1คนที่ไม่มีใครต้องการ
:คนที่ไม่มีใครต้องการ
20ปีก่อน
"คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงคุณก้องเกียรติทำได้ยังไง!!!" หญิงสาววัยกลางคนแผดร้องสุดเสียงมองชายที่ตนรักนักหนาอย่างเจ็บปวด
"ผมจะไม่ขอโทษคุณนะทัศนีเพราะคุณก็รู้ดีว่าเพราะอะไร" ชายที่ขึ้นสถานะว่าสามีมองภรรยาตีทะเบียนอย่างเธอด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย
"ใช่สิ!ฉันจะพูดอะไรได้...เมียที่นอนกอดทะเบียนสมรสอย่างฉันจะทำอะไรได้…” ทัศนียังคงประชดประชันเธอรู้แก่ใจดีว่าการแต่งงานระหว่างเราทั้งสองมันไม่ได้เริ่มต้นจากความรัก
คงมีแต่เธอที่ทั้งรักทั้งเทิดทูนสามี
"ตาต้นจะอยู่กับผมที่นี่" ทัศนีมองก้องเกียรติที่ดึงตัวเด็กชายวัยประถมเข้าไปโอบกอด
"ไม่มีทาง! ลูกมาได้อีกไม่นานคุณก็ต้องพาแม่มันมาร้ายนักนะนังอัปสร" ทัศนีเคียจแค้นมองเด็กน้อยที่ถอดแบบมารหัวใจของเธอมาทุกกระเบียด
"อย่าเรียกแม่ผมแบบนั้นนะ" เด็กน้อยโต้แย้งด้วยท่าทางอวดดียิ่งเพิ่มทวีความเกลียดชังให้ทัศนีเข้าไปใหญ่
"ทำไมฉันจะเรียกไม่ได้แม่แกมันแย่งผัวฉันแกมันก็ลูกเมียน้อย!"
"หยุดนะทัศนี!” ก้องเกียรติตวาดภรรยา
หญิงสาวหน้าชาไปไม่เป็นน้อยใจที่สามีเห็นเด็กกาฝากนั้นดีกว่าแต่ก็ต้องฝืนเป็นคนเก่งแสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร
"ฉันไม่หยุด!ฉันพูดความจริง!"
"งั้นพรุ่งนี้ก็เตรียมตัวเซ็นใบหย่า"
"ฉันไม่เซ็น! ฉันไม่ยอมหย่ากับคุณเด็ดขาดฉันไม่ยอมให้นังอัปสรเข้ามานั่งชูคอในบ้านฉัน นอนเตียงฉันแล้วก็เรียกคุณว่าผัวอย่างเต็มปากหรอกนะ!"
“นี่มันบ้านผมทัศนี… ถ้าไม่อยากไปจากที่นี่ก็เลิกบ้าซะทีตราบใดที่คุณยังผลาญเงินในบัญชีผมไปกับกระเป๋าแบรนด์เนมและเครื่องเพชรพวกนั้นคุณต้องฟังผม ตาต้นจะอยู่กับเราที่นี่ในฐานะลูกชายคนเดียวของเรา”
“ฝันไปเถอะค่ะ” ทัศนีลุกหนี
“เดี๋ยวก่อนผมยังพูดไม่จบ คุณต้องรับตาต้นเป็นบุตรบุญธรรม”
"ฉันไม่เซ็น! ไม่มีทาง!"
เธอต้องเป็นบ้าแน่ๆ ถ้ายอมให้ลูกชู้มาเป็นลูกตัวเองแม้แต่หน้ามันเธอก็ไม่อยากจะมองหายใจร่วมกันเธอก็รังเกียจ
"คุณต้องเซ็น" ก้องเกียรติย้ำ
"ไม่!"
"ฟังนะทัศนี...อัปสรตายแล้ว...เห็นแก่ผมและสงสารเด็กตาดำๆรับตาต้นเป็นลูกบุญธรรมซะ คุณเองก็มีลูกไม่ได้ถือซะว่าตาต้นเป็นลูกชายของคุณก็แล้วกัน" ทัศนีเจ็บปวดกับถ้อยคำหว่านล้อมของสามี
เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเธอมีลูกไม่ได้เพราะอะไร ไม่ใช่เพราะแม่ของเด็กคนนี้หรอกเหรอที่ทำให้เธอต้องสูญเสียทุกอย่าง
"อะไรๆมันก็ดูง่ายไปหมดเลยนะสำหรับคุณ...คิดถึงใจฉันบ้าง ฉันจะต้องเสียสละอีกสักเท่าไหร่เพื่อให้คนที่คุณรักอยู่เชิดหน้าชูตาสุขสบายจนมันมาย่ำยีศักดิ์ศรีและหัวใจฉัน" ทัศนีน้ำตารื้น
"....." ก้องเกียรติถอนหายใจยาว
"แม่มันตายก็สมควรแล้วคนชั่วๆแบบนั้นทำไมฉันต้องสงสารลูกมันด้วยล่ะ!"
"ทัศนี!....ที่คุณกำลังพูดถึงนี่คือลูกชายผมนะ!" ก้องเกียรติไม่พอใจ "อย่าบีบให้ผมต้องเลือกระหว่างคุณกับตาต้น...ไม่ต้องบอกคุณก็น่าจะรู้คำตอบดี"
ทัศนีร้องไห้ออกมา… สะอึกสะอื้นราวกับว่าสูญเสียแล้วทุกอย่างเธอแพ้แม้กระทั่งคนที่ตายไปแล้วไม่ว่าจะทำดีแค่ไหนสุดท้ายสามีก็ไม่เคยรักเธอ
ทัศนีลืมตาตื่นพร้อมน้ำตาที่อาบแก้มทำไมเธอถึงฝันถึงเรื่องเมื่อยี่สิบปีก่อนได้นะ
ต้องเป็นลางร้าย
การฝันเห็นลูกชายนอกสายเลือดไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ หญิงวัยสี่สิบปลายๆรีบลุกขึ้นจากเตียงเป็นจังหวะเดียวกับที่คนสนิทเปิดประตูเข้ามา เธอมองพี่อิ่มคนรับใช้คนสนิทที่อยู่กับเธอมาตั้งแต่แต่งงานเป็นทั้งคนดูแล เป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นทุกอย่างที่ช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลาที่ทุกข์ทรมานมาได้
“คุณผู้หญิงร้องไห้ทำไมคะ”
“ฉันฝันร้ายนะพี่อิ่มฝันถึงนังอัปสรผ่านมาหลายปีแล้วมันยังตามมาหลอกหลอนฉันอยู่นั่น”
“โถ…คุณผู้หญิง” นางอิ่มสงสารผู้เป็นนายจับใจดูแลเจ้านายมานานเห็นทุกช่วงเวลาจนผูกพันธ์ไม่ต่างจากครอบครัว ปีหน้าตัวเธอก็จะหกสิบสังขารร่วงโรยคงอยู่ดูแลเจ้านายได้อีกไม่นานนึกกังวลว่าถ้าไม่มีเธอแล้วคุณผู้หญิงจะเคว้งคว้างแค่ไหน "เธอก็ไปชดใช้กรรมในนรกแล้วไงคะอย่าคิดถึงเรื่องนี้เลยค่ะอิ่มว่าคุณผู้หญิงไปรับอาหารเช้าดีกว่า"
"คุณก้องล่ะ?" ทัศนีถามหาสามี
“เด็กบอกว่ากลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ”
สามีเธอเป็นนักการเมืองที่เคยมีตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีแต่ตอนนี้เป็นฝ่ายค้านเก่งเรื่องดูแลพี่น้องประชาชนแต่ไม่เคยจะดูแลทุกข์สุขของคนในบ้านวันๆในหัวมีแต่เรื่องงานต้องบินไปกรุงเทพเพื่อประชุมสภาเวลาส่วนที่ว่างก็ยังต้องออกงานการกุศล งานสังคม งานมงคล อวมงคลของพี่น้องประชาชนในพื้นที่
สำหรับสามีตัวเธอคือคนที่เขานึกถึงเป็นคนสุดท้าย
“อีกสักพักคงตื่นให้เด็กเตรียมตั้งโต๊ะของคุณก้องได้เลยนะ”
"ได้ค่ะ" นางอิ่มลุกออกไป
ทัศนีทำธุระส่วนตัวเช็คความเรียบร้อยในกระจกก่อนออกจากห้อง เดินตรงไปยังห้องนอนรับรองแขกค่อยๆเปิดประตูอย่างเบามือ นี่คือข้อยืนยันว่าเธอคือคนที่เขานึกถึงเป็นคนสุดท้ายแต่งงานกันมายี่สิบสามปีได้ร่วมเรียงเคียงหมอนนอนเตียงเดียวกันอยู่แค่สองปีเท่านั้น
หลังจากเธอจับได้ว่าเขาแอบไปมีเมียน้อยทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไป เธอพบความจริงที่สุดแสนเจ็บปวดจากปากสามีว่าผู้หญิงคนนั้นคือรักแรกและรักเดียวของเขา เธอต่างหากที่มาทีหลังเขาฝืนใจแต่งงานเพราะมันเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ถ้าให้เขาทำตามใจได้ภรรยาของเขาจะชื่ออัปสรไม่ใช่ทัศนี
หน้าชา…
เธอรู้สึกเสียหน้าเมื่อถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีความอิจฉาริษยาหรือความหึงหวงก็สุดจะรู้ได้แต่มันเป็นพลังให้เธอบุกไปอาละวาดทวงสามีคืนมาจากนังนั่น ครั้งนึงเราทั้งคู่มีปากเสียงกันมีการฉุดกระชากใช้กำลังและนั่น…ทำให้เธอเพี้ยงพล้ำถูกอัปสรผลักลงไปกลางถนนเธอถูกรถชนอาการสาหัส
ทัศนีตื่นมาพบกับความสูญเสียข้อแรกเธอเสียสามีให้คนอื่น ข้อสองเธอเสียลูกในท้องโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่ากำลังจะได้เป็นแม่คนข้อสุดท้ายเธอเสียอวัยวะสำคัญที่ทำให้ไม่สามารถมีลูกได้อีก ความน้อยเนื้อต่ำใจทำให้เธอเอ่ยปากขอแยกห้องนอนทันทีที่กลับมาพักฟื้นที่บ้านพูดไปด้วยอารมณ์แต่ใจก็แอบหวังลึกๆว่าสามีจะมาง้อหรือเอ่ยคำขอโทษเธอสักครั้ง
แต่มันก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยตราบจนทุกวันนี้
ทัศนีระมัดระวังในการเดินผ่านเตียงที่สามียังคงนอนหลับค่อยๆเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่เขาต้องใส่สำหรับวันนี้ออกมาแขวนที่หน้าตู้แล้วก็เดินออกจากห้องไปแม้ปากและการกระทำมันจะเหมือนเกลียดแต่ใจเธอรผุ้ดีว่าที่ทนอยู่ในสภาพนี้เพราะความรัก
โต๊ะทานข้าว
ทัศนีจัดแจงดูแลความเรียบร้อยคอยให้คุณก้องลงมาทานอาหารเช้าพร้อมกัน
"สวัสดีครับแม่ใหญ่"
เสียงเด็กหนุ่มที่ไม่ค่อยจะคุ้นเคยทำเอาทัศนีหันไปมองนึกแปลกใจเมื่อเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อยู่ตรงหน้าแต่เพราะคำว่า 'แม่ใหญ่' ทัศนีก็ท่าทีเปลี่ยนไปในทันที จ้องลูกเลี้ยงที่โตเป็นหนุ่มเต็มวัยแม้จะดูหล่อเหลาแต่หน้าตามันดันคล้ายกับแม่มันไม่มีผิด
ยิ่งเห็นหน้าเธอก็ยิ่งหงุดหงิด
"แกกลับมาทำไม!"
ตั้งแต่เธอยอมเซ็นรับเด็กกาฝากนี่เป็นลูกบุญธรรมคุณก้องก็ส่งมันไปเรียนเมืองนอกได้เจอกันแค่ปีละครั้งแต่พอมันเข้ามหาลัยก็ไม่เจอกันอีกเลย…
นาน…
จนทัศนีคิดว่ามันจะไม่กลับมา
"ช่างเป็นคำต้อนรับลูกชายที่น่าฟังมากครับแม่ใหญ่" อนภัทรยิ้มบางๆอย่างไม่รู้สากับคำพูดที่อีกฝ่ายเขาชินชากับความเกลียดชังที่ได้รับมาเป็นมรดกตกทอดต่อจากมารดาและรู้ว่าจะรับมือกับผู้หญิงวัยทองอย่างทัศนีแบบไหน
"ฉันไม่มีลูก...โดยเฉพาะแกฉันยิ่งไม่ต้องการกลับมาทำไมยะ ทำไมไม่ตายอยู่ที่อังกฤษ"
"แหม...ผมก็อกตัญญูแย่สิครับผมไม่ตายง่ายๆหรอกครับยังไงก็ต้องให้เกียรติแม่ใหญ่ตายก่อน...อย่านานนะครับผมไม่ชอบรอ" อนภัทรยิ้มกวน
"ไอ้ต้น!...แกไอ้เด็กเหลือขอ...แก!"
"อ๊ะๆ...ระวังเส้นเลือดในสมองจะแตกเอานะครับ อย่าโมโหๆ" อนภัทรส่งยิ้มยียวนกลับไปให้อีกครั้งยิ่งทำให้ทัศนีโกรธจนตัวสั่นอยากจะหยิบฉวยอะไรใกล้มือคว้างใส่
"นี่มันบ้านฉันไสหัวไปเรือนขาวเลยไป...ที่ซุกหัวนอนแกอยู่นั่นฉันขี้เกียจให้เด็กมันต้มน้ำร้อนมาล้างเสนียดแกที่ติดบ้านฉัน"
"ไหนๆก็ต้องล้างอยู่แล้วงั้นผมก็ขอใช้สิทธิ์ให้เต็มที่หน่อยแล้วกันนะครับ" อนภัทรเดินมาเลื่อนเก้าอี้หัวโต๊ะ เขานั่งลงพร้อมกับตักข้าวต้มร้อนๆเข้าปากอย่างสบายใจ
"หยุดนะนั่นมันข้าวต้มของคุณก้องวางช้อนลงเดี๋ยวนี้"
ก้องเกียรติได้ยินเสียงทัศนีมาแต่ไกลไม่ต้องบอกเขาก็เดาได้ว่าอะไรเป็นสาเหตุ
เจ้าต้นคงกลับมาถึงแล้วสินะ
"โวยวายอะไรกัน" ก้องเกียรติปรามขณะเดินเข้ามาในห้องทานข้าว
"ถามลูกคุณเองแล้วกัน กลับมาถึงก็กวนประสาทฉันซะแล้ว" ทัศนีน้อยใจที่ถูกสามีตำหนิ
"สวัสดีครับคุณพ่อ" อนภัทรลุกขึ้นหันไปประนมมือไหว้ทำเอาทัศนีมองค้อนวงใหญ่ก่อนจะไประบายความหงุดหงิดกับข้าวต้มในชาม
"ไงไอ้แสบ!...มานี่ก่อนพ่อมีเรื่องจะคุยด้วย" ก้องเกียรติตบบ่าลูกชายก่อนจะเข้ามากอดคอพากันเดินออกไปที่ห้องทำงาน “ล็อคประตูด้วย” เขาบอกลูกชายก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟา "ไหนว่าจะมาเดือนหน้า”
"ขอโทษครับผมทำให้พ่อเป็นห่วง" ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ก้องเกียรติตบบ่าลูกชายเบาๆก่อนจะสวมกอดให้หายคิดถึง
ทุกครั้งที่มองหน้าลูกชายหัวใจของเขามันก็ปวดหนึบเมื่อคิดถึงคนรักลูกชายเขามีส่วนคล้ายอัปสรอยู่มากเขาอยากให้เธอได้เห็นว่าเจ้าต้นมันสมบูรณ์แบบแค่ไหน
"ไหนบอกว่าหัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะไม่กลับมา”
"เธอ…กลับมาไทยแล้วครับ" อนภัทรกำมือแน่นเมื่อนึกถึงแก้วกันยาผู้หญิงที่ทำให้เขาใช้เวลาอยู่ที่นั่นต่ออีกหลายปีหลังเรียนจบ
"พ่อรู้ว่าไม่ควรพูดแต่พ่อก็อยากจะเตือนสติแกอีกครั้ง อย่าเอาชีวิตเราไปผูกใจเจ็บกับใครเลยมันจะกลายเป็นบ่วงที่กักขังพันธนาการเราเอาไว้ เวรกรรมที่เขาทำยังไงก็ต้องชดใช้ไม่ชาติหนี้ก็ชาติหน้าปล่อยวางซะเถอะนะเรื่องมันผ่านมาหลายปีแล้ว" ก้องเกียรติพูดเตือนสติลูกชายอีกครั้งแม้รู้ดีว่าคำตอบที่ได้รับกลับมามันจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
"ตราบใดที่ผมยังตื่นมากลางดึกเพราะฝันถึงแต่เรื่องวันนั้นผมก็ไม่มีวันหยุดครับพ่อ คนพวกนั้นต้องชดใช้กับสิ่งที่ทำไว้กับแม่กับผม" อนภัทรยังยืนยันความตั้งใจเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ก้องเกียรติมองลูกด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่อาจทัดทานอะไรได้ คงต้องโทษตัวเขาที่ตอนนั้นไม่กล้าเอาลูกออกไปเสี่ยงในช่วงที่ตัวเขาเองกำลังหาเสียงเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าไม่รักอัปสร ไม่ใช่ว่าไม่อยากแก้แค้นแต่เขากรองทุกอย่างหลายชั้นจนเห็นผลเสียที่อาจตามมาเขาจำต้องปล่อยให้คนร้ายลอยหน้าลอยตาในสังคม
ผลมันเลยไปตกกับเจ้าต้นเต็มๆ
ยิ่งโตก็ยิ่งสะสมพลังงานความแค้นเฝ้าจับตาดูครอบครัวแสงสุริยาไม่ต่างจากฆาตรกรเฝ้าดูเหยื่อ
เขาน้อมรับอย่างเต็มใจ
ไม่ว่าสุดท้ายแล้วผลมันจะออกมาเป็นยังไงพ่ออย่างเขาจะกางแขนปกป้องและสนับสนุนลูกชายให้ถึงที่สุด