หลังคืนที่ไฟดับและกลิ่นธูปคลุ้งทั้งบ้าน ฉันแทบไม่ได้นอนเลย เช้าขึ้นมาพบว่าไฟมือถือดับสนิท รูปที่ถ่ายเมื่อคืนหายไปหมด เหมือนมันไม่เคยถูกถ่ายไว้เลย แม้แต่ไฟล์เดียว...
ตอนบ่าย ฉันเดินออกไปดูบ้านข้าง ๆ — บ้านไม้สีเทาที่ถูกทิ้งร้างแต่ยังดูเหมือนมีคนอยู่ ม่านเก่า ๆ ปลิวตามลม หน้าต่างห้องบนสุดเปิดแง้มไว้ ฉันมองเห็นเงาของหญิงแก่คนหนึ่ง กำลังนั่งพนมมืออยู่กับโต๊ะหมู่บูชาในห้องนั้น...
แต่เมื่อกะพริบตาอีกที หน้าต่างกลับปิดสนิท — ราวกับไม่เคยเปิดมาก่อน
ตกกลางคืน กลิ่นธูปกลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมเสียงผู้หญิงแก่ ๆ พูดเบา ๆ เหมือนรำพึงรำพัน “อย่าลืมจุดให้แม่ด้วยนะลูก...” เสียงนั้นดังจากฝั่งบ้านร้าง ฉันพยายามบอกตัวเองว่าคงแค่หูแว่ว แต่ไม่นาน เสียงฝีเท้าเปลือยเปียก ๆ ดังมาจากระเบียงชั้นล่าง แล้วค่อย ๆ ขึ้นบันไดช้า ๆ ทีละขั้น
ก๊อก... ก๊อก...
ฉันรีบคว้าไฟฉายแล้วส่องไปทางประตู เห็นเงาคนโงนเงนอยู่หลังประตูห้อง ฉันกลั้นหายใจและตะโกนว่า “ใคร!” ไม่มีเสียงตอบ มีแต่เสียงหอบเบา ๆ กับกลิ่นธูปที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ
ไฟฉายดับวูบ — และทันใดนั้น เสียงผู้หญิงแก่ดังอยู่ข้างหู “อย่าปิดประตูสิลูก... แม่คิดถึง”
ฉันกรีดร้อง เปิดประตูออกทันที แต่สิ่งที่เห็นคือความว่างเปล่า... มีเพียงธูปสามดอกปักอยู่หน้าประตูบ้าน พร้อมกระถางเล็ก ๆ ที่มีชื่อฉันเขียนไว้บนกระดาษขาว — “อรินทร์”
มือฉันสั่น... เพราะนั่นคือชื่อที่ยายใช้เรียกฉันตอนเด็ก — แต่ไม่มีใครที่นี่รู้ชื่อเล่นนั้นเลย