จินเฟยหลงเมื่อเดินทางมาถึงบริเวณงานเลี้ยง เขาก็เห็นจิงเสี่ยวเจี้ยนและจิงเสี่ยวจางที่ยามนี้คนทั้งสองได้เริ่มร่ำสุรากันไปบ้างแล้ว เนื่องจากงานนี้ท่านอาจารย์ใหญ่อนุญาตให้พวกเขาสามารถนำสุราเข้ามาดื่มร่วมกันได้
เมื่อเห็นสหายจินเฟยหลงจึงเดินตรงเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะกับคนทั้งสองทันที จากนั้นเขาจึงมองหาเหรินเหยียนชิง แต่เขากลับไม่เห็นอีกฝ่ายอยู่ในบริเวณงาน
“มาแล้วหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยทักสหายที่เพิ่งมาถึง
จินเฟยหลงพยักหน้าตอบคำถามของอีกฝ่าย ก่อนจะถามหาคนที่เขากำลังมองหาอยู่
“เหยียนชิงไม่อยู่กับพวกเจ้าหรือ?”
“ตอนแรกก็นั่งอยู่กับพวกข้านี่ล่ะ แต่พอดีมีศิษย์น้องเข้ามาขอคุยด้วย เหยียนชิงจึงพาศิษย์น้องเดินออกไปคุยกันที่ศาลาข้างสระบัว แต่ก็คุยกันมาได้สักพักแล้วนะ” จิงเสี่ยวจางตอบพร้อมกับชี้ไปยังศาลาที่เหรินเหยียนชิงกำลังยืนคุยอยู่กับศิษย์น้อง
จินเฟยหลงมองไปทางศาลาที่จิงเสี่ยวจางบอก ก่อนจะยกจอกสุราที่จิงเสี่ยวเจี้ยนรินวางเอาไว้ให้เขาขึ้นมาดื่ม
“หิวหรือ?” จิงเสี่ยวเจี้ยนเอ่ยทักจินเฟยหลงเมื่อเห็นอีกฝ่ายยกจอกสุราติดต่อกันไปแล้วถึงห้าจอก
“อืม” จินเฟยหลงตอบรับคำของสหายตรงหน้า แต่สายตาของเขาก็ยังคงมองไปทางศาลาที่เหรินเหยียนชิงกำลังยืนพูดคุยอยู่กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แล้วเมื่อเขาเห็นว่าเหรินเหยียนชิงกำลังจะเอื้อมมือไปจับแขนของเด็กหนุ่มคนนั้น เขาก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ศาลาหลังนั้นทันที
“เฟยหลงเจ้าจะไปไหน?” จิงเสี่ยวเจี้ยนถามขึ้น เพราะอยู่ ๆ สหายของเขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาถามด้วยซ้ำ
“เฟยหลง” เหรินเหยียนชิงหันมาทักสหายที่เดินตรงเข้ามาหาเขาในศาลา
“คุยกันจบหรือยัง?” จินเฟยหลงเอ่ยถามเหรินเหยียนชิง
เด็กหนุ่มที่ขอคุยกับเหรินเหยียนชิง เมื่อเห็นจินเฟยหลงเดินเข้ามาในศาลาพร้อมกับบรรยากาศกดดัน เขาก็รีบคำนับให้กับคนทั้งคู่ ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวแล้วถอยออกจากศาลาทันที
“เฟยหลงเจ้ามีอะไรกับข้าหรือ?” เหรินเหยียนชิงหันกลับมาคุยกับสหาย เมื่อเห็นว่าศิษย์น้องที่เข้ามาขอแสดงความยินดีกับเขาเดินออกไปจากศาลาแล้ว
“วันนี้เป็นงานเลี้ยงของสหาย”
“อืม...ใช่” เหรินเหยียนชิงตอบรับคำของคนตรงหน้า
“ข้าอยากดื่มสุรา”
“เจ้าอยากดื่มสุรา? อาจางกับอาเจี้ยนก็นั่งดื่มกันอยู่ตรงนั้นอย่างไรล่ะ” เหรินเหยียนชิงพูดพร้อมกับชี้ไปยังโต๊ะที่สหายแฝดของพวกเขากำลังนั่งร่ำสุรากันอยู่ให้จินเฟยหลงดู แต่คนตรงหน้าก็ได้พูดขยายความในสิ่งที่เจ้าตัวต้องการจะบอกกับเขาต่อทันที
“กับเจ้า” จินเฟยหลงพูดพร้อมกับจดจำใบหน้าของเหรินเหยียนชิง เพราะไม่รู้ว่าหลังจากวันนี้เขาจะได้มีโอกาสอยู่กับคนตรงหน้าแบบนี้อีกหรือไม่
“อยากดื่มสุรากับข้า...ได้! แต่ข้าคออ่อนนะคงดื่มกับเจ้าได้ไม่มากนัก”
“อืม เหยียนชิงแล้วเมื่อครู่เจ้า...” จินเฟยหลงที่คิดจะถามว่าเมื่อครู่อีกฝ่ายพูดคุยอะไรกับเด็กหนุ่มคนนั้น แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาไม่มีสิทธิถาม เขาจึงเงียบปากของตัวเองลงทันที
เหรินเหยียนชิงที่กำลังเดินลงจากศาลา ก็ต้องหันกลับไปมองหน้าจินเฟยหลงเพราะเจ้าตัวเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างกับเขาแต่ก็ไม่ยอมพูดให้จบประโยค แล้วเมื่ออีกฝ่ายเห็นว่าเขาหันกลับไปมอง เจ้าตัวก็เร่งเดินนำเขาออกไปจากศาลาเสียอย่างนั้น จนเขาต้องรีบเดินตามอีกฝ่ายไป
จากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็นั่งร่ำสุราร่วมกับสหายคนอื่น ๆ ยาวไปจนเกือบครึ่งค่อนคืน และด้วยเพราะจิงเสี่ยวเจี้ยนกับจิงเสี่ยวจางไม่ได้พักอยู่ในสำนักศึกษาหลวง แล้วสหายแฝดคู่นี้ก็มักจะแอบหนีออกจากจวนไปนั่งร่ำสุราร่วมกับสหายด้านนอกอยู่บ่อยครั้ง เหรินเหยียนชิงจึงคิดจะปล่อยให้คนทั้งคู่นั่งร่ำสุรากับสหายคนอื่น ๆ ต่ออย่างเต็มที่ เนื่องจากวันนี้จินเฟยหลงที่ไม่รู้ว่านึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้ยกสุราขึ้นดื่มจอกต่อจอกอย่างไม่กลัวเมา และผลที่ได้ก็คือยามนี้เจ้าตัวเมาถึงขั้นฟุบใบหน้าลงไปแนบกับโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
เหรินเหยียนชิงจึงหันไปเอ่ยขอตัวกับสหายคนอื่น ๆ ก่อนจะเข้าไปประคองคนเมาเพื่อพากลับเรือนพักของพวกเขา
“เฟยหลง ทำไมเจ้าต้องดื่มสุราจนเมาหนักขนาดนี้ด้วยเนี่ย” เหรินเหยียนชิงบ่นพร้อมกับเอื้อมมือไปโอบกระชับรอบเอวและจับแขนคนตัวโตให้คล้องคอของเขาเอาไว้ ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะไหลลงไปกองกับพื้น ก่อนที่เขาจะพยายามลากคนเมาเดินโซเซกลับไปยังเรือนพัก
จินเฟยหลงไม่อยากทิ้งน้ำหนักของตนเองลงไปที่คนตัวเล็กมากจนเกินไป จึงพยายามเกรงตัวเอาไว้ เพราะความจริงแล้วเขาไม่ได้เมา แต่เพราะว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่ตัวเขากับเหรินเหยียนชิงจะได้พักอยู่ด้วยกัน เขาจึงอยากให้อีกฝ่ายจะหันมาดูแลและหันมาใส่ใจเขาอีกสักครั้ง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะต้องแยกจากกัน แล้วก็อาจจะไม่ได้เจอ ไม่ได้ใกล้ชิดกัน แบบที่ใจของเขาต้องการได้อีกต่อไป
.......................................................................
ผู้เขียนขอขอบคุณทุกยอดวิว ยอดกดหัวใจ ยอดกดติดตาม และทุกข้อความของผู้อ่านทุกท่านมาก ๆ นะคะ ทุกยอดคือกำลังใจที่ดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆของผู้เขียนเลยค่ะ