เกือบเลิกงาน จอมทัพยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา แล้วปิดแฟ้มเอกสาร ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลบริษัทแห่งหนึ่งทำให้เขาทำงานค่อนข้างหนัก
ทว่าหลังจากได้พบกับปภาวดีครั้งไปร่วมงานแต่งงานของลูกน้องในแผนก เขาเริ่มปรับวิถีการใช้ชีวิตของตนเองใหม่ ตื่นเช้า แต่นอนเร็วขึ้น จากที่เคร่งเครียดก็อารมณ์ดีและใจเย็นลง ทั้งหมดเป็นเพราะภรรยาแสนสวยของเขา หล่อนน่ารักและมองโลกในแง่ดีจนเขารู้สึกใจเย็นตามลงไป จนเดี๋ยวนี้ ลูกน้องต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเขากลายเป็นหนุ่มหล่ออารมณ์ดี เป็นคนใหม่ที่แทบทำให้พวกเขาลืมหนุ่มหล่อมาดเข้มที่ทำแต่งานและเข้มงวดจนลูกน้องแหยงไปหมดแล้ว
พอหมดเวลาทำงานร่างสูงก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ เขาตรงไปยังรถยนต์คันใหญ่ แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงทักจากคนรู้จัก
“คุณจอม”
จอมทัพชะงักพลางหันไปมองเสียงเรียกจากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าเป็นใครชายหนุ่มก็นิ่งอึ้งไปนิด ก่อนจะค่อยๆ ยิ้มให้ฝ่ายนั้น
“สวัสดีครับคุณเนตร ไปไหนมาหรือครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามสาวสวย อดีตคนเคยคบหากันชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนเจ้าหล่อนจะขอห่างกับเขา และห่างไปเลยจนกระทั่งเขาได้ยินว่าหล่อนแต่งงานไปกับคนอื่น ส่วนเขาก็เลิกคิดถึงหล่อนและได้พบกับปภาวดี
“เนตรมาทำธุระแถวนี้ค่ะ จอมสบายดีใช่ไหมคะ”
เนตรเอ่ยถาม ระหว่างนั้นก็กวาดสายตามองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม เขาหล่อขึ้นและดูดีขึ้นจนแทบจำไม่ได้ โดยเฉพาะแววตาที่มองมา สดใสและมีความสุขจนน่าประหลาดใจ
“สบายดีครับ คุณเนตรล่ะครับ สบายดีไหม” เขามองผู้หญิงตรงหน้าด้วยสายตาเป็นมิตรก็จริง ทว่าก็ว่างเปล่าราวกับคนไม่เคยชอบพอกันมาก่อน
“สบายดีค่ะ เนตรเพิ่งกลับมาเมืองไทยได้สองอาทิตย์กำลังจะกลับอเมริกาอาทิตย์หน้านี่เอง นี่ก็แวะมาทำธุระเสร็จพอดี กำลังจะกลับ แต่เห็นคุณเสียก่อนเลยเข้ามาทัก”
จอมทัพพยักหน้ายิ้ม เขายินดีหากหล่อนจะมีความสุขในชีวิต และนึกดีใจที่ไม่ได้ลงเอยไปกับผู้หญิงตรงหน้า เพราะหากเป็นเช่นนั้น เขายังไม่รู้ว่าชีวิตของตนจะเป็นเช่นไร แต่ที่แน่ๆ อาจจะต้องเคร่งเครียดมากยิ่งขึ้นสักสิบเท่า...
“ผมดีใจที่ได้พบคุณนะครับคุณเนตร ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพด้วย”
เนตรมองหนุ่มหล่อตรงหน้าแล้วผ่อนลมหายใจ ดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะบอกลาหล่อนกลายๆ ราวกับจะรีบไปไหนสักแห่ง
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่คุณจะรีบไปไหนหรือคะ ปกติกว่าจะกลับก็ปาเข้าไปหกโมงหรือดึกกว่านั้น”
จอมทัพยิ้มให้คนถามและกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า...
“ผมต้องรีบกลับไปรับภรรยาครับ เธอรอผมอยู่ที่บริษัท ขอตัวก่อนนะครับคุณเนตร และก็...ลาก่อนครับ”
เขายิ้มให้เนตรอีกเป็นครั้งสุดท้าย ขณะที่ฝ่ายนั้นอ้าปากค้าง และยังไม่ทันกล่าวอะไร ประตูรถของจอมทัพก็ปิดลง หญิงสาวถอยหลังเลี่ยง รอจนฝ่ายนั้นเคลื่อนตัวรถออกไปจนพ้นบริเวณนั้น หญิงสาวก็ต้องผ่อนลมหายใจเฮือก
หล่อนรู้แล้วว่าเหตุใดฝ่ายนั้นจึงดูมีความสุขเหลือเกิน แต่ในขณะที่จอมทัพกำลังมีความสุข หล่อนกลับกำลังมีความทุกข์เต็มขั้น...
วันหยุดสุดสัปดาห์... ปภาวดีกำลังเตรียมอบขนมให้กับน้องสาวตัวดีที่ออเดอร์มาทั้งเค้กกล้วยหอมและขนมปังไส้ลูกเกด
หญิงสาวเงยหน้ามองไปยังน้องสาวและกลุ่มเพื่อนที่กำลังนั่งสุมหัวทำโครงงานก่อนจบที่ระเบียงหน้าบ้านพลางอมยิ้ม ก่อนจะมองเลยไปยังห้องนั่งเล่นด้านในที่สามีกำลังนอนเอกเขนกดูหนังเพียงลำพังหลังจากถูกหล่อนไล่ให้ออกจากครัวเพราะเข้ามาเกะกะเสียมากกว่าจะช่วย...
ปภาพินท์เงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้าแล้วมองไปยังพี่สาว ก่อนจะยิ้มแล้วบอกเพื่อน
“ทำไปก่อนนะ เดี๋ยวไปดูขนมแป๊บ” ว่าแล้วแม่สาวร่างระหงก็ตรงไปยังในครัวทันที
“หอมจังค่ะ ใกล้เสร็จหรือยังคะพี่ปูน” สาวน้อยเข้าไปกอดเอวพี่สาวที่กำลังขะมักเขม้นอยู่หน้าเตาอบ ปภาวดีชะงักมือแล้วหันมายิ้มให้น้องสาวแวบหนึ่งก่อนหันกลับไป
“อีกสิบนาทีก็ได้กินแล้วจ้ะ”
“งั้นแป้งรอยกออกไปข้างนอกเลยแล้วกัน” สาวน้อยถอยออกมาที่เคาน์เตอร์กลางห้อง พลางกอดอกมองพี่สาวด้วยสายตาชื่นชม พลางคิดในใจว่าพี่สาวหล่อนสวยและเก่งที่สุดในโลก
สิบนาทีให้หลัง ขนมปังไส้ลูกเกดและเค้กกล้วยหอมก็กรุ่นกลิ่นฟุ้งหอมฉุยออกมาจากห้องครัวพร้อมพี่น้องสาวสวยที่ช่วยกันลำเลียงออกมา
“โอ้โห… หอมน่ากินจังเลยค่ะพี่ปูน”
เพื่อนทั้งหมดของน้องสาวพูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน จนสองพี่น้องถึงกับหัวเราะออกมา
“จ้ะ น่ากินก็กินกันเยอะๆ นะจ๊ะ ในครัวยังมีอีก ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมากค่ะพี่ปูน” ทั้งหมดขอบคุณพี่สาวของเพื่อน ฝ่ายนั้นยิ้มหวานก่อนจะปลีกตัวกลับเข้าบ้าน ปล่อยให้เด็กๆ นั่งกินขนมที่ตนทำ
“นี่แป้ง เมื่อไรพี่ปูนกับพี่จอมจะมีลูกกันสักทีล่ะ”
คำถามของแก้วทำให้คนที่กำลังกัดขนมเงยขึ้นมอง
“ไม่รู้สิ คงเร็วๆ นี้มั้ง” ปภาพินท์ตอบเบาๆ แต่ไม่วายหันไปมองพี่สาวและพี่เขยในบ้าน เห็นปภาวดีนั่งลงพร้อมส่งขนมให้สามีพอดี หญิงสาวอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาแล้วบอก
“แป้งก็อยากมีหลานเหมือนกัน แต่พี่จอมคงยังไม่อยากมีหรอก”
สิ้นเสียงของสาวน้อย โอก็ทำตาพราวพลางกระซิบกระซาบเบาๆ
“อือ ฉันเห็นด้วยนะ ดูสิ พี่ปูนทั้งสวยทั้งน่ารักขนาดนั้น พี่จอมคงยังไม่รีบ”
พูดจบก็หัวเราะกันครืนใหญ่ จนหนุ่มสาวในบ้านถึงกับหันมามองเด็กๆ ด้วยความแปลกใจ ปภาพินท์จึงทำท่าจุ๊ปาก เพื่อนๆ ก็พากันปิดปากโดยพลัน ก่อนจะหัวเราะคิกคักไปตามประสาหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น
กระทั่งบ่ายจัด โครงงานที่ทำร่วมกันเรียบร้อย เพื่อนๆ ของปภาพินท์จึงขอตัวกลับ
“พี่ปูน พี่จอม พวกเรากลับก่อนนะคะ ขอบคุณที่ทำขนมอร่อยๆ ให้พวกเรากินกันนะคะ” แก้วเป็นคนกล่าว ปภาวดีและจอมทัพจึงยิ้มให้กับเพื่อนๆ ของน้องสาว
“ไม่เป็นไรจ้ะ พี่ยินดี กลับบ้านกันดีๆ นะเด็กๆ”
“ค่า...”
ปภาพินท์เดินออกมาส่งเพื่อนๆ ที่หน้าบ้าน
“วันจันทร์เจอกันจ้ะ” บอกพลางโบกมือลา มองจนเพื่อนๆ พ้นสายตาจึงกลับเข้าบ้าน
สาวน้อยเก็บจานชามขนมเดินเข้าครัว แล้วจัดการล้างทันทีเมื่อหันไปเห็นพี่สาวกำลังเริ่มทำกับข้าวเย็น
“เย็นนี้ทำอะไรกินคะพี่ปูน”
ปภาวดีชะงักมือ หันมายิ้มกับน้องสาวพลางบอก
“พี่จอมอยากกินต้มยำกระดูกหมู แล้วแป้งล่ะอยากกินอะไรเพิ่มไหม ถ้าไม่พี่ทำอย่างเดียวนี่แหละเพราะมีต้มข่าไก่เมื่อกลางวันเหลืออยู่”
สาวน้อยส่ายหน้าทันที เพราะต้มยำชามเดียวหล่อนก็กินข้าวได้จนพุงกางแล้ว
“ไม่ต้องค่ะ แค่นี้ก็พอแล้ว งั้นเดี๋ยวแป้งหุงข้าวให้นะคะ”
“ขอบใจจ้ะ” คนเป็นพี่ยิ้มให้น้องสาว พลางดึงกล่องกระดูกหมูออกจากตู้เย็น แล้วตรงไปยังเตาทำอาหาร
จอมทัพเก็บแผ่นหนังที่ดูเรียบร้อยลงชั้นแล้วลุกขึ้นยืนพลางบิดเนื้อบิดตัวจนหายเมื่อยขบ แล้วก้าวตรงไปยังครัวที่ภรรยาและน้องสาวกำลังอยู่ในนั้น
“หอมจังเลย...” เขาเอ่ยกับภรรยาพลางยิ้มให้ ฝ่ายนั้นสบตาสามีแล้วเอ่ย
“อีกสักพักก็เสร็จแล้วค่ะ”
จอมทัพยิ้มพลางหันไปมองปภาพินท์ที่กำลังเตรียมจานช้อนเพื่อตั้งโต๊ะ
“อีกไม่นานก็จบ ม. 6 แล้วนะแป้ง”
สาวน้อยหันไปยิ้มให้พี่เขยที่ก้าวเข้าไปนั่งประจำที่ของตนยังโต๊ะอาหารแล้วยิ้ม
“ค่ะ” สาวน้อยยิ้มแป้น ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อคิดว่ากำลังจะได้เข้าไปเรียนต่อยังมหาวิทยาลัย
“แล้วตัดสินใจได้หรือยังว่าจะสอบเข้าอะไร”
ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องเมีย พลางกวาดตามองร่างเล็กยิ้มๆ