อาทิตย์ร้ายรัก | 1
ชีวิตนักศึกษาพยาบาลที่แสนจะยุ่ง เรียนอย่างหนักหน่วงอยู่แทบทุกวัน จนแทบจะไม่มีเวลาว่างส่วนตัวเลยสักนิด คงไม่มีใครเข้าใจว่ามันจะหนักหนาสาหัสอะไร หากไม่ได้ลองมาเรียนหรือมาลองสัมผัสดูเอง
ในแต่ละวันของนักศึกษาพยาบาลจะต้องตื่นขึ้นมาเรียนวิชาทฤษฎี ขึ้นวอร์ด ฝึกปฏิบัติตามรายวิชาต่าง ๆ ของคณะ ตั้งแต่เช้าตรู่เกือบทุกวัน ตื่นเช้าไม่พอตอนกลางคืนก็ยังไม่มีเวลาได้นอน ต้องปั่นงานกลุ่ม ปั่นเคสกรณีศึกษาที่ถาโถมกันเข้ามาในแต่ละวันไม่ขาดสาย จนทำให้รู้สึกเหนื่อยและท้อเอามาก ๆ
“มุกดา ๆๆ แกจะไม่ตื่นไปขึ้นวอร์ดหรือไงวันนี้!?” เสียงเพื่อนสนิทควบตำแหน่งรูมเมทตะโกนปลุกฉันให้ตื่นในตอนเช้าตรู่
เช้าตรู่ที่แสนสดใสที่ฉันต้องตื่นไปขึ้นวอร์ด!
“อือ ๆ เดี๋ยวฉันขอนอนต่ออีกสักห้านาทีนะ แกไปอาบน้ำก่อนเลย” ฉันบอก ‘ฝ้ายป่าน’ ด้วยน้ำเสียงอู้อี้ปนงัวเงียพลางดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงแล้วหลับตานอนต่อ
“เค ๆ” ฝ้ายป่านขานรับแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ที่ฉันรู้ก็เพราะว่าได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำเมื่อกี้นี้นั่นเอง
โรงพยาบาล YU
เวลา 07.20 น.
“กินอะไรอ่ะ?” ฝ้ายป่านหันมาถามฉัน เมื่อเราสองคนมาถึงโรงอาหารของโรงพยาบาลที่มาฝึกงาน
“โจ๊กดีไหม?”
“โจ๊กอีกแล้วเหรอ” ฝ้ายป่านบ่นพลางทำหน้ามุ่ย เพราะโจ๊กเป็นเมนูประจำที่เราทานแทบทุกวันที่ขึ้นวอร์ด
“ก็ไม่รู้จะกินอะไรอ่ะ”
“ฉันกินข้าวราดแกงดีกว่า” ว่าจบก็เดินมุ่งตรงไปยังร้านข้าวราดแกง ส่วนฉันก็มุ่งหน้าไปที่ร้านโจ๊กเจ้าประจำ
“เอาโจ๊กหมูค่ะ / เอาโจ๊กหมูครับ”
พอได้ยินเสียงที่ดังประสาน ฉันก็รีบหันไปมองหน้าคนที่สั่งโจ๊กหมูพร้อมกับฉันทันที
“ให้น้องนักศึกษาพยาบาลก่อนเลยครับ” พี่หมอสุดหล่อหน้าหวานยิ้มให้ฉันบาง ๆ ก่อนจะหันไปพูดบอกป้าแม่ค้าที่มองเราอย่างงงงวย
“เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ฉันโค้งหัวให้พี่หมอเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ”
“นี่จ้ะ”
ฉันรับโจ๊กมาจากแม่ค้าพร้อมส่งเงินไปให้ด้วย ก่อนจะเดินออกมา
“แกกินอะไรเหรอฝ้ายป่าน?” พอเดินมาถึงโต๊ะก็เอ่ยถามฝ้ายป่านที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือรอฉันไปซื้อข้าวอยู่
“ผัดถั่วงอกกับแกงเผ็ดหมูว่ะ”
“อ้อ”
“แกว่าเราโคตรโชคดีเลยว่าป่ะที่ได้อยู่วอร์ดเดียวกัน”
วันนี้เป็นวันขึ้นวอร์ดวันแรกหลังจากเปิดเทอมปี 3 ก่อนหน้านี้พวกฉันได้ไปฝึกในวิชาชุมชน ซึ่งถือว่าหนักหน่วงเอาการอยู่เหมือนกัน แต่ก็ผ่านมาแล้วอ่ะเนอะ แฮะ ๆ
“อือ ก็ดีอ่ะ”
“แกต้องแบกฉันนะเว้ย ห้ามเทฉันเด็ดขาด”
“ใครจะกล้าเทแกล่ะ ฉันก็ไม่ได้เป๊ะหัตถการอะไรสักอย่าง”
“เราต้องผ่านไปด้วยกันที่วอร์ดนี้!”
“แน่นอน!”
เราจับมือและตั้งปณิธานด้วยกัน ฉีกยิ้มตาปิดแล้วรีบทานข้าว เพราะหากลีลาคงได้ไปขึ้นฝึกช้า
“เฮ้อ เหนื่อยว่ะ!” ฝ้ายป่านนั่งลงข้างฉันที่กำลังนั่งจดข้อมูลของผู้ป่วยอยู่ตรงโต๊ะวางชาร์ตและเป็นโต๊ะสำหรับนั่งทำงานของพี่พยาบาล
“ไปทำ Bed bath ให้ผู้ป่วยมา เหนื่อยขนาดนี้เลย?” ฉันแกล้งแซวถามฝ้ายป่านเพราะเห็นสภาพของมันดูเหนื่อยเอามาก (*** Bed Bath = การอาบน้ำให้ผู้ป่วยบนเตียง)
“เหนื่อยสิ แกไม่เหนื่อยเหรอตอนทำอ่ะ?”
“ก็เหนื่อย ฮ่า ๆๆ”
ใคร ๆ ก็รู้ว่าการอาบน้ำเช็ดตัวให้ผู้ป่วยเป็นอะไรที่กินพลังงานมากถึงมากที่สุด ซึ่งฉันก็มักจะชอบหลีกเลี่ยงอยู่บ่อย ๆ หากไม่ใช่ผู้ป่วยเคสของตัวเอง เรียกง่าย ๆ คือประหยัดพลังงานหรืออู้นั่นแหละ
“ขอโทษนะครับ ขอชาร์ตผู้ป่วยเตียงสามหน่อย”
“ได้ค่ะ” ฉันรีบส่งชาร์ตผู้ป่วยของฉันที่ต้องดูแลและกำลังจดข้อมูลอยู่ยื่นไปให้พี่หมอที่เอ่ยปากขออย่างทันที
“เอ๊ะ!” แต่พอเห็นหน้าพี่หมอฉันก็ร้องอุทานออกมา เพราะพี่หมอคนนี้คือคนเดียวกับพี่หมอคนเมื่อเช้าที่สั่งโจ๊กพร้อมกับฉัน แถมยังเสียสละให้ฉันได้ก่อนอีกด้วย
“ขอบคุณครับ” พี่หมอยิ้มหวานให้ฉันบาง ๆ แล้วรับชาร์ตจากมือฉันไปถือไว้ “เจอกันอีกแล้วนะครับน้องนักศึกษาพยาบาล”
“อ้อค่ะ” ฉันยิ้มให้พี่หมอกลับคืนด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก็พี่หมอหล่ออ่ะ ใครจะไม่เขิน
“ได้ดูแลเคสนี้เหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าสงสัยหรือไม่เข้าใจเคสตรงไหนถามพี่ได้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันโค้งศีรษะให้เป็นการแสดงความขอบคุณ พี่หมอจึงยิ้มให้ฉันส่งท้ายก่อนจะเดินไปรวมกลุ่มกับนักศึกษาแพทย์คนอื่น ๆ
“หล่อจัง” ฝ้ายป่านรีบขยับมากระซิบพูดกับฉันหลังจากที่พี่หมอเดินจากไป
“อืม หล่อจริง ๆ”
“แกเปลี่ยนเคสกับฉันป่ะ” ถามพลางทำตาลุกวาวแสดงความต้องการอันแรงกล้า
“ไม่จ้า ฉันจดข้อมูลผู้ป่วยจะครบหมดแล้ว”
“โถ่ เสียดายอ่ะ ฉันน่าจะเลือกเคสนี้ก่อนแก!”
“แกพลาดเอง ฮ่า ๆๆ” ฉันหัวเราะเยาะให้ฝ้ายป่านด้วยความเอ็นดู ยิ่งเห็นหน้ามุ่ย ๆ ก็ยิ่งขำ
“ชิ!”
“ในที่สุด เย้ ๆ” ฝ้ายป่านร้องออกมาอย่างดีใจที่ได้ลงวอร์ดแล้ว
“เก็บอาการหน่อย พรุ่งนี้ก็ต้องขึ้นอีก”
“รู้แล้วจ้ะ อย่างน้อยวันนี้ก็ได้กลับไปนอนพักสักแป๊บ”
“แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาเขียน Care plan ต่อ” (*** Care plan = การวางแผนการพยาบาลที่จะให้การดูแลผู้ป่วยในแต่ละวัน)
“รู้แล้วน่า ขี้เกียจสุด ๆ”
“ทำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จ”
“จ้า ๆๆ”
“วันนี้ฉันไปทำ Care Plan ที่ร้านกาแฟนะ แกจะไปด้วยไหมหรือจะทำที่ห้อง”
“เซย์โนจ้า ขอทำที่ห้องละกัน”
“โอเค ๆ”
หลังจากที่ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบบึ่งรถมาที่ร้านกาแฟเพื่อนั่งทำงานทันที
คนอื่นอาจจะทำงานได้ดีหากอยู่ที่ห้องคนเดียวหรืออยู่กับคนอื่นแบบช่วยกันคิด แต่สำหรับฉันคือชอบมานั่งที่ร้านกาแฟแล้วทำงานแบบเพลิน ๆ เพราะมันทำให้ฉันทำงานได้ลื่นไหลมากกว่าการนั่งทำอยู่ที่ห้องเสียอีก นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันชอบมานั่งเขียนงานและทำงานอยู่ที่นี่เกือบจะทุกวัน
ฉันนั่งโฟกัสอยู่ที่หน้าจอโน้ตบุ๊ก กำลังจดจ่อกับการเขียน Care Plan อยู่ดี ๆ แต่อะไรไม่รู้ดลใจให้ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองชายรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
“อาทิตย์?” ชื่อของเขาหลุดออกมาจากปากทันทีที่ฉันเห็นใบหน้าของเขา และก็นึกแปลกใจไม่น้อยที่เจอเขาที่นี่
เขาไปเรียนต่ออยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?
ฉันได้แต่ตั้งคำถามอยู่ในใจ โดยที่สายตาก็ไม่อาจละไปจากผู้ชายคนนั้นได้เลยสักวินาทีเดียว
เพราะเขาคือผู้ชายที่ทำให้ฉันกล้าเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อหวังให้เขาหันมาสนใจ
ซึ่งเขาคือผู้เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ฉันเปลี่ยนแปลงตัวเองจากผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งสู่สาวร่างผอมบางมาจนถึงทุกวันนี้
นี่มันก็เกือบจะ 3 ปีแล้ว...
ที่ฉันไม่ได้เจอเขา