ตอนที่ 1 ไม่สนใจ
“นายครับ ได้ตัวมันมาแล้วครับ”
โคมะเอ่ยบอกผู้เป็นเจ้านายที่กำลังนั่งมองเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานด้วยท่าทางนิ่งขรึม จากนั้นก็ผลักร่างสูงที่ถูกมัดมือไว้ไปข้างหน้าอย่างแรงจนล้มคุกเข้าลงบนพื้น
“นะ...นายครับ ผมผิดไปแล้วครับ พวกมันขู่จะทำร้ายครอบครัวผม ผะ...ผมไม่มีทางเลือก ผมเลยต้องทำแบบนี้ครับ”
พรชัยชายวัยกลางคนคุกเข่าขอร้องอ้อนวอนเจ้านายของเขาเสียงสั่น สาเหตุที่เขาตกอยู่ในสภาพนี้เพราะตัวเองถูกจับได้ว่าเป็นหนอนบ่อนไส้เอาข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายอาวุธของเจ้านายตัวเองไปบอกศัตรู เสียงพูดอ้อนวอนของพรชัยไม่ได้ทำให้คนที่กำลังอ่านเอกสารอยู่เงยหน้ามามองเลยแม้แต่น้อย
“โคมะ”
ริวจิเรียกชื่อลูกน้องคนสนิทเสียงเรียบโดยที่สายตายังสนใจเอกสารอยู่
“มันเป็นคนบอกวันนัดส่งของให้ศัตรูรู้ครับนาย โชคดีที่นายน้อยซาโตชิและนายน้อยทาเคชิเป็นคนดูแลการส่งของครั้งนี้เลยจัดการศัตรูได้ครับ”
โคมะพูดขึ้นทันทีโดยไม่ต้องรอให้เจ้านายได้ถามอะไร ด้วยความที่เป็นลูกน้องคนสนิทของริวจิจึงรู้ใจเขาเป็นอย่างดี ทางด้านริวจิเมื่อได้ยินลูกน้องพูดรายงานก็เงยหน้าขึ้นมองพรชัยด้วยสายตาดุดันจนพรชัยต้องรีบก้มหน้าด้วยความกลัว
“นะ...นาย ผมผิดไปแล้วครับ”
พรชัยพูดขึ้นเสียงสั่นด้วยความกลัวหวังให้ริวจิไว้ชีวิตเขา ถึงโอกาสที่จะรอดจะน้อยก็ตาม
“จัดการให้หมดอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว”
พรชัยเบิกตากว้างตกใจทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของริวจิ เพราะคำว่าอย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียวนั่นแปลว่าเขาจะฆ่าล้างทั้งครอบครัวนั่นเอง
“นายครับ ผมขอล่ะครับ ผมทำเองคนเดียว ฆ่าผมคนเดียวเถอะ ปล่อยลูกเมียผมไปนะครับ ผมขอร้อง ลูกชายผมยังเป็นแค่เด็กอายุสิบสามอยู่เลย ปล่อยพวกเค้าไปเถอะนะครับ นะครับนาย”
พรชัยเงยหน้าขอร้องริวจิทั้งน้ำตา
“มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันต้องรู้ เอามันออกไป”
ริวจิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเย็นชาจากนั้นก็ก้มหน้ามองเอกสารต่อทันที ทางด้านโคมะเมื่อได้ยินคำสั่งผู้เป็นนายก็จับพรชัยลากออกจากห้องไปทันทีจนพรชัยได้แต่ร้องไห้พูดอ้อนวอนขอชีวิตกับริวจิเสียงดังจนเสียงหายเงียบไปเพราะโคมะจัดการพรชัยเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็ออกไปจัดการครอบครัวของพรชัยต่อ ส่วนริวจิก็นั่งทำงานเหมือนเดิมโดยไม่ได้รู้สึกอะไรกับการสั่งลูกน้องให้ฆ่าคน เพราะจุดที่เขายืนอยู่ไม่จำเป็นต้องใจดีกับคนที่คิดทรยศเขา ริวจิ นาโอชิมะ อายุสามสิบสองปี นั่นคือชื่อเต็มของเขา เบื้องหน้าเขาคือประธานบริษัทนาโอชิมะกรุ๊ปชื่อดังในแวดวงของนักธุรกิจซึ่งนักธุรกิจส่วนมากก็ต่างอยากจะให้เขาร่วมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทตัวเองโดยที่ไม่มีใครเคยรู้ว่าเบื้องหลังเขาคือผู้นำแก๊งเพลิงมังกรมาเฟียผู้เลือดเย็นฆ่าล้างศัตรูไม่เลือกหน้าไม่สนใจว่าจะเป็นชายหรือหญิง ในแวดวงมาเฟียริวจิมีธุรกิจผลิตอาวุธเพื่อขายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีแก๊งมาเฟียพันธมิตรอีกสามแก๊งที่ร่วมทำธุรกิจนี้ด้วย นั่นก็คือแก๊งเพลิงพยัคฆ์ แก๊งเพลิงราชสีห์และแก๊งเพลิงอินทรีซึ่งทั้งสี่แก๊งถูกก่อตั้งมาตั้งแต่บรรพบุรุษและมีผู้นำสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันโดยให้คำมั่นสัญญากันไว้ว่าทั้งสี่แก๊งจะไม่มีวันทรยศหักหลังกันเด็ดขาด ริวจิและผู้นำอีกสามคนจึงถูกปลูกฝังให้รักใคร่กลมเกลียวกันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ทั้งสี่คนก็กลายเป็นเพื่อนรักกันมาตลอดเพราะเป็นรุ่นแรกที่มีผู้นำอายุเท่ากันทั้งสี่แก๊ง ผ่านไปสักพักโคมะก็กลับมารายงานผู้เป็นนาย
“จัดการเรียบร้อยแล้วครับนาย”
โคมะพูดรายงานริวจิหลังจากทำงานตามคำสั่งเสร็จแล้ว
“อืม”
ริวจิตอบโคมะสั้นๆ เสียงเรียบขณะที่สายตากำลังสนใจเอกสารงานอยู่ จนผ่านไปสักพักริวจิก็หยุดทำงานแล้วลุกเดินออกจากห้องไปเพราะวันนี้ต้องไปตรวจอาวุธก่อนจะส่งออกไปให้ประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมาถึงโกดังเก็บอาวุธแล้วริวจิก็เดินไปยังจุดเตรียมสินค้าที่จะส่งออกทันที
“ไง ได้ยินข่าวว่ามีหนอนบ่อนไส้ทางฝั่งมึง จัดการแล้วหรอ”
ไทเกอร์เพื่อนสนิทของริวจิที่เป็นผู้นำของแก๊งเพลิงพยัคฆ์เอ่ยถามริวจิขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินมา เพราะไทเกอร์ก็มีหน้าที่ตรวจสินค้าก่อนส่งออกเหมือนกัน
“อืม สินค้าพร้อมส่งมั้ย”
ริวจิตอบไทเกอร์สั้นๆ ตามประสาคนพูดน้อยแล้วเอ่ยถามเรื่องงานทันทีเพราะเห็นไทเกอร์มาถึงก่อน
“กูก็พึ่งมาถึงยังไม่เช็ค วันนี้ดื่มหน่อยมั้ย ไอ้สองคนนั่นก็มาพวกมันรออยู่บนห้องแล้ว”
ไทเกอร์เอ่ยชวนริวจิขึ้นขณะที่ทั้งสองกำลังตรวจเช็คงานอยู่
“อืม”
ริวจิตอบไทเกอร์สั้นๆ ซึ่งไทเกอร์เองก็ชินกับนิสัยพูดน้อยของริวจิไปแล้ว เมื่อทั้งสองเช็คงานเสร็จก็ขึ้นไปยังบนห้องที่พวกเขาเอาไว้คุยงานกันหรือนั่งดื่มสังสรรค์กันเวลาที่ได้อยู่พร้อมกันครบทั้งสี่คน
“ทำไมวันนี้พวกมึงมา มีปัญหาเรื่องการส่งของหรอ”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องริวจิก็เอ่ยถามเพื่อนอีกสองคนที่นั่งดื่มอยู่ก่อนแล้วด้วยความสงสัย
“นี่มึงลืมหรอไอ้ริว”
วาชิผู้นำแก๊งเพลิงอินทรีถามริวจิขึ้นเสียงเรียบ จนริวจิได้แต่เดินมานั่งแล้วมองวาชิด้วยสายตาตั้งคำถาม
“วันนี้เป็นวันเกิดไอ้เกอร์”
เลโอผู้นำแก๊งเพลิงราชสีห์พูดขึ้นเมื่อเห็นริวจิทำหน้าสงสัย
“แม่ง วันเกิดกูแท้ๆ เสือกจำไม่ได้ นี่มึงคิดจะจำวันเกิดเพื่อนไว้มั้ยเนี่ย”
ไทเกอร์บ่นให้ริวจิตามประสาคนพูดเก่ง เรียกว่าในบรรดาสี่คนไทเกอร์คือคนที่พูดเก่งที่สุดแล้ว
“อย่าว่าแต่วันเกิดพวกเราเลย วันเกิดมันเองมันจำได้มั้ยเถอะ”
เลโอพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ไม่ใช่มันจำไม่ได้ แต่มันเลือกที่จะไม่สนใจมากกว่า เรื่องที่จะทำให้มันจำก็มีแต่เรื่องที่มันจะได้ผลประโยชน์แค่นั้นล่ะ”
วาชิพูดเสริมอีกคน เพราะนิสัยของริวจินั้นทั้งดุ ทั้งนิ่ง แถมยังเลือดเย็นมากที่สุดในกลุ่มเรียกได้ว่าแทบไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือสบตาเขาเลยสักคน ขนาดโคมะที่เป็นลูกน้องคนสนิททำงานกับริวจิมานานยังรู้สึกหวั่นกลัวสายตาของริวจิตลอดเพราะสายตาที่เขามองคนอื่นมีแต่ความดุดันไม่มีอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อยไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิททั้งสามหรือน้องชายแท้ๆ ของเขา ยังดีที่กับเพื่อนสนิทและครอบครัวเขายังลดความดุดันลงนิดหน่อยแต่ก็ไม่มีใครได้รับรอยยิ้มจากเขาเลยสักคน
“เลิกแซะกู แล้วกรอกเหล้าเข้าปากซะ”
ริวจิด่าเพื่อนๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบจากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ส่วนเพื่อนๆ ทั้งสามก็ได้แต่ยิ้มเยาะออกมาอย่างชอบใจที่กวนริวจิได้ ไม่ได้รู้สึกโกรธริวจิเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้ริว มึงจะไปญี่ปุ่นวันไหน”
วาชิเอ่ยถามริวจิขึ้นเพราะจำได้ว่าริวจิมีนัดคุยงานกับแก๊งยากูซ่าที่ญี่ปุ่น
“พรุ่งนี้เช้า”
ริวจิตอบวาชิสั้นๆ เสียงเรียบ
“ให้กูไปด้วยมั้ย เผื่อพวกมันคิดจะเล่นตุกติก ไอ้พวกนั้นมันยิ่งชอบหาเรื่องคนอยู่นิ”
ไทเกอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงชิวๆ
“คนที่ชอบหาเรื่องคือมึงมากกว่าไอ้เกอร์ ขืนมึงไปแค่พวกมันกวนตีนมึงนิดเดียว มึงก็คงหาเรื่องฆ่ามันเล่นแล้ว สู้ให้ไอ้ริวไปคนเดียวยังดีกว่า”
วาชิพูดดักทางไทเกอร์ทันที เพราะนิสัยของไทเกอร์นั้นนอกจากจะปากแซ่บแล้วยังเก่งเรื่องกวนประสาทคนอีก
“กูเห็นด้วยกับไอ้ชิ มึงไปเท่ากับสร้างสงครามให้ไอ้ริวแน่นอน”
เลโอพูดเสริมวาชิเสียงเรียบ แต่ไม่ได้จริงจังอะไรเพราะแค่อยากกวนไทเกอร์เท่านั้น
“แม่ง พวกมึงนิไม่คิดจะเข้าข้างกูเลยสักคน กูไม่ใช่คนชอบหาเรื่องใครก่อนสักหน่อย แต่ก็แค่ไม่ชอบให้ใครมากวนกูก่อนแค่นั้นเอง สรุปมึงว่าไงไอ้ริว มึงจะให้กูไปด้วยมั้ย”
ไทเกอร์พูดใส่วาชิและเลโออย่างกวนๆ แล้วหันไปถามริวจิด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถึงนิสัยเขาจะเป็นคนที่ดูกวนๆ แต่ความห่วงเพื่อนนั้นก็มีมากไม่น้อย
“กูจะไปคนเดียว มึงต้องอยู่เช็คสินค้าล็อตต่อไป เพราะมันเป็นล็อตใหญ่ ไอ้เลกับไอ้ชิจะได้ไม่เหนื่อย”
ริวจิตอบไทเกอร์เสียงเรียบ
“อืม ตามนั้น มึงก็ระวังตัวด้วย อย่าพลาดให้มันเล่นงานแล้วกัน”
ไทเกอร์พูดกับริวจิด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อืม”
ริวจิขานตอบไทเกอร์สั้นๆ แล้วทั้งสี่คนก็นั่งดื่มกันไปคุยงานกันไปจนดึกถึงแยกย้ายกันกลับ