“ลูกจ๋าอย่าแกล้งแม่สิ ติดเถอะลูกรัก ฮือ.” ใบพลูครางเบาเมื่อมอเตอร์ไซค์ของเธอไม่มีวี่แววว่าจะติดและรถรุ่นนี้ก็เป็นรุ่นเก่ามากเป็นสิบปีแต่สภาพยังดีและยังเป็นรุ่นที่มีคันสตาร์ททั้งมือและเท้า
“รถไม่ติดเหรอคะพี่ใบพลู” อิงอรออกมาดูพี่สาวคนสวยที่มองรถตาละห้อย
“ใช่จ้ะออน เออจริงสิพี่ยืมจักรยานออนปั่นกลับบ้านได้มั้ย” ใบพลูถามยืมจักรยานของเด็กหญิงอิงอร
“แม่เพิ่งปั่นไปเอาข้าวไปให้พ่อในฟาร์มค่ะ พี่แม้วก็ไม่อยู่ซะด้วย งั้นออนไปบอกตากำนันไปส่งพี่ใบพลูดีกว่าค่ะ..”
“ไม่ต้องหรอกออน เดี๋ยวพี่เดินไปก็ได้เผื่อเจอคนงานจะได้อาศัยเขาไป ไม่ต้องไปบรบกวนตากำนันหรอก ให้ท่านคุยกับหลานชายไปเถอะจ้ะ” อัยยาหน้าม่อยแล้วลงจากมอเตอร์ไซค์เดินออกไปจากบ้านตากำนันและคิดว่าต้องถูกเพื่อนรุ่นพี่ว่าแน่
ทวิภาคยืนมองอยู่นานเมื่อเห็นร่างเพรียวบางลงจากมอเตอร์ไซค์เท้าเอวบ่นก็ยิ้มขำก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจบิ๊กไบค์แล้วลงไปดูก็เห็นอัยยาเดินออกห่างจากบ้านไปแล้วจึงขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์ขี่ตามหญิงสาวไป
“บรืนนนๆๆ ปี้นๆๆ.”
“เอ่อ..” อัยยาหลบลงข้างทางและมองบิ๊กไบค์ของทวิภาคจอดตรงหน้าเธอ
“ขึ้นมาสิ..” เสียงห้าวบอกอัยยา
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“จะขึ้นเองหรือให้พี่อุ้มขึ้น” ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่นทั้งๆที่รีบแท้ๆหญิงสาวยังเล่นตัวอีก
“เอ่อ,พลูไปเองก็ได้ค่ะ” อัยยามองDucati Panigala V4 R (พานิกาเล่ วีโฟร์ อาร์)สีแดงรุ่นล่าสุดคันใหญ่ราคาเกือบสามล้านที่ไม่มีเบาะคนซ้อนก่อนและบอกเจ้าของรถ
“อย่าเรื่องมากน่าใบพลู พี่ไม่อยากให้ตาว่าเป็นคนใจดำทั้งที่เธอมาช่วยงานตา” เสียงห้าวพูดเหมือนรำคาญจนใบพลูไม่รู้จะทำยังไง
“ก็รถคุณทัพพ์มันไม่มีเบาะแล้วจะให้พลูนั่งตรงไหนคะ” ใบพลูมองหน้าเจ้าของรถแล้วพูดเสียงดังแข่งกับเสียงบิ๊กไบค์
“ดัดจริตใครบอกให้เรียกคุณ ขึ้นมาเร็วๆเหยียบที่พักเท้าแล้วนั่งซ้อนหลังพี่.” ชายหนุ่มพูดเสียงขุ่นด้วยความไม่พอใจยัยเด็กนี่เรียกเขาว่าคุณทั้งที่เรียกพี่ทัพพ์มาตลอดแค่ไม่ได้เจอกันไม่เท่าไหร่กลับดัดจริตเรียกคุณมันน่ามั้ยล่ะ
“นี่.." ใบพลูกำลังจะอ้าปากพูดแต่ทวิภาคชี้หน้าเธอบอกให้ซ้อนท้ายเขา
“ขึ้นมาเดี๋ยวนี้.” เสียงห้าวพูดดังขึ้นกว่าเดิม
“ก็ได้ อยากให้ซ้อนใบพลูจัดให้”ร่างเพรียวเหยียบที่พักเท้าแล้วยกขาขึ้นข้ามบังโคลนหลังนั่งลงบนบังโคลนแข็งๆ
“ก็แค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มแล้วบิดคันเร่งก่อนจะออกตัวกระชาก
“บรืนนๆๆ บรื้นนน..”
“ว้ายยย!!.....” อัยยาร้องเสียงหลงด้วยความตกใจเกือบหงายหลังยังดีที่เธอคว้าเอวสอบไว้ได้แรงกระชากทำให้เธอโถมตัวลงเอาหน้าอกกระแทกเข้าแผ่นหลังหนั่นแน่นเต็มแรงสะโพกงอนหลุดจากบังโคลนรถลงไปเบียดเอวสอบ
“คุณทัพพ์..”
"เอี้ยดดด..”
“ว้ายยย!!....”
อัยยาร้องออกมาอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มเบรกรถเสียงดังจนล้อเสียดสีกับถนนคอนกรีตหน้าผากกระแทกหลังเขาจนทำให้คนงานที่ทำงานอยู่แถวนั้นมอง
“เมื่อกี้เรียกพี่ว่าอะไรนะ”ทัพพ์ถามเจ้าของก้อนเนื้อนุ่มที่กระแทกแผ่นหลังเขาถึงสองครั้งไหนจะเนื้อนุ่มนิ่มบดเบียดเอวสอบเขาไว้แน่นอีกล่ะพระเจ้า ยัยใบพลูทำให้ร่างกายของเขามันมีชีวิตได้ด้วยสิ
“เอ่อ.. พี่ทัพพ์..” ...
“ก็แค่นั้นแหละ แล้วอย่ามาเรียกคุณทัพพ์ให้ได้ยินอีกนะ” เสียงห้าวกำชับคนตัวเล็กที่ซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ของเขาแล้วดิ้นขยุกขยิกเพื่อขยับไปนั่งที่เดิมตอนนี้ขาของเธอก็ไม่มีที่เหยียบก็เท่าว่าร่างกายส่วนหน้าของเธอแนบชิดกับแผ่นหลังของเขาเต็มๆ “เหยียบบนเท้าพี่แล้วเกาะเอวแน่นๆ” เจ้าของบิ๊กไบค์บอกอัยยาที่เกร็งตัวเพราะกลัวตกหญิงสาวจำต้องกอดเอวสอบไว้
บิ๊กไบค์คันใหญ่ก็แล่นออกไปจากฟาร์มเพื่อไปส่งหลานสาวของตาสิงหาที่อยู่ไร่ตรงข้ามกันแต่ระยะทางก็ไม่ไกลมาก จากหน้าฟาร์มเข้าไปถึงบ้านปูนสองชั้นทรงยุโรปหลังใหญ่หนึ่งกิโลครึ่งส่วนบ้านของตาสิงห์ห่างจากถนนหน้าไร่แค่ห้าร้อยเมตร
อัยยาโอบกอดเอวหนาของทัพพ์แน่นเพราะเจ้าตัวขี่รถฉวัดเฉวียนเหมือนจะแกล้งเธอแต่หญิงสาวเลือกจะเงียบเพราะแป้บเดียวก็ถึงบ้านแล้ว “โอ้ยย,ไอ้พี่ทัพพ์บ้าเอ้ยขี่เร็วๆหน่อยสินี่บิ๊กไบค์นะไม่ใช่สกู้ดเตอร์ อัยยาคิดแล้วกรอกตาไปมาจะลงก็ลงไม่ได้ ไม่ว่าทัพพจะขี่ช้าแค่ไหนไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงบ้านของตาสิงห์ ที่ตอนนี้มีรถกะบะโฟร์วิลล์สี่ประตูสีแดงสดจอดอยู่ และเจ้าของก็ยืนหน้าง้ำรอเพื่อนสาวรุ่นน้องที่นัดไว้ว่าจะมาเอามะม่วงที่สั่งไว้เพราะเขามีธุระต่อจึงบอกอัยยาให้คัดไว้ให้เลยเขาจะได้ไม่ต้องมานั่งรอ
อานัสอ้าปากค้างมองเพื่อนรุ่นน้องตาแทบถลนเมื่อเห็นซ้อนบิ๊กไบค์คันใหญ่ชนิดที่สิงร่างคนขี่กันสนิทแนบแน่นด้วยความอิจฉาก่อนจะเก๊กหล่อมองอัยยาตะกายลงจากบิ๊กไบค์จนเจ้ารถของทนไม่ไหว
“อยู่นิ่ง” เสียงห้าวบอกร่างเพรียวบอบบางที่นั่งตัวเกร็งมาตลอดทางแล้วเขาก็ลงจากรถแล้วยกตัวอัยยาลงจากรถอย่างง่ายดาย
“ขะ ขอบคุณค่ะ” อัยยาอยากด่ามากว่าขอบคุณ ด้วยมารยาทแล้วเธอก็เลยขอบคุณหลานชายตากำนันที่มาส่ง
“วันหลังก็หัดเช็ครถบ้างไม่ใช่สักแต่ขี่เกิดไปดับกลางทางเข้ามันจะลำบาก..” ชายหนุ่มพูดจบตวัดสายตามองหนุ่มหล่อหน้าคมเข้มผิวสีแทนยืนอยู่กับลุงแสงและพี่เขียนที่กำลังคัดมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองที่กำลังเหลืองอร่ามใส่โฟมตาข่ายกันกระแทกแล้วบรรจุลงลังพาสติก
“ค่ะ.”
“ใคร”
“เอ่อ, เพื่อนค่ะจะมารับมะม่วงที่สั่งไว้”
ทวิภาคไม่ตอบขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์แล้วบิดออกไปจากไร่แม่บุญมี ซึ่งเรียกกันจนติดปากตั้งแต่สมัยยายบุญมีภรรยาของตาสิงห์ยังมีชีวิตอยู่ ท่านก็เลยตั้งชื่อไร่ตามชื่อยายของอัยยา
“มานี่เลยนังชะนีน้อย แกบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปเจอพ่อเทพบุตรสุดหล่อนั่นได้ยังไง” อานัสดึงแขนสาวรุ่นน้องไปท้ายรถแล้วกระซิบปากคอสั่นด้วยความอยากรู้ว่าหนุ่มหล่อร่ำกล้ามน่ากัดนั่นเป็นใคร
“นั่นพี่ทัพพ์หลานชายลุงกำนันค่ะพี่อาร์ท.”
“ต๊ายย,นี่เหรอหลานชายตากำนันเทิด ตายยๆๆ ทำไมหล่อน่าลากไปกินอย่างนี้ แล้วทำไมเขาถึงมาส่งหล่อนได้ล่ะยะ” อานัสยังแคลงใจว่าทำไมอัยยาถึงได้มาพร้อมกับหลานชายกำนัน
“พอดีวันนี้พลูไปช่วยงานตากำนันค่ะ แต่หลับเพลินไปหน่อยลืมคัดมะม่วงให้พี่อาร์ท แฮ่ะๆ ขอโทษด้วยนะคะ พลูจะรีบไปคัดให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” อันยาตอบรุ่นพี่หนุ่มใจสาวที่เธอสนิทและที่บ้านก็ขายข้าวเหนียวมะม่วงและผลไม้ตามฤดูกาลร้านตั้งอยู่ในตัวเมืองสะระบุรีและเป็นลูกค้าประจำไร่แม่บุญมีมายาวนาน
“ก็ได้ แต่วันหลังหล่อนอย่าลืมแนะนำให้พี่รู้จักด้วยนะนัชะนีน้อยอย่าริเก็บไว้กินเองล่ะ” อานัสจีบปากพูดแล้วค้อนประหลับประเหลือกใส่สาวน้อยรุ่นน้องที่รู้จักสนิสนมกันเพราะมารับมะม่วงไปให้แม่ “อ้อ,ใบพลู”
“คะพี่อาร์ท..”
“แล้วเป็นยังไงบ้างอ่ะ โอบกอดแทบจะสิงกันหล่อนไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ” อานัสหรี่ตามองสาวน้อยคนสวยที่หน้าแดงขึ้นมาทันที
“จะรู้สึกอะไรล่ะคะ รถบ้าอะไรราคาสองสามล้านไม่มีเบาะนั่ง พลูนั่งตรงบังโคลนมันมาแล้วมันไถลลงไปจะให้ทำยังไงล่ะคะ เร็วค่ะเดี๋ยวพี่อาร์ทไปทำธุระต่อไม่ทัน” อัยยาไม่อยากพูดถึงเรื่องน่าอายจึงเดินไปที่เข่งมะม่วงที่พี่เขียนกับลุงแสงช่วยกันคัดแล้วหยิบใส่โฟมตาข่ายกันกระแทกลงลังพาสติก โดยมีอานัสช่วยและคอยกระแซะถามถึงหลานชายกำนันเทิด ที่เขาได้ยินแต่ชื่อจากลักษิกาสาวน้อยอีกคนที่พูดถึงพี่ชายแต่ไม่บ่อยนัก
“เสร็จแล้วค่ะ” อัยยามองดูลังมะม่วงสิบลังที่ลุงแสงนำขึ้นชั่งลังละยี่สิบกิโลทั้งหมดสิบลังก็สองร้อยกิโล
“ทั้งหมดสองร้อยโล โลละสี่สิบก็แปดพันใช่มั้ย.” อานัสนับเงินให้สาวน้อยคนขยันแปดพันบาทเพราะเป็นมะม่วงเบอร์ใหญ่คัดที่แก่จัดลูกสวยจึงราคาแพงและสามารถขายได้ราคาเพราะทั้งหอมหวานลูกค้าจึงติดใจมะม่วงจากไร่แม่บุญมีและถามหากันตลอด
“ขอบคุณพี่อาร์ทมากนะคะ รอบหน้าจะเอามหาชนกด้วยมั้ยคะ กำลังแก่ได้ที่อีกอาทิตย์หนึ่งก็ตัดได้แล้ว” อัยยาถามลูกค้าประจำ
“เอาสิ เดี๋ยวพี่จะโทรมาบอกอีกทีนะว่าจะเอากี่โล ต้องถามคุณนายแม่ก่อนจ้ะ ไปนะ เดี๋ยวจะค่ำ.”
“พี่อาร์ทรอแป้บค่ะ” อัยยาเดินเข้าไปในบ้านหยิบตะกร้าน้อยหน่าออกมาให้อานัส
“ขอบใจจ้ะ.. อย่าลืมที่พี่บอกนะใบพลู..”
“ค่า..ขับรถดีๆนะคะ..” อัยยามองจนรถของอานัสขับออกไปจากไร่ “ขอบคุณลุงแสงกับพี่เขียนด้วยนะคะ.”
“ไม่เป็นไรหรอกใบพลู แล้วไปไงมาไงถึงได้มากับคุณทัพพ์เขาล่ะ” เขียนถามอัยยา
“พลูไปช่วยงานตากำนันมาค่ะ พอดีเผลอหลับแล้วลูกสาวพลูมันดันสตาร์ทไม่ติด พี่ทัพพ์ก็เลยมาส่งค่ะ”
“อ่อ. พี่ว่าจะบอกใบพูลอยู่ว่าพี่สนยังไม่ได้เปลี่ยนแบตเตอรร์รี่เลย..” เขียนบอกหลายสาวตาสิงหาที่จะกลับบ้านช่วงเย็นวันศุกร์และกลับไปเรียนเช้าวันจันทร์
“มิน่าละคะมันดังแชะๆ พรุ่งนี้พลูค่อยเอาไปทำค่ะ” อัยยาคุยกับเขียนเรื่องผลไม้ที่ต้องเก็บส่งเจ้าประจำที่โทรมาสั่งและมารับเองเหมือนอานัส บางส่วนก็เอาไปส่งที่ตลาดใหญ่ในเมืองสระบุรีและโคราชตามออเดอร์ของลูกค้าประจำทำให้ได้ราคาดีกว่าขายส่งพ่อค้าคนกลาง
ทวิภาคขี่รถกลับบ้านแล้วรู้สึกว่าเบาะหลังมันโล่งๆพิกลทั้งที่เขาก็ขี่คนเดียวมาตลอดและยังไม่เคยมีใครซ้อนท้ายเพราะบิ๊กไบค์ของเขามีแค่เบาะเดียวนั่นเอง และอัยยาเป็นคนแรกที่ได้นั่งรถคันนี้ ใบหน้าหล่อยิ้มเมื่อนึกถึงร่างเพรียวบอบบางแนบชิดแผ่นหลังและเธอยังเอาก้อนเนื้อนุ่มมากระแทกหลังอีกไหนจะเนินเนื้อนุ่มที่บดเบียดบั้นเอว แค่คิดก็ทำให้ชายหนุ่มอึดอัด
“นี่เราบ้าไปแน่ๆ.” ทวิภาคว่าตัวเองที่คิดไม่ซื่อกับอัยยาทั้งที่เขาเห็นหญิงสาวเป็นน้องมาตลอด ร่างสูงจอดรถแล้วเดินขึ้นบ้านก็เจอตานั่งดูข่าวอยู่ที่ห้องโถงกว้างที่เป็นทั้งห้องรับแขกห้องนั่งเล่น ดูหนังฟังเพลงไม่เหมือนบ้านคนรวยที่มีห้องต่างแยกกัน
“เมื่อไหร่ทัพพ์จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ฮึ.” กำนันเทิดถามหลานชายที่ขี่แต่บิ๊กไบค์จนท่านเป็นห่วงกลัวจะเกิดอุบัติเหตุเข้าสักวัน
“มันสะดวกดีครับตา ผมเบื่อรถติดน่ะ” ทัพพ์บอกเหตุผลถ้าเขาขับรถไปเรียนคงเข้าสายทุกวันแน่ ขนาดใช้มอเตอร์ไซค์บางวันก็ยังสายเลยเพราะทุกคนทำงานไปเรียนเวลาเดียวกันจึงเป็นชั่วโมงเร่งด่วนที่ทุกคนต้องไปให้ทันจึงทำให้รถติดยิ่งวันไหนมีอุบัติเหตุก็แย่เข้าไปใหญ่
“ทัพพ์ก็ใช้ขับกลับบ้านเราก็ได้นี่ ส่วนในกรุงเทพก็ใช้มอเตอร์ไซค์” กำนันเสนอหลานชายด้วยความเป็นห่วง
“ผมรู้ว่าตาเป็นห่วง แต่ผมจะระวังตัวครับ เหลืออีกแค่เทอมเดียวผมก็จบแล้ว คราวหน้าผมขับรถมาก็ได้ครับ” หลานชายพูดให้ตาสบายใจ หากถามว่าระหว่างปู่กับตาเขารักและเป็นห่วงใครมากกว่ากัน เขาตอบได้เลยว่าตา เพราะท่านเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเขาเขามาตั้งแต่พ่อแม่แยกทางกันส่วนปู่ก็มีเมียคอยดูแลอยู่เขาก็ไม่ห่วงอะไรและตาก็เหลือเขาที่เป็นตัวแทนของแม่ ฉะนั้นเขาทิ้งท่านไม่ได้
“ดีๆ แล้วเรื่องเรียนต่อล่ะไปถึงไหนแล้ว”
“เรียบร้อยครับตา พอจบแล้วผมก็เตรียมตัวเดินทางได้เลยผมก็คิดว่าผมชอบที่นั่นด้วย” ชายหนุ่มได้ทำเรื่องไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด มหาวิทยาลัยชื่อดังของอเมริกาหรือทั่วโลกรู้จักกันดีและเข้ายากที่สุดไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วจะเข้าเรียนได้ต้องเก่งจริงและผ่านการสอบที่ยากด้วยและเขากับดิษย์ได้รับการตอบรับจากมหาลัยแล้ว หลังจากที่เขาได้ไปเรียน Pre-MBA โปรแกรมสั้นระยะหนึ่งเดือนช่วงซัมเมอร์เมื่อเทอมสองตอนอยู่ปีสาม
“ตาภูมิใจในตัวทัพพ์มากนะลูก.” กำนันเทิดยิ้มให้หลานชายใครจะไม่ปลื้มล่ะที่หลานชายได้เรียนที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆของโลกที่มีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นและท่านก็ไม่อยากเชื่อว่าหลานชายที่เกเรของท่านจะเข้าเรียนได้
“ขอบคุณครับตา ผมไม่อยู่ตาดูแลตัวเองด้วยนะครับ ถ้าตาเหงาก็หาเมียมาอยู่ด้วยผมไม่ว่าครับ หึๆๆ.” ทวิภาคบอกตาแล้วหัวเราะ
“ตาแก่แล้วนะเจ้าทัพพ์เก็บแรงไว้รอเลี้ยงลูกของแกดีกว่า”
“ตาแก่ที่ไหนกันเล่า ปู่แก่กว่าตาอีกยังมีเมียใหม่เลยครับ” ขนาดปู่ของเขายังมีเมียใหม่ตอนอายุหกสิบหลังจากย่าเสียไปไม่นาน
“ช่างเขาเถอะ ใครอยากมีก็มีไปตาก็อยู่ของตาแบบนี้แหละ แล้วแกล่ะเจ้าทัพพ์เมื่อกี้ไปส่งใบพลูมาคิดอะไรกับน้องหรือเปล่า” กำนันมองหลานชายอย่างจับผิดเพราะคนหวงรถอย่างหลานชายยอมให้อัยยานั่งบนบังโคลนรถแทนที่จะขับกระบะไปส่งน้อง
“เปล่าครับตา ผมแค่ไปส่งใบพลูเห็นว่ามาช่วยงานตาเท่านั้นครับ” เขาคิดอย่างนั้นจริงเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กถึงแม้เขาจะไปเรียนที่กรุงเทพไม่ได้เจอกันบ่อยเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
“จริงเหรอ แต่ตาว่าใบพลูน่ารักนะ ทำงานก็เก่งทั้งที่ยังเรียนไม่จบ..”
“ตาครับ ผมยังเด็กอยู่นะครับยังไม่คิดเรื่องนี้อีกอย่างใบพลูกก็เป็นน้องผมคิดไม่ลงหรอกครับ” ใช่เขาคิดไม่ลงแต่ร่างกายของเขามันกลับทรยศ
“แกน่ะเหรอเด็ก ถ้าไม่ใช้ถุงป่านนี้มีลูกเป็นโหลแล้วมั้ง..” กำนันว่าให้หลานชายถึงท่านจะอยู่ที่กลางดงแต่ก็รู้เรื่องของหลานชายจากลูกเขยโทรมารายงานตลอด
“แล้วมีมั้ยล่ะครับ ผมยังอยู่ในวัยอยากลองอยากรู้ครับตา รับรองว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนอุ้มเด็กมาเรียกร้องให้รับผิดชอบหรอกครับ..” ทุกคนที่เขามีความสัมพันธด้วยก็แค่สนุกกันเท่านั้นและเขาก็ไม่ได้ติดเซ็กซ์ถึงขนาดต้องมีผู้หญิงแนบกายตลอดเวลาสำหรับเขาถ้าไม่ถูกใจจริงก็ไม่สนใจแต่ถ้าถูกใจก็อาจจะคบนานหน่อยแต่เป็นได้แค่เพื่อนกินเพื่อเที่ยวเพื่อนอนเท่านั้น
“แล้วตาจะคอยดู ไปกินข้าวกันเถอะ..” สองตาหลานคุยกันและกินอาหารเย็นด้วยกันก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน
เช้าวันนี้ทัพพ์ได้รับโทรศัพท์จากพ่อที่โทรมาสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นที่รีสอร์ทของชนาทิปว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงเพราะพ่อแม่ของกิติภพมาเอาเรื่องถึงบ้าน
“ก็ไม่มีอะไรครับพ่อ ไอ้บิ้กมันกวนโอ้ยผมก็เลยหมั่นไส้ต่อยไปสองสามหมัดเองครับ” เสียงลูกชายพูดมาตามสายอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจเพราะเขารู้ว่าพ่อเคลียได้ทั้งที่เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้แต่มันสุดจะทนกับปากของกิติภพ
“นี่ขนาดสองสามหมัดนะ ถ้าทัพพ์ทำจริงนายบิ๊กมินอนห้องไอซียูเลยเหรอไอ้ลูกบ้า” มาร์ตินว่าลูกชายและเขาก็รู้ว่าถ้าไม่ถึงที่สุดจริงทวิภาคไม่ลงมือลงไม้แน่นอนตั้งแต่มาเรียนมหาลัยลูกชายของเขาก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร
“แต่มันไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ใช่เหรอครับพ่อ”
“ก็คงนอนโรงบาลหลายวันเหมือนกัน ทางพ่อแม่ของนายบิ๊กจะเอาเรื่องทัพพ์ด้วยนะลูก แต่พ่อขอเจรจาก่อนก็เลยตกลงกันได้ ทางโน้นเขาขอให้รับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายและค่าทำขวัญ ก็จบเรื่อง.”มาร์ตินบอกลูกชายไม่ว่าทวิภาคจะทำอะไรเขาก็ไม่กล้าดุด่าเพราะเขาทำผิดกับภรรยาและลูกชายจึงยอมรับผลกรรมนั้นและทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกชายกลับมาเชื่อใจและศรัทธาในตัวเขาอีกครั้งว่ารักลูกจริง
“เท่าไหร่ครับพ่อ.”
“ล้านหนึ่ง..”
“ผมน่าจะซัดมันหนักกว่านี้นะ เสียดายตังค์จริงๆ” ทวิภาคพูดแล้วหงุดหงิดและเสียดายเงินค่าทำขวัญกิติภพ
“ตาทัพพ์ ยังจะมาพูดเล่นอีก” มาร์ตินอดคิดถึงภรรยาไม่ได้หากพริตาอยู่จะกำหราบลูกชายได้ดีกว่าเขา
“ผมพูดจริงนะครับพ่อ แต่ก็ดีแล้วมีเพื่อนแบบนี้สู้ไม่มีซะดีกว่า ขอบคุณครับพ่อที่จัดการให้ผม” ทวิภาคขอบคุณพ่อ หลังจากแม่เสียเขาเข้ามาอยู่กรุงเทพแต่ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกับพ่อและปู่ พ่อก็ให้เขาเลือกว่าจะอยู่คอนโดไหนเพราะทุกอย่างเป็นของลูกชายทั้งหมดหลังจากที่พ่อหย่ากับแม่ท่านก็ยกทุกอย่างให้เขาและท่านก็ทำงานกินเงินเดือนผู้บริหารระดับสูงและมีเงินปันผลจากหุ้นที่เหลือแค่สามสิบเปอร์เซ็นเรื่องนี้แม่กับปู่ของเขาก็รู้ดีเพราะปู่เป็นคนจัดการให้เขา และให้พ่อดูแลผลประโยชน์ให้นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เตชินีไม่พอใจที่ลูกสาวไม่ได้อะไรเลย นอกจากบ้านหลังใหญ่ราคายี่สิบล้านและเงินในบัญชีอีกยี่สิบล้านส่วนของลูกสาวอีกยี่สิบล้านที่ฝากประจำจนกว่าลูกสาวจะอายุครบยี่สิบถึงจะเบิกมาใช้ได้และทุกวันนี้เธอกับลูกสาวก็มีก็มีเงินเดือนกินทุกเดือน
“ก็แกเป็นลูกชายพ่อนี่” มาร์ตินตอบลูกชายแล้วเขาก็วางสายและทำงานต่อ
“เจ้านายครับคุณหนูติ๊น่ามาขอพบครับ” ยิ่งคุณเลขาหนุ่มใหญ่แจ้งเจ้านาย
“ให้เข้ามา..” มาร์ตินกดอินเตอร์คอมตอบเลขา
“ผลัวะ...”
“คุณพ่อขา..” ติยาพร หรือติ๊น่า วัย19ปี ลูกสาวของมาร์ตินกับเตชินีอดีตเลขาหน้าห้องและยังเป็นลูกสาวของคุณเกษราเพื่อนของคุณพรพิศแม่ของเขาอีกจึงทำให้มาร์ตินจำต้องรับผิดชอบหลังจากเขาหย่ากับพริตา มาร์ตินก็ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนกับเตชินี เขาจดทะเบียนรับรองบุตรและซื้อบ้านให้อยู่ต่างหากและส่งเสียค่าเลี้ยงดูลูกสาวมาตลอดจนทำให้คุณเกษราไม่พอใจเขามาจนถึงทุกวันนี้ หากแม่เขายังอยู่คุณเกษราคงจะกดดันท่านให้เขาแต่งงานกับเตชินีแน่และเขาก็ไม่พลาดที่จะแอบตรวจดีเอ็นเอเพราะไม่อยากเลี้ยงลูกของคนอื่นเมื่อผลตรวจออกมาว่าติยาพรเป็นลูกสาวของเขามาร์ติน ก็ส่งเสียและดูแลมาจนทุกวันนี้
“มีอะไรลูกถึงมาหาพ่อได้..” ถึงแม้เขาจะเกลียดเตชินีแต่เขาก็รักลูกสาว
“ก็คุณพ่อไม่ไปหาติ๊น่านี่คะ ติ๊น่าคิดถึงก็เลยมาหาคุณพ่อสิค่ะ.” ติยาพรกอดพ่อและหอมแก้มท่าน
“อ้อนพ่อแบบนี้จะขออะไรอีกล่ะ.” มาร์ตินรู้ทันลูกสาวที่ถูกแม่สอนให้ขอโน่นขอนี่ตลอดและเขาก็จะตักเตือนอันไหนให้ได้ก็จะให้เพราะเขาไม่อยากให้ลูกสาวใช้เงินมือเติบทั้งที่อายุยังน้อยไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ให้อะไรติยาพรแต่เขารู้ว่าถ้าให้ตอนนี้ก็มีแต่หมดเพราะพักหลังมานี้เขาได้ข่าวว่าเตชินีเข้าบ่อนบ่อยๆ
“ก็ ติ๊น่าอยากได้รถคันใหม่ค่ะ” ติยาพรบอกพ่อเพราะแม่ขอรถของเธอส่วนรถของแม่ท่านขายไปแล้วจึงไม่มีรถใช้
“รถหนูเพิ่งใช้ยังไม่ถึงปีเลยนะลูก..”
“ก็เพื่อนๆของติ๊น่าเขาใช้รถบีเอ็มขับไปเรียนกันหมดเลยค่ะ มีติ๊น่าคนเดียวที่ขับรถเล็กจนถูกเพื่อนๆล้อว่าเป็นลูกเศรษฐีแล้วขับรถยี่ปุ่นราคาไม่กี่แสน ติ๊น่าอายเพื่อค่ะคุณพ่อ” ติยาพรบอกพ่อเพราะเธอเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนค่าเทอมแพงมีแต่ลูกหลานคนมีเงินมาเรียนจึงมีการแข่งขันกันทุกเรื่อง
“ติ๊น่า หนูยังเด็กอยู่นะลูก เอาไว้ให้หนูขึ้นปีสองก่อนนะพ่อจะซื้อให้” มาร์ตินมองลูกสาวแล้วถอนหายใจหนักใจกับการเลี้ยงลูกของเตชินีที่สอนให้ลูกเสพติดวัตถุนิยมไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้ากระเป๋ารองเท้าเครื่องประดับและทุกอย่างต้องหรูถึงจะเหมาะสมกับทายาทของนักธุรกิจชื่อดัง