัน เธอไม่มีสิทธิ์” ยิ่งฟังฉันก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความร้ายกาจของผู้ชายตรงหน้า เดาว่าถ้าฉันยอมรับเงื่อนไขของเขาครบทั้งสามข้อ ฉันคงมีสภาพไม่ต่างจากหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิต “แล้วถ้านายเป็นคนยกเลิกเงื่อนไข มันหมายความว่ายังไง” ฉันลองเสี่ยงถามออกไปอีกรอบ และคำถามของฉันก็ทำให้โอยามะยกมือขึ้นมากอดอก ก่อนจะใช้สายตาของเขาจ้องมองฉันตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า “หมายความว่าฉันมีสิทธิ์ที่จะให้อิสระกับเธอ หรือขายเธอต่อให้คนอื่นก็ได้” โหดร้ายที่สุด! ฉันกัดฟันกรอดเมื่อได้ยินคำตอบที่โอยามะพูดออกมาอย่างไม่ละอาย แต่สำหรับฉันมันเป็นการเอาเปรียบกันอย่างชัดเจน เพราะนั่นหมายถึงต่อให้ฉันจะยอมเป็นสินค้าของเขา แต่หลังจากที่เขายกเลิกเงื่อนไขนั้นแล้ว เขาก็ยังสามารถขายฉันได้อยู่ดี “ได้ หรือไม่ได้” “ดะ...ได้” ฉันตอบตะกุกตะกัก เมื่อครู่มีแวบหนึ่งที่ฉันแอบคิดว่าบางทีฉันก็น่าจะลองเสี่ยงยอมให้ตัวเองเป็นสินค้าในการประมูลดู แต่ไม่ว่าจะพยายามหลอกตัวเองยังไง ฉันก็ยังไม่กล้าจะปฏิเสธเงื่อนไขของเขาสักที “ข้อสาม ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของ ไม่ว่าเธอจะคิดหรือรู้สึกอะไร ถ้าเธออยู่ในฐานะสินค้าของฉัน เธอสามารถแสดงออกได้ทั้งหมด ยกเว้นสองข้อที่ห้ามทำคือหึงหวงและแสดงความเป็นเจ้าของ” โอยามะอธิบาย และคำอธิบายของเขาก็กำลังทำให้ฉันหน้าชา “ได้ หรือไม่ได้” “ฉันขอถามได้มั้ย” “ว่ามา” “ฉันควรหรือไม่ควรรู้สึกอะไรกับนาย” ฉันถามออกไปเมื่อนึกทบทวนถึงสิ่งที่โอยามะเพิ่งพูดจบ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าต้องรู้สึกอะไรกับเขา ฉันถึงได้อยากแสดงความเป็นเจ้าของ “เชื่อฟังคำสั่งฉัน นั่นคือสิ่งที่ควรทำ” “แล้วอะไรที่ไม่ควร” “รักฉัน” โอยามะตอบเสียงเรียบ “เฮอะ!” “ไม่ได้ห้าม แต่ไม่ควร” โอยามะพูดพลางช้อนตามอง “เอาอะไรคิดว่าฉันจะรักผู้ชายที่เกือบจะฆ่าฉัน แถมยังพยายามจะจับฉันไปขาย” ฉันย้อนถามออกไปตรงๆ อย่างนึกระบายอาการอึดอัดในอก แต่สุดท้ายพอถามจบ ฉันกลับกลายเป็นฝ่ายต้องเงียบลงเมื่อโอยามะมองมาด้วยแววตานิ่งๆ “มานี่” “ฉะ ฉัน...” “เงื่อนไขแรกคืออะไร” “ฉะ...ฉัน ฉัน...” “ถ้าฉันต้องการ คือห้ามปฏิเสธ” โอยามะย้ำนิ่งๆ และแววตาที่เขามองมาก็นิ่งมากไม่ต่างกัน “ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่” เงื่อนไขข้อแรกยังคงชัดเจนเมื่อโอยามะย้ำมันออกมาอีกรอบ พูดจบเขาก็นั่งนิ่ง ใช้สายตาคู่นั้นจ้องมองฉันราวกับกำลังคาดเดาความคิดของฉันอยู่ ฉันเม้มริมฝีปากแน่นเพราะรู้สึกเกร็งและกลัวไปหมด ถึงจะยังไม่ได้ตกลงครบเงื่อนไขทั้งสามข้อแต่ยังไงซะฉันก็ต้องตกลงอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องก้าวเท้าเข้ามาหาเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ใกล้อีก” “คะ...คือ...” ฟุ่บ! สองตาของฉันเบิกโพลงเมื่อถูกโอยามะเอื้อมมือมาคว้ารอบเอวของฉันเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้ฉันขยับเข้ามาใกล้ชิดแบบที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันยกมือทั้งสองข้างของตัวเองขึ้นมาดันแผ่นอกกว้างของโอยามะเอาไว้ด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เราอยู่ใกล้กันขนาดที่ฉันรู้สึกอุ่นเพราะลมหายใจของเขาที่เป่ากระทบอยู่บนใบหน้า และดวงตาดุๆ คู่นั้นก็กำลังจ้องมองมาในระยะประชิด ฟึ่บ! จากที่ใกล้อยู่แล้วก็ยิ่งใกล้เข้าไปอีกเมื่อโอยามะออกแรงพยายามจะกระชับอ้อมแขนของเขาที่โอบอยู่รอบเอวของฉันให้แน่นขึ้น พร้อมกับโน้มใบหน้าของเขาลงมาใกล้ ทั้งที่ฉันพยายามเหยียดแขนทั้งสองที่ยังคงดันแผ่นอกกว้างๆ ของเขาอยู่ให้ตึงเอาไว้ วงแขนที่โอบกระชับอยู่รอบเอวเริ่มแน่นมากขึ้นทุกทีๆ จนแขนสองข้างของฉันต้านต่อไปไม่ไหว สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงแค่ฝ่ามือที่วางแหมะทาบอยู่ที่แผ่นอกของเขาไปอย่างง่ายดาย แต่ความใกล้ชิดที่มาแบบรวดเร็วไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อโอยามะยังปั่นหัวฉันด้วยการลูบฝ่ามือหนาๆ ของเขาไปบนร่างกายของฉัน จากเมื่อครู่ที่มือทั้งสองข้างของเขาจับอยู่ที่เอวของฉัน แต่ตอนนี้มือหนึ่งกำลังลูบวนอยู่บนแผ่นหลัง ในขณะที่มืออีกข้างลูบลงไปที่สะโพก ฉันเม้มริมฝีปากแน่นมากเท่าที่คิดว่าจะทำได้ หัวใจเต้นตึกๆ อย่างปกปิดความตื่นกลัวไม่มิด ซึ่งถึงแม้ฉันจะรู้ว่าคนตรงหน้าดูออก แต่ฉันกลับมั่นใจว่าเขาไม่เคยคิดจะแยแสความรู้สึกของฉัน “หยะ...” คำต้องห้ามที่ฉันพูดไม่ทันจบเงียบลงไปเมื่อฉันไม่กล้าพูดต่อ เพียงเพราะเห็นว่าเรียวคิ้วสีดำหนาๆ เลิกสูงขึ้นเล็กน้อยเหมือนจะประหลาดใจและกำลังเตือนสติฉันว่าฉันไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ...ทุกครั้ง ทุกเวลา ทุกสถานที่ “แค่จะบอกว่าฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งของนาย แล้วก็...ไม่รักนายเด็ดขาด” แม้จะเป็นการพูดเพื่อปฏิเสธว่าจะไม่รัก แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงพูดยากเหลือเกินในเวลาที่ดวงตาคู่นั้นจ้องมองมาเนิ่นนานแบบนี้ “ฉันจะทำต่อได้รึยัง” คำถามห้วนๆ ชวนให้ใจสั่นหนักกว่าเดิม เดิมทีฉันคิดว่าเขาอาจต้องการแค่ขู่ให้ฉันกลัว แต่จากสัมผัสร้อนๆ ที่ลูบวนอยู่บนสะโพกของฉันมาได้สักพักแล้วฉันก็พอจะรู้ว่าเขาคงไม่แค่ขู่ “อืม” ฉันตอบแบบไม่เต็มเสียงนักก่อนจะค่อยๆ หลับตาลง แต่เหมือนโดนเร่งให้ต้องหลับตาปี๋เมื่อสะโพกที่เขาลูบไล้อยู่เมื่อครู่ถูกขยำหนักๆ จนน่าตกใจ หัวใจเต้นแรงยิ่งขึ้นราวกับถูกกดปุ่มเร่งระดับการเคลื่อนไหว และคนที่กดมันก็คือคนที่ยังไม่หยุดสัมผัสร่างกายของฉันนี่ยังไงล่ะ “ลืมตา” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันต้องทำตามคำสั่ง และทันทีที่ฉันได้สบประสานนัยน์ตาของโอยามะอีกครั้ง ก็พบว่าระยะห่างระหว่างใบหน้าของเราเหลือเพียงไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่มันจะหมดลงเมื่อโอยามะยกมือขึ้นมารั้งท้ายทอยของฉันแล้วทาบประกบริมฝีปากลงมาทันที สัมผัสที่รวดเร็วชวนให้รู้สึกปั่นป่วนในอก ก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่กลางอกยังคงเต้นแรงอย่างต่อเนื่อง ริมฝีปากอุ่นร้อนขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากของฉันอย่างหนักหน่วงและหื่นกระหาย เช่นเดียวกับมืออีกข้างที่ยังคงบีบและเคล้นสะโพกของฉันแรงๆ อย่างมันมือ “อื้อออ” ฉันพยายามเปล่งเสียงประท้วงออกไปในลำคอ อยากผลักไสเขาออกไปแต่เรี่ยวแรงกลับแทบไม่เหลือ ก่อนจะต้องลืมตาขึ้นมาพบกับความจริงที่น่ากลัวผ่านทางสายตาคู่นั้นอีกครั้งเมื่อเขาพยายามแทรกปลายลิ้นเข้ามาอย่างชำนาญ ร่างกายของฉันไม่ใช่ของฉันอีกต่อไปเมื่อมันกำลังเชื่อฟังคำสั่งจากร่างกายของใครอีกคนมากกว่า! โอยามะแทรกปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน เขาใช้มันกวาดต้อนและดุนดันทุกอย่างอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือของเขาก็ยังทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมจนฉันรู้สึกแข้งขาอ่อนปวกเปียกเพราะเกินจะต้าน “หึ!” เสียงแค่นหัวเราะในลำคอของโอยามะทำให้ฉันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว เขาละริมฝีปากออกแล้วแต่ยังไม่ได้ถอยหรือผละตัวออกไป ไม่แม้แต่จะปล่อยให้ฉันได้ถอยห่าง และฉันก็ยังไม่มีแรงพอจะทำเองด้วยซ้ำ สภาพตอนนี้น่าอายที่สุดเพราะฉันกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแรงอยู่ในอ้อมกอดของเขาไม่มีผิด “จำที่พูดไว้ให้ดีก็แล้วกัน” “ฉัน...” “การตอบสนองของเธอมันบอกแล้วว่าเธอตกลงกับเงื่อนไขทั้งสามข้อ เพราะงั้นก็ไม่ต้องพูดอีก” โอยามะพูดแทรกราวกับไม่อยากจะได้ยินเสียงหรือคำถามของฉันอีกแล้ว ฉันจึงต้องเม้มริมฝีปากแน่นแล้วสะกดกลั้นทุกอย่างเอาไว้ในอก ฟุ่บ! หัวใจยังไม่ทันจะเต้นเป็นปกติ โอยามะก็เร่งจังหวะการเต้นของมันด้วยการช้อนตัวฉันขึ้นจากพื้น ซึ่งปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายฉันที่ตอบสนองการกระทำของเขาในตอนนี้ก็คือการยกแขนขึ้นไปคล้องคอเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าจะตกลงไป “คราวหน้าถ้าขัดคำสั่งฉัน ขาเธอจะไม่ได้อ่อนแรงเพราะแค่จูบ” คำพูดชวนให้ใจหวิวทำให้ฉันก้มหน้างุดซบลงกับแผงอกกว้างอย่างไม่มีทางเลือกเมื่อเข้าใจถึงความหมายของสิ่งที่เขาพูด แต่ก็ยังอดสงสัยไม่ได้ “แต่ฉันยังไม่ได้ขัดคำสั่งอะไรของนายเลยนะ” “ฉันจำได้ว่าสั่งให้คิราวะเตรียมเสื้อผ้าไปให้เธอเปลี่ยนก่อนพามาหาฉัน” “เอ่อ...” สรุปว่านั่นคือคำสั่งแรกที่ฉันไม่ได้ทำตามสินะ “นับจากนี้เธอจะอยู่ในความดูแลของฉันจนกว่าฉันจะเป็นฝ่ายบอกยกเลิกเงื่อนไข” “อืม ฉะ...ฉันเข้าใจแล้ว” ฉันตอบเบาๆ ก่อนจะเงียบลงอีกครั้ง วินาทีนี้ฉันแยกไม่ออกว่าหัวใจของฉันกำลังว้าวุ่นหรือสงบลงเมื่อได้อยู่อิงแอบแนบชิดกับความมั่นคงและแข็งแรงของโอยามะ บอกตรงๆ ว่าตอนนี้ฉันไม่มีเรี่ยวแรงจะสู้กับอะไรอีกแล้วทั้งนั้น “ห้ามโกหกหรือทรยศฉัน สงสัยอะไรให้ถาม หรือถ้าฉันเป็นคนถาม หน้าที่เธอก็คือตอบ” โอยามะเน้นย้ำเสียงเรียบทั้งที่เขายังคงอุ้มฉันเอาไว้ในอ้อมแขน ส่วนฉันพยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบ “อืม” “ตอนนี้ยังสงสัยอะไรอีกรึเปล่า” “ยะ...ยังนึกไม่ออก” ฉันตอบออกไปตรงๆ เพราะกำลังสับสนไปหมดจนไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันควรพูดหรือถามอะไรบ้าง “งั้นตอนนี้ก็ตอบคำถามก่อนก็แล้วกัน” “ดะ...ได้สิ” “ทำไมยูริถึงได้ใช้ให้เธอมาขโมยของในห้องฉัน” คำถามของโอยามะทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจออกจากอก สองตาเบิกโพลงเมื่อไม่คิดว่าเขาจะรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว แถมเขายังรู้แม้กระทั่งชื่อของยูริ “ฉัน...” “เธอมีเวลาสี่สิบห้านาทีในการคิดคำตอบ แต่ถ้าคำตอบของเธอไม่ตรงกับของฉัน บทเรียนที่เธอ เพื่อนของเธอ รวมถึงพี่ชายของเพื่อนเธอจะได้รับ มันจะไม่สวยเท่าไหร่” โอยามะพูดพลางเดินออกมาจากห้องในทันที “นายจะพาฉันไปไหน” “ไปหาคำตอบ แต่ก่อนที่ฉันจะได้ยินจากปากของเพื่อนเธอ ฉันอยากฟังจากปากเธอก่อน จะได้ตัดสินใจถูกว่าฉันควรจะสั่งสอนเธอแบบไหนดี” “นายทำอะไรยูริกับพี่ยูตะ” “ขึ้นอยู่กับคำตอบที่ฉันกำลังจะได้จากเธอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD