๔
วันรุ่งขึ้น ทั้งหมดเตรียมตัวออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ และอยู่ในชุดทะมัดทะแมงที่พร้อมจะออกไปลุยได้ในทุกที่
“แวะหาข้าวกินก่อนนะคะพี่จอม” ปภาพินท์กล่าวขึ้นหลังจากออกมาได้สิบนาที
“ตกลง” จอมทัพกล่าว “อยากกินอะไรคิดเอาไว้ได้เลยนะ มื้อนี้ปูนเป็นเจ้าภาพ”
พูดจบก็หัวเราะขบขันยกใหญ่ เมื่อถูกภรรยาหยิกต้นแขน ก่อนจะบอกเบาๆ ว่า
“ล้อเล่นน่า ผมเลี้ยงเอง”
ปภาวดีค้อนคมก่อนจะยิ้มตอบสามีแล้วมองไปข้างหน้า ในขณะที่น้องสาวหันไปชวนพ่อและแม่คุยอยู่ด้านหลัง
ไม่นาน ทั้งหมดก็มาแวะจุดพักรถ แล้วตรงเข้าไปยังร้านอาหาร ทั้งหมดได้อาหารตามสั่งกันคนละอย่าง พอเรียบร้อยก็ออกเดินทางอีกครั้ง
“อีกสิบห้านาทีถึง” จอมทัพเอ่ยเมื่อขับรถออกมา ปภาพินท์ตื่นเต้นกับวิวข้างทางเหมือนเคย พลางหันไปชวนบิดาและมารดาของพี่เขยคุยตลอดทาง
“ที่นี่สวยจังค่ะ แป้งอยากมาอยู่ที่นี่จังเลย”
“ก็มาอยู่สิลูก บ้านแม่ออกกว้างขวาง” วรรณากล่าวด้วยใบหน้าอมยิ้ม เช่นเดียวกับทะนงที่เอ็นดูสาวน้อยคนนี้นัก เขาอยากมีลูกสาว แต่มาแต่งงานเมื่ออายุมากจึงมีได้แค่จอมทัพเพียงคนเดียว
ปภาพินท์ยิ้มหวานพลางตอบ
“ก็อยากอยู่ค่ะ แต่ว่าแป้งต้องเรียนน่ะสิคะ แต่เอาไว้มาเยี่ยมพ่อกับแม่บ่อยๆ ก็แล้วกันค่ะ แป้งจะได้มาค้างที่นี่”
“แล้วจะเรียนอะไรล่ะ” ทะนงถาม
“เรียนการโรงแรมและท่องเที่ยวค่ะ” สาวน้อยตอบพลางยิ้มแป้น แววตาสดใสเมื่อเอ่ยถึงสาขาที่สอบเอาไว้
“อ้อ ดีๆ เรียนอะไรก็ดีทั้งนั้น ถ้าเราชอบ ทำให้ดีที่สุดแล้วกันนะลูก” ทะนงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอบคุณค่ะ” เจ้าของเสียงหวานกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันไปคุยกับพี่สาวข้างหน้า ไม่นานนัก ทั้งหมดจึงมาถึงสถานที่ท่องเที่ยวอันขึ้นชื่อของจังหวัด แม่สาวน้อยวิ่งจากรถยนต์เป็นคนแรก แล้วไปยืนแอ็กท่าให้พี่สาวถ่ายรูปตนกับเขื่อนขนาดใหญ่
“เอ้า... หนึ่ง สอง ซั่ม!”
แช๊ะ!!
เสียงชัตเตอร์รัวสองครั้งติด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าอื่น มุมอื่น ทั้งรูปเดี่ยว รูปคู่และรูปหมู่ตามมาอีกนับร้อยรูป...
จากสถานที่แห่งแรก ก็เปลี่ยนไปแห่งที่สองจนมาถึงวัดแห่งหนึ่งที่ผู้คนให้ความเคารพและแวะเวียนเข้ามากราบขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนกลับในช่วงบ่าย ขณะที่จอมทัพพาบิดามารดาเข้าไปไหว้พระนั้นเอง ปภาวดีมีอาการหน้าซีด คล้ายคนกำลังจะเป็นลมจนต้องขอตัวนั่งพักอยู่บริเวณด้านหน้าของอุโบสถ...
“พี่ปูนเป็นอะไรไปคะ ทำไมหน้าซีดจังเลย ไหวไหม ถ้าไม่ไหวเรากลับบ้านกันก็ได้นะคะ” ปภาพินท์กระซิบถามที่สาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในร่ม
“เปล่าๆ พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก แค่รู้สึกมึนๆ งงๆ นิดหน่อย นั่งพักสักประเดี๋ยวก็คงหายเองแหละ แป้งเข้าไปไหว้พระเถอะ” หญิงสาวตอบน้อง ทว่าใบหน้ายังซีดเซียวจนอีกฝ่ายไม่วางใจ
“ไม่เป็นไร ไหว้ตรงนี้ก็เหมือนกัน” ว่าแล้วปภาพินท์ก็หันหน้าเข้าหาโบสถ์ ยกมือขึ้นประนมแล้วตั้งจิตอธิษฐาน...
ผู้เป็นพี่สาวมองน้องแล้วต้องส่ายหน้ายิ้มๆ ปภาพินท์ห่วงใยในตัวหล่อนเสมอ เช่นเดียวกับหล่อนที่ห่วงใยในตัวน้องสาวเป็นอย่างมากเช่นกัน ก็มีกันอยู่แค่สองคนแค่นี้เท่านั้น พี่น้องไม่รักกัน แล้วจะให้ไปรักใครที่ไหน...
ปภาพินท์ยกมือที่ประนมขึ้นจรดระหว่างหัวคิ้ว เสร็จแล้วก็หันมายิ้มให้พี่สาว
“พี่ปูนนั่งตรงนี้นะคะ เดี๋ยวแป้งไปซื้อน้ำมาให้” สาวน้อยอาสาแล้วเดินตรงไปยังร้านจำหน่ายน้ำผลไม้และน้ำอัดลมต่างๆ
ไม่นานนักก็กลับมาพร้อมกับสามคนพ่อแม่ลูกที่เดินลงมาจากอุโบสถเช่นกัน
“พ่อกับแม่ดื่มน้ำกันก่อนค่ะ” สาวน้อยส่งแก้วน้ำให้ทะนงและวรรณา ก่อนหันไปยังจอมทัพที่นั่งลงข้างภรรยา “อันนี้ของพี่จอม”
บอกพลางหันไปมองพี่สาวที่กำลังดื่มน้ำด้วยสายตาเป็นห่วง จอมทัพเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน
“ปูนไม่สบายใช่ไหม หน้าซีดจังเลย”
คำถามของชายหนุ่มทำให้บิดาและมารดามองหญิงสาวพร้อมกัน
“อ้าว เป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าไม่ไหวเราก็กลับกันเถอะ ปูนจะได้พักผ่อน” วรรณาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วงชัดเจน เช่นเดียวกับจอมทัพที่มองไปยังปภาพินท์เป็นเชิงถามความเห็น
“แป้งเห็นด้วยค่ะ เรากลับกันเถอะ พี่ปูนเดินไม่ไหวแล้วแน่ๆ” เพราะนั่งพักมาก็นานพอควร แต่ปภาวดีไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้หมดสนุกกันหมดเลย” หญิงสาวเอ่ยกับพ่อและแม่ของสามี พลางหันไปมองน้องสาวอย่างขอโทษเช่นกัน
“โธ่ ไม่ต้องมาขอโทษอะไรเลย แม่มาออกบ่อย ไปกันเถอะจอม เมียจะได้พักผ่อน”
“ขากลับแวะหาหมอสักหน่อยก็แล้วกัน คลินิกใกล้บ้านเรานั่นแหละ”
เขาบอกเมื่อพากันลุกจากเก้าอี้เตรียมตัวกลับบ้าน ส่วน ปภาวดีไม่มีแก่ใจจะคัดค้านใครอีก เพราะรู้สึกอ่อนเพลียลงอย่างมากจนน่าแปลกใจตนเองเช่นกัน...
เมื่อไปถึงคลินิก ปภาพินท์จึงพาบิดาและมารดาของจอมทัพไปนั่งรอที่ร้านเครื่องดื่มและเบเกอร์รีแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดกันกับคลินิก สาวน้อยสั่งเครื่องดื่มให้ทะนงและวรรณา ส่วนตัวหล่อนมีเครื่องดื่มและเค้กมารับประทานอีกหนึ่งชิ้นระหว่างรอ ปภาวดีและจอมทัพ หลังจากนั้นเกือบชั่วโมงทั้งคู่จึงก้าวเข้ามาภายในร้านเครื่องดื่มด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูเป็นสุขเสียจนทั้งสามที่รออย่างเป็นห่วงต้องแปลกใจ...
“ตกลงเป็นอะไร” ทะนงถามบุตรชายที่ดูจะหน้าบานเป็นจานเชิง”
ร่างสูงโอบไหล่ภรรยาไว้หลวมๆ สบตาคู่งามอย่างมีความหมาย ทำให้คนทั้งสามต่างมองหน้ากันด้วยความกังขา
“ตกลงยังไงฮึพ่อจอม” มารดาชักใจร้อน คนเป็นลูกจึงยิ้มใส่ตาท่านพลางตอบ
“พ่อกับแม่กำลังจะมีหลานแล้ว ปูนท้องครับแม่ ท้องได้สองเดือนแล้ว”
ทั้งสามต่างเบิกตากว้างด้วยความยินดีทันทีที่ได้รับคำตอบ
“จริงเหรอคะพี่ปูน!” สาวน้อยยิ้มแป้น ทำตาโตรีบลุกขึ้นไปจับมือพี่สาวแล้วเขย่าเบาๆ ด้วยอาการตื่นเต้นที่จะได้มีหลาน
“จริงจ้ะ” หญิงสาวตอบน้องสาว ใบหน้าที่ซีดเซียวดูดีขึ้นเช่นกัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้บิดาและมารดาของสามีที่ต่างอมยิ้มด้วยความปลาบปลื้มใจ
“ดีจริง ต่อไปนี้ต้องดูแลตัวเองมากๆ แล้วนะ เอาละ เรากลับกันดีกว่า ปูนจะได้พักผ่อน”
จอมทัพหลุบตามองภรรยาด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี ก่อนจะพากันตรงไปยังรถยนต์ที่จอดไว้ จากนั้นไม่นานทั้งหมดก็กลับถึงบ้าน ปภาวดีนอนพักทันทีที่มาถึง โดยมีจอมทัพดูแลไม่ห่าง ส่วนปภาพินท์อยู่กับทะนงและวรรณาข้างล่าง นอนอ่านหนังสืออ่านเล่นบนเก้าอี้ที่ปรับเอนได้ ข้างๆ คือโต๊ะตัวใหญ่มีผลไม้หลากชนิดวางอยู่ในตะกร้า สาวน้อยหยิบแอปเปิ้ลที่ล้างจนสะอาดขึ้นมาผลหนึ่งแล้วกัดกร้วมพร้อมกับอ่านหนังสือไปพลาง ส่วนทะนงและวรรณานั่งคุยกันตามประสาของท่าน ก่อนจะเอนกายนอนพักกลางวันอย่างที่เคย...
สองวันต่อมา ถึงเวลาที่จอมทัพ ปภาวดีและปภาพินท์ต้องเดินทางกลับ ทั้งหมดร่ำลาบิดามารดาแล้วกลับขึ้นรถยนต์เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
“แล้วแม่จะไปเยี่ยมนะ” วรรณากล่าวกับคนในรถ
“ครับแม่”
ทั้งหมดทำความเคารพทั้งคู่ แล้วรถยนต์ก็ค่อยๆ เคลื่อนออกจากบ้าน
ระหว่างทางปภาพินท์ส่งข้อความคุยกับเพื่อนๆ ไปตลอดเรื่องปภาวดีตั้งท้อง ทั้งหมดต่างยินดีถ้วนหน้า ก่อนจะนัดแนะกันไปพบที่สวนสาธารณะเช่นเคย สาวน้อยเงยหน้าขึ้นจากเครื่องมือสื่อสาร แล้วก็ต้องอมยิ้มเมื่อเห็นจอมทัพคว้ามือภรรยาไปกุมไว้บนตักของตน
“กลับไปคราวนี้พี่ปูนสอนแป้งทำกับข้าวหน่อยนะ เพราะเดี๋ยวพอท้องโตพี่ปูนก็จะทำไม่ค่อยไหว อีกอย่างตอนนี้พี่ ปูนเริ่มแพ้ท้องคงทำอาหารไม่ไหวแน่ๆ เลย”
ปภาวดีหันไปมองน้องสาวแล้วยิ้มหวาน จริงของอีกฝ่าย แค่สองสามวันมานี้แค่ได้กลิ่นกับข้าวนิดหน่อยทั้งที่เป็นของชอบหล่อนก็อาเจียนเสียทุกครั้ง
“ขอบใจมากจ้ะ เอาเป็นว่ากลับไปถึงบ้านพี่จะสอนแป้งแล้วกัน อยากทำอะไรก็บอก”
จอมทัพเหลือบตามองน้องสาวภรรยาแล้วทำหน้าสยอง
“แน่ใจนะแป้งว่าจะทำเอง”
“แน่ใจสิคะ แหม!” หญิงสาวค้อนขวับ ฝ่ายนั้นหัวเราะพรืดพลางบอก
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จะยอมฝืนใจกินฝีมือแป้งก็แล้วกันนะ”
“พี่จอม!” สาวน้อยตาถลนจนปภาวดีต้องห้ามทัพ
“จอมก็จะไปแหย่แป้งทำไม แป้งก็จริงๆ เลย”
หญิงสาวเอ็ดทั้งคู่พร้อมกัน สามีหัวเราะพลางหันกลับไปมองถนน ส่วนน้องสาวทำหน้ามุ่ยแล้วพึมพำเบาๆ ไปพลางว่า
“ได้กินแล้วห้ามติดใจด้วย”
จอมทัพหัวเราะพรืด ส่วนพี่สาวได้แต่ส่ายหน้า ขณะที่คนอายุน้อยสุดหันหน้าหนี แล้วมองออกไปทางหน้าต่าง ครู่หนึ่งจึงหันกลับมาอีกครั้ง พอดีกับที่สองสามีภรรยาที่หันมายิ้มให้กัน
ปภาพินท์มองภาพนั้นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ดีใจที่พี่สาวเลือกคนไม่ผิด จอมทัพเป็นคนดี เป็นสามีที่ดีและหล่อนเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ แน่นอน
แล้วคนตัวอวบระยะต้นก็เอนศีรษะไปกับเบาะรถยนต์ หลับตาพริ้มพลางคิดไปว่าสักวันหล่อนคงได้พบใครสักคนที่มีจิตใจดีเช่นจอมทัพบ้าง ไม่ต้องดีเท่า หล่อเท่า แต่ขอให้เป็นคนดีใช้ได้คนหนึ่งก็พอ ที่สำคัญต้องรักหล่อนจริง คิดยิ้มๆ แล้วผ่อนลมหายใจยาวก่อนจะหลับไป
ไม่รู้ว่านานเท่าไรที่ปภาพินท์เผลอหลับ ทว่าเมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็ต้องตกใจกับเสียงหวีดร้อง ขณะที่ร่างถูกเหวี่ยงกระแทกกับหลังคารถ ก่อนจะหล่นลงมากระแทกกับด้านข้าง พร้อมเสียงเบรกดังสนั่น...
เสียงหวีดร้องลั่นดังในความรู้สึก เช่นเดียวกับหล่อนที่หมุนคว้างกระแทกกระทั้นไปทั่ว เจ็บปวดจนไม่อาจบรรยาย ไม่อาจจับต้นชนปลายได้ถูก แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลงทั้งที่เหตุการณ์ยังไม่จบลง...