“ได้เลยค่ะ บ่ายนี้พลูว่าง ตากำนันจะให้พลูทำอะไรก็บอกมาเลยค่ะ” อัยยาเต็มใจช่วยตากำนันเพราะเธอรักและนับถือท่านไม่ต่างจากตาของเธอและเคยมาช่วยงานท่านบ่อยตั้งแต่หลานชายตัวแสบของท่านไปเรียนที่กรุงเทพตั้งแต่มัธยมปลายหลังจากป้าตาแสนใจดีของเธอเสียชีวิตจึงทำให้ไม่ค่อยได้เจอกัน เวลาทวิภาคกลับบ้านเธอก็ไปเรียนเวลาปิดเทอมของเขาก็ไปเรียนซัมเมอร์ที่อังกฤษส่วนเธอกับลักษิกาก็เจอกันทุกปิดเทอมหรือบางทีก็เสาร์อาทิตย์.................
“งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงานตากันลูก” กำนันเทิดบอกหลานสาวของเพื่อนที่ท่านรักเหมือนหลานตัวเองและไว้ใจพอๆกับหลานๆของท่าน เดือนนี้ท่านยังไม่ได้ตรวจบัญชีที่มานพผู้จัดการฟาร์มคนสนิทเอามาให้ดูเลยถึงแม้ท่านจะไว้ใจคนสนิททั้งสองแต่ก็ต้องตรวจดูความผิดพลาดเพราะมีรายรับรายจ่ายของฟาร์มที่ทางฝ่ายบัญชีส่งมาให้และท่านไม่ถนัดใช้คอมพิวเตอร์
เมื่อจัดแจงงานให้อัยยาแล้วท่านกำนันก็เข้าไปตรวจงานในฟาร์มตามปกติปล่อยให้สาวน้อยน่ารักทำงานในห้องทำงานของท่านคนเดียวอย่างเงียบๆ
“ตู้ดดๆๆ ตู้ดดๆๆ..”
อัยยาทำงานเพลินก็สะดุ้งเสียงไลน์ของตัวเองที่วางอยู่บนโต้ะทำงานตัวใหญ่ของตากำนันก็หยิบมากดรับสายเพราะเพื่อนรักโทรมา
“ว่ายังไงยัยลักษ์แกอยู่ไหนเนี่ย ทำไมไม่มาหาตากำนันบ้างล่ะ” อัยยาว่าเพื่อนทันทีที่รับสายมองหน้าเพื่อนที่ส่งยิ้มให้อย่างออดอ้อน
“เดี๋ยวๆ อะไรของแกยัยพลู ใส่มาเป็นชุดเลยไอ้เราอุตส่าห์คิดถึง” ลักษิกามองดูสถานที่เพื่อนั่งอยู่อย่างคุ้นเคย
“ก็แกไม่มางานของตากำนันกองเป็นภูเขาเลยอ่ะ” อัยยาหันกล้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เพื่อนดู
“แกก็ช่วยทำให้ตาหน่อยสิพลู อีกหน่อยมันอาจจะเป็นของแก ถ้าแกแต่งงานกับพี่ชายลักษ์ คิกๆๆ.” ลักษิกาล้อเพื่อนเพราะรู้ว่าอัยยาแอบชอบพี่ชายแต่เรื่องนี้มีแค่เธอสองคนเท่านั้นที่รู้หลังจากที่พี่ชายของเธอไปเรียนที่กรุงเทพอัยยาก็ไม่ได้สนใจจะถามถึงอีกเลย
“เรื่องเก่าแล้วย่ะ พลูเลิกชอบพี่ชายแกไปตั้งนานแล้ว” ที่จริงเธอก็ชอบทัพพ์ตามประสาเด็กที่เห็นรูปหล่อกว่าใครเท่านั้นพอเขาไปเรียนกรุงเทพก็ห่างหายไปความรู้สึกมันก็เลือนลางไปด้วย
“จริงเหรอยะ” คนอยู่กรุงเทพทำหน้าล้อเพื่อน
“จริงสิ ว่าแต่แกเถอะเมื่อไหร่จะมากลางดงล่ะ”
“เทอมนี้ลักษ์เรียนหนักคงไม่ได้ไปหาตา แกช่วยงานตาหน่อยนะใบพลูนะ พี่ทัพพ์เขากำลังทำเรื่องไปเรียนต่อด้วยคงไม่ได้กลับไปช่วยตา ลักษ์ฝากดูตาด้วยนะใบพลู” ลักษิกาบอกเพื่อนหน้าละห้อยต้องโทษตากำนันที่มีลูกแค่สองคนและต้องโทษลูกของตาทั้งสองคนที่มีลูกกันคนเดียวทำให้ไม่มีใครช่วยงาน แม่ก็ต้องช่วยงานพ่อที่โรงโม่หินและบางทีก็ต้องกลับมาช่วยตา
“โอเคจ้ะ งั้นพลูทำงานก่อนนะเดี๋ยวจะไม่เสร็จ..” สาวน้อยบ้านไร่บอกเพื่อนที่ตอนนี้กลายเป็นสาวกรุงเทพไปแล้วแต่เธอชอบอากาศต่างจังหวัดมากกว่าทั้งที่เรียนเก่งและไม่อยากเลยหากจะสอบเข้าที่เดียวกับเพื่อนและเธอก็ทำงานให้เสร็ก่อนห้าโมงเย็นเพราะนัดลูกค้ามารับมะม่วงสุกต้องไปคัดให้
“โอเคจ้า ขอบใจแกมากนะเพื่อนรัก” สองสาวคุยกันเสร็จก็วางสายอัยยาก็ลงมือตรวจบัญชีอีกครั้ง ตั้งแต่ทวิภาคมาจัดระบบงานให้ตากำนันใหม่ทั้งหมดทำให้ทำงานง่ายขึ้นและสามารถเช็คได้ในคอมพิวเตอร์ที่ลิ้งค์จากเครื่องที่เธอกำลังใช้งานอยู่กับที่สำนักงานได้ทุกเครื่องและสามารถดึงข้อมูลมาดูได้แต่กำนันเทิดท่านไม่ถนัดฝ่ายบัญชีก็ปริ้นมาให้ท่านดูและคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็มีแค่สามคนคือทวิภาค ลักษิกา และอัยยาเท่านั้น อัยยาจมอยู่หน้าจอจนงานเสร็จก่อนตาจะปิดซบหน้าลงบนโต้ะทำงานของตากำนัน จนกระทั่งป้าคิดเอาขนมมาให้ยิ้มขำกับภาพที่เห็นจึงเดินออกไปจากห้องและปิดประตูไว้เหมือนเดิมปล่อยให้สาวน้อยนอนลับ
ทวิภาคขี่มอเตอร์ไซค์เข้าไปในฟาร์มและหยุดที่สำนักงานพร้อมกับดิษย์ แล้วสองหนุ่มก็ขับรถเอทีวีเข้าไปในฟาร์มโคนมที่คุ้นเคย
“มึงจะไปไหนวะไอ้ทัพพ์.” ดิษย์ตะโกนถามเพื่อนเพราะไม่อยากให้มันของขึ้นอีก แค่กิติภพคนเดียวก็แย่แล้วไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง
“ขี่ม้า” ทัพพ์ตอบเพื่อนหลังจากอารมณ์เย็นลงเพราะไปเจอผู้หญิงตื้อยังไม่พอเพื่อนในกลุ่มดันมาพูดกวนอีกทำให้อารมณ์ที่เก็บกดไว้ระเบิดออกมาซัดจนหมอบ
“เออดี กูอยากขี่พอดี..” ดิษย์ไม่รู้จะพูดยังไงก็ต้องไปขี่ม้ากับเพื่อนที่ดูว่ามันอารมณ์เข้าที่แล้วเดินดูคนงานรีดนมวัวและแวะไปคุยกับสัตวแพทย์ประจำฟาร์มที่มีอยู่สามคนและวันนี้อยู่ประจำสองคนสลับกันทุกวัน คนงานส่วนใหญ่ก็เป็นคนในหมู่บ้านและอำเภอใกล้เคียงมีที่พักเป็นตึกแถวสองชั้นเรียงกันสองตึกอยู่ด้านหน้าห่างจากรั้วประมาณห้าร้อยเมตร ส่วนสำนักงานและโรงเก็บนมวัวที่รีดแล้วรอส่งให้กับสหกรณ์อยู่ติดกันห่างจากบ้านพักคนงานห้าร้อยเมตร คอกวัวก็อยู่ลึกเข้าไปแถวเรียงรายกันทั้งสองฝั่งถนนรอบๆก็เป็นทุ่งหญ้าและสระน้ำ แต่ละคอกยาวก็จะมีคนงานเอาอาหารเอาน้ำทำความสะอาดคอกโคนมและรีดนมวัวทั้งใช้เครื่องรีดและรีดด้วยมือเปล่าที่จะทำให้ได้น้ำนมเยอะกว่าเครื่องรีดแต่บางครั้งต้องรีบเร่งทำเวลาเพื่อให้ทันส่งนมสดที่รีดได้ตามที่รถของสหกรณ์มารับจึงจำเป็นต้องใช้เครื่องรีดนมไปด้วยที่จริงกำนันก็เคยคิดจะทำฟาร์มครบวงจรแต่ท่านไม่มีผู้ช่วยคิดจึงล้มเลิกเป็นแค่ผู้ผลิตน้ำนมดิบส่งให้สหกรณ์โคนมอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้ว
“ตกลงมึงจะเรียนต่ออะไรวะไอ้ทัพพ์ บริหารหรือเกษตร” สองหนุ่มนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์คุยกันหลังจาพากันตระเวรทั่วฟาร์ม
“เรียนทั้งสองอย่างนั่นแหละ” ทวิภาคตอบเพื่อนเพราะเขาจะสานต่องานของตาด้วยท่านแก่แล้ว มีแค่เขากับลักษิกาญาติผู้น้องเท่านั้นที่จะสานต่องานของตาหากน้องสาวทำต่อก็ดีสิ เพราะเขายังมีงานบริษัทของพ่อแม้ไม่เหนื่อยกายเป็นงานที่ใช้สมองส่วนงานของตาต้องใช้แรง แต่เขาทิ้งตาไม่ได้
“มึงไหวเหรอวะ”
“เพื่อตากู ไหวอยู่แล้ว สำหรับพ่อกูทำเพื่อไม่ให้สองแม่ลูกนั่นมาชุบมือเปิบเท่านั้น” พูดถึงสองแม่ลูกนั่นแล้วทวิภาคก็อารมณ์เสีย “ไอ้น้ำยังไม่โทรมาอีกเหรอวะ” ชายหนุ่มก็อยากรู้ว่าไอ้ลูกหมานั่นมันเจ็บขนาดไหน
“ยังเลยว่ะ มันไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้ง แต่กูว่างานนี้มันเอาเรื่องมึงแน่” ดิษย์ก็พอจะมองอกว่ากิติภพนั้นเขม่นทวิภาคมักจะพูดแซะแขวะบ่อยๆดีว่าเพื่อนเขาไม่ถือแต่ครั้งนี้มันหงุดหงิดพอดีเจอกิติภพแขวะก็ซัดซะจนน่วม
“ก็ปล่อยมัน อยากได้ยังไงกูจะจัดให้”
“มึงใจเย็นๆนะทัพพ์ งั้นกูกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้กูจะมาหามึงนะ” ดิษย์บอกเพื่อนแล้วหยิบหมวกกันน็อคมาสวม
“เออ, ขอบใจมากนะไอ้ดิษย์..” สองหนุ่มยกกำปั้นชนกันก่อนดิษย์จะขี่บิ๊กไบค์ออกไปจากฟาร์มเพื่อกลับบ้านของเขาที่อยู่ในอำเภอมวกเหล็กที่บ้านของดิษย์ทำธุรกิจหลายอย่างทั้งฟาร์มโคนม รีสอร์ท ซื้อขายที่ดินมีฐานะร่ำรวยและจะไปเรียนต่ออเมริกาพร้อมกับทวิภาค
ทวิภาคสวมหมวกกันน็อคแล้วขี่บิ๊กไบค์คันโปรดกลับบ้านหลังใหญ่กลางฟาร์มที่เขามีความทรงจำกับแม่และตามากมายแม้เขาจะไปเรียนที่กรุงเทพแต่ก็กลับมาช่วยงานตาแต่ระยะหลังนี้เขาเรียนหนักจึงไม่ค่อยได้กลับแต่คุยเรื่องงานกับตาทางโทรศัพท์เกือบทุกวัน ก่อนจอดรถข้างมอเตอร์ไซค์คันเล็กที่เขาจำได้ว่าเป็นของอัยยาหลานสาวของตาสิงหาเพื่อนตากำนันของเขา
“อ้าวคุณทัพพ์ มาได้ยังไงจ้ะ แล้วตากำนันท่านรู้หรือเปล่าว่าคุณทัพพ์มา” ตุ๋ยเมียของมานพผู้จัดการไร่ของกำนันถามหลานชายเจ้านายที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
“ผมไม่ได้บอกตาครับพี่ตุ๋ย แล้วตาอยู่หรือเปล่า” ทวิภาคถามหาตาที่จริงเขาต้องการไปพักผ่อนสมองที่รีสอร์ทของชนาทิปหลังสอบเสร็จแล้วถึงจะกลับบ้านแต่เกิดเรื่องก่อน
“ตากำนันเข้าไปในฟาร์มจ้ะ มีแต่น้องใบพลูทำงานอยู่ในห้องตากำนันจ้ะ”
“ขอบคุณครับพี่ตุ๋ย ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ.” ทวิภาคพูดจบก็เดินขึ้นบ้านแล้วแอบแวะไปดูที่ห้องทำงานของตาว่าใบพลูยังทำงานอยู่หรือเปล่าแต่สิ่งที่เห็นคืองานกำลังดูคนนอนอยู่เขาจึงเดินขึ้นห้องเพื่ออาบน้ำแล้วค่อยลงมาหาอะไรกินเพราะมัวแต่โมโหจนลืมกินข้าว
เวลา 5.20น.
กำนันเทิดเห็นบิ๊กไบค์ของหลายชายจอดอยู่กับมอเตอร์ไซค์คันเล็กของอัยยาจึงเดินเข้าบ้านก็เห็นหลานชายนั่งดื่มที่ระเบียง
“สวัสดีครับตา” ทวิภาคลุกขึ้นยกมือไหว้ตาและกอดท่านเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“สวัสดีเจ้าทัพพ์ จะกลับบ้านทำไมไม่บอกตาแล้วเป็นอะไรทำไมมานั่งดื่มแต่หัววันแบบบนี้ล่ะ” กำนันเทิดถามหลานชายก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตรงข้าม
“พอดีผมสอบเสร็จแล้วก็เลยไปกินเลี้ยงกันที่เขาใหญ่แต่เกิดเรื่องก่อนผมเลยกลับบ้าน”
“ใคร, แล้วมีเรื่องอะไร” กำนันเทิดหรี่ตามองหลานชายอย่างจับผิดหากทวิภาคพูดแบบนี้แสดงว่าไปมีเรื่องมาแน่ๆ
“ผมเองครับตา พอดีเพื่อนมันพูดกวนโอ้ย ผมหมั่นไส้ก็เลยซัดไปหมัดสองหมัดน่ะครับ” ชายหนุ่มยอมรับกับตาแต่เขาไม่ไหวจริงๆกิติภพพูดแขวะโน่นนี่นั่นมาตลอดและครั้งนี้มันสุดทนเขาจึงจัดให้
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ.”
“ตาไม่ได้ถามแก ตาถามถึงคนที่แกซัดเขาน่ะถึงกับหยอดน้ำข้าวต้มมั้ย เขาแจ้งความหรือเปล่าล่ะ” กำนันพูดดักทางหลานชายอย่างรู้ทันเพราะท่านกับลูกสาวเทียวเข้าห้องผู้ปกครองจนสนิทกัน แต่ไม่มีใครกล้าไล่หลานชายท่านออกและยังช่วยเคลียกับผู้ปกครองคนอื่นให้อีก และหลานชายท่านก็ไม่ได้ผิดทุกครั้งส่วนมากก็ช่วยเพื่อนช่วงมอสามถึงดีขึ้น
“ผมให้ไอ้น้ำพาส่งโรงพยาบาลครับก็แค่ปากแตก ตาเขียว ช้ำในเท่านั้นครับ.” ทวิภาคบอกตาตามที่เพื่อนบอกเขา
“ป๊าบบ..”
“โอ้ยย..” ทวิภาคร้องเสียงดังเมื่อตาเล่นทีเผลอตบกระบาลเขา
“หนอยแน่ะ ไม่เป็นอะไรมากของแกนี่ขนาดนอนโรงพยาบาลเลยนะเจ้าทัพพ์ แล้วพ่อแกรู้หรือยังล่ะ” กำนันเทิดถามหลานชายที่ยังมานั่งดื่มอย่างสบายอารมณ์อีก
“ยังครับแต่พรุ่งนี้น่าจะรู้ ถ้าไอ้บิ๊กมันเอาเรื่อง”
“บิ๊กเองเหรอ” กำนันเทิดก็รู้จักเพื่อนหลานชายทุกคนเพราะมาค้างที่ฟาร์มกันบ่อยๆส่วนบิ๊กเพิ่งรู้จักไม่นานท่าทางหลุกหลิกไม่น่าคบเท่าไหร่หน่อยแต่ท่านไม่ถือเพราะเห็นเป็นเพื่อนหลานชาย
“ครับตา ว่าแต่ตาไปทำอะไรมาครับ ไหนว่ายังไม่ได้ตรวจบัญชีไงแล้วยังออกไปตะลอนอีก” หลานชายถามตาเขาอุตส่าห์จัดระบบงานให้เข้าที่แล้วเพื่อตาจะได้ไม่เหนื่อยแต่ท่านก็ยังไม่หยุดที่จะออกไปตรวจงานในฟาร์ม
“เอ่อ,จริงสิ ออน ออนเอ้ยอยู่ไหนมาหาตาหน่อยสิ” กำนันเทิดเรียกอิงอรลูกสาวของมานพผู้จัดการฟาร์ม
“จ๋าตากำนัน.”
“พี่ใบพลูของเรายังทำงานไม่เร็จอีกเหรอ”
“ยังมั้งจ้ะตากำนัน พี่ใบพลูอยู่ในห้องทำงานของตากำนันจ้ะ ออนเห็นพี่ใบพลูหลับอยู่เลยไม่กล้าปลุก” ออนตอบตากำนันเพราะเห็นพี่ใบพูลนอนหลับจึงไม่กล้ากวน
“งั้นไปดูอีกทีสิว่าพี่ใบพลูตื่นหรือยัง..”
“จ้ะตากำนัน” ออนพูดจบก็เข้าไปในบ้านเพื่อดูว่าพี่ใบพลูของเธอตื่นหรือยัง
“ตาให้ใบพลูมาช่วยงานเหรอครับ” ทัพพ์รู้อยู่แล้วว่าถ้าเขากับน้องสาวไม่อยู่ถ้าอัยยาว่างตาก็จะเรียกมาช่วยงานและให้ค่าขนมเป็นประจำบางทีก็ให้เข้าไปดูงานในฟาร์มด้วยเพราะหญิงสาวเรียนเกษตรเพื่อจะมาพัฒนาไร่ผลไม้ของตาสิงหาตอนนี้ผลไม้ในสวนของตาสิงห์ก็ออกนอกฤดูทำให้คนงานมีงานทำกันทั้งปีมีผลผลิตได้มากกว่าเมื่อก่อนและตอนนี้กำลังจะจัดส่งเองก็ถือว่าเก่งใช้ได้ทั้งที่เรียนยังไม่จบ
“ใช่ลูก ก็ทัพพ์กับยัยลักษ์ไม่กลับมาสักคน คอยดูนะถ้าไม่มีใครมาสานงานในฟาร์มตาจะยกให้ใบพลู” กำนันเทิดขู่หลานชาย
“ก็ดีสิครับตา ใบพลูเรียนเกษตรมาด้วย คงจะช่วยตาพัฒนาฟาร์มไปได้อีกไกลเลยครับ” ทัพพ์ไม่หวงแถมยังยุส่งอีกทำเอากำนันเทิดอึ้งไปอีก “ที่ผมพูดเพราะผมเป็นห่วงตาจะทำงานหนักนะครับ ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้กลับบ้านแล้วอีกไม่กี่เดือนผมก็จะไปเรียนต่อ หากใบพลูมาช่วยงานตาด็ดีสิครับ ผมจะได้หมดห่วงผมไว้ใจใบพลูครับ” เขารู้จักอัยยามาตั้งแต่เด็กและสนิทกันแต่มาห่างกันตอนเรียนมัธยมปลายเพราะเขาไปเรียนต่อที่กรุงเทพจึงทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันจะคลาดกันตลอดไม่เหมือนลักษิกาที่เป็นเพื่อนรักกันจะนัดเจอกันตลอด และเขายังสนิทกับอาชาน้องชายของอัยยาด้วยแต่ก็ห่างกันตอนนี้อาชาไปเรียนที่นครพนมเพราะพ่อไปเป็นผู้ว่าราชการอยู่ที่นั่น
“ทัพพ์คิดเหมือนตา ใบพลูเป็นเด็กฉลาดชอบเรียนรู้ กลับมาบ้านทีไรก็จะมาแนะนำตากับนายใหญ่นายด้วงตลอด นี่ก็บอกว่าจะให้ลองปลูกหญ้าแพงโกล่าในที่ลุ่มเพราะมันทนน้ำได้ ตาก็เห็นด้วยนะทัพพ์จะว่ายังไงลูก” กำนันเทิดถามหลานชายเรื่องที่อัยยามาแนะนำท่านเพราะท่านก็ปลูกหญ้าเนเปียร์ หญ้ากินนี ถั่วฮามาต้าข้าวโพด มันสัมปะหลัง ปลูกข้าวเก็บฟางข้าวไว้เลี้ยงโคนมและอาหารก็พอเพียงกับความต้องการของโคนมในฟาร์ม
“ก็ต้องเชื่อเด็กเกษตรสิครับตาเดี๋ยวผมจะหาข้อมูลให้ครับ.”
“แล้วจะมาอยู่บ้านได้กี่วันล่ะ”
“น่าจะอาทิตย์หนึ่งครับตา”
“ก็ดีลูก พรุ่งนี้ไปทำบุญให้แม่ตาด้วยกันนะลูก”
“ครับตา” ทวิภาคตอบตาแล้วมองไปในฟาร์มที่แม่เขาคอยดูแลงานให้ตาจนกระทั่งท่านไม่สบายแล้วจากเขาไปตลอดกาลแต่ท่านก็อยู่ในใจเขาตลอดไป
“ไอ้ออนมันหายไปนานเลยนะ เดี๋ยวตาไปดูเองละกัน..”
“ผมไปด้วยครับ” ทชายหนุ่มบอกตาแล้วลุกขึ้นเขาไม่แน่ใจว่าตัวเองไม่เจออัยยามาเป็นปีหรือสองปีสามปีก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
สองตาหลานเดินเข้าไปในบ้านก็เห็นอิงอรยืนอยู่หน้าห้องเกาศรีษะหยิกๆเหมือนกำลังช่างใจอยู่ว่าจะเข้าไปดีหรือไม่
“อุ้ย ตากำนัน”
“ออนไปช่วยแม่เถอะตาไปดูเอง”
“จ้ะตากำนัน”
ท่านกำนันเปิดประตูห้องเข้าไปเบาๆตามองไปที่โต้ะทำงานที่มีกระดาษเอสี่วางเป็นกองเรียบร้อยส่วนคนทำก็ฟุบหลับคาโต้ะ ก่อนจะยิ้มแล้วหยิบเอกสารมาดูพร้อมกับหลานชาย
“แยกแยะออกมาแบบนี้ตาก็ดูง่ายดีนะ เดี๋ยวต้องให้ใบพลูไปสอนที่ออฟฟิตหน่อยแล้ว” กำนันมองรายละเอียดการเบิกซื้อของและใบเสร็จที่เรียงกันเป็นระเบียบและรายจ่ายแต่ละวันค่าอาหารของคนงานและหลายๆอย่างจิปาถะ รายรับจากการขายน้ำนมดิบของแต่ละคอกในทุกๆวัน
“ที่จริงเราต้องรับพนักงานบัญชีที่เขาจบมาโดยตรงจะดีกว่านะครับตา งานในออฟฟิตผมอยากให้เป็นระเบียบมากกว่านี้ ไม่ใช่ว่าคนงานเขาทำไม่ดีนะครับ พวกเขาไม่เข้าใจระบบงาน.”
“แล้วจะให้พวกเขาไปทำอะไรล่ะ เขาอยู่กับเรามานานแล้วนะลูก” ที่กำนันไม่พูดเพราะแต่ละคนก็ทำงานมาด้วยกันนานแล้วจะให้ไปทำตำแหน่งอื่นมันก็กระไรอยู่
“งั้นผมจะให้คนที่บริษัทของพ่อมาดูแลเรื่องบัญชีให้ตานะครับ แต่ช่วงระยะหนึ่งเพื่อให้คนของตาเข้าใจระบบงานหากใครไม่สนใจไม่ผ่านเกณฑ์เราก็ย้ายเขาไปทำหน้าที่อื่นดีมั้ยครับ” ชายหนุ่มเสนอตาเพราะเขาต้องจัดการเรื่องฟาร์มให้เสร็จก่อนเขาจะไปเรียนต่อ
“ก็ได้ลูก ”
“อืมม.ตาจ๋าพลูขออีกห้านาทีจ้ะ” อัยยายกมือขึ้นบอกตาที่คุยกันเสียงดังก่อนเธอก่อนจะนึกได้ “เอ้ะ ไม่ใช่นี่ตาสิงห์ไม่อยู่เรามาช่วยงานตากำนันนี่นา..” ร่างเพรียวบางเด้งตัวขึ้นเงยหน้ามองไปทางเสียงคุยกันแล้วเบิกตาโตเห็นตากำนันยิ้มขำเธอ ส่วนอีกคนที่เธอไม่เห็นเขามานานปีแต่ยังจำได้เพราะหน้าเขาไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ยังหล่อเหมือนเดิมแต่รูปร่างสูงใหญ่กล้ามอกกล้ามแขนเป็นมัดๆทำให้อัยยายิ้มแหยๆให้สองตาหลานที่อมยิ้มขำเธอ
“ตากำนันทำไมไม่ปลุกพลูล่ะคะ”อัยยาเสยผมยาวไปด้านหลังและรวบไว้เอาปากกาเสียบและเก็บเอกสารที่วางไว้มาเข้าแฟ้มและขียนติดหน้าแฟ้มทุกเล่มว่าเล่มไหนเป็นรายรับรายจ่ายในฟาร์ม
“ตาเห็นใบพลูกำลังหลับสบายก็เลยไม่ปลุกน่ะ งานเสร็จแล้วเหรอลูก.”
“ค่ะตากำนัน พลูแยกแฟ้มไว้ให้หมดแล้วค่ะ ตรงที่มีปากกแดงมาร์คไว้พลูแก้ให้แล้วนะคะ” อัยยาพูดไปก็หยิบจับงานอย่างคล่องแคล่ว
“สวัสดีใบพลู ไม่เจอกันตั้งนานจะไม่ทักกันหน่อยเหรอ” ทวิภาคมองหญิงสาวตรงหน้าอัยยาดูโตขึ้นใบหน้าที่เคยกลมก็เรียวขึ้นร่างกายอวบอิ่มก็ดูผอมลง
“สวัสดีค่ะคุณทัพพ์” อัยยายกมือไหว้หลานชายลุงกำนัน
“เย็นนี้กินข้าวกับตาแล้วค่อยกลับนะใบพลู”
“พลูขอตัวนะคะตากำนัน พอดีพลูนัดเพื่อนไว้ค่ะ เขาจะมาเอามะม่วงตอนหกโมง อุ้ย จะหกโมงแล้วเหรอ พลูต้องไปแล้วค่ะตากำนัน พรุ่งนี้พลูจะมาใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ.” อัยยามองดูนาฬิกาแล้วก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วยกมือไหว้ตากำนันและหลานชายก่อนจะวิ่งปรู้ดออกไปจากห้องทำงานเพราะนัดเพื่อนไว้ “ตายแน่ๆ ไม่น่าหลับเลยนะนังพลู มะม่วงยังไม่ได้คัดเลย ตายๆๆ..” เสียงหวานบ่นไปขณะเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันเล็กของเธอและคิดว่าพี่สนคงจัดการอยู่ก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันเล้กของเธอ
“แชะ แช้ะๆๆ แช้ะๆๆ..”
“อ้าว ลูกจ๋าอย่าแกล้งแม่สิ ติดเถอะลูกรัก ฮือ.” ใบพลูครางเบาเมื่อมอเตอร์ไซค์ของเธอไม่มีวี่แววว่าจะติด
“รถไม่ติดเหรอคะพี่ใบพลู” อิงอรออกมาดูพี่สาวคนสวยที่มองรถตาละห้อย
“ใช่จ้ะออน เออจริงสิพี่ยืมจักรยานออนปั่นกลับบ้านได้มั้ย” ใบพลูถามออน
“แม่เพิ่งปั่นไปเอาข้าวไปให้พ่อในฟาร์มค่ะ พี่แม้วก็ไม่อยู่ซะด้วย งั้นออนไปบอกตากำนันไปส่งพี่ใบพลูดีกว่าค่ะ..”
“ไม่ต้องหรอกออน เดี๋ยวพี่เดินไปก็ได้เผื่อเจอคนงานจะได้อาศัยเขาไป ไม่ต้องไปบรบกวนตากำนันหรอก ให้ท่านคุยกับหลานชายไปเถอะจ้ะ” อัยยาหน้าม่อยแล้วลงจากมอเตอร์ไซค์เดินออกไปจากบ้านตากำนันและคิดว่าต้องถูกเพื่อนรุ่นพี่ว่าแน่
"รถใบพลูไม่ติดล่ะสิ ไปดูให้น้องหน่อสิเจ้าทัพพ์..." กำนันเทิดบอกหลานชายหลังจากอัยยาวิ่งปรู้ดออกไปแล้วท่านกับทวิภาคก็เดินตามออกมานั่งที่ระเบียงดู
"ครับตา...."